Forexthai.in.th ย่อให้

  • Momentum Moving Averages: เป็นการผสมผสานระหว่างการจับจังหวะของตลาด (Momentum) และการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) โดยใช้
    • เส้น MA 5: ช่วยระบุแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น
    • MA 20: ช่วยแสดงภาพรวมของแนวโน้มราคาระยะกลาง และระบุแนวรับแนวต้านสำคัญ
  • การเข้าเทรด Buy: เส้น MA 5 ต้องอยู่เหนือเส้น MA 20
  • การเข้าเทรด Sell: เส้น MA 5 ต้องอยู่ใต้เส้น MA 20
  • การบริหารความเสี่ยง: ตั้ง Stop Loss และ Trailing Stop + กำหนดขนาดการลงทุน (Position Sizing) + ใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio)

กลยุทธ์เทรด Momentum Moving Averages

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับเส้น Moving Average เป็นอย่างดี เพราะมันมีประโยชน์ในการวิเคราะห์แบบพื้นฐานที่ค่อนข้างครบถ้วนและในบทความนี้เราจะมาพูดถึงและสอนกลยุทธ์เทรดที่ต้องเส้น MA เหมือนกันครับ เรียกว่า “Momentum Moving Averages


การเทรด Momentum moving averages คืออะไร?

  • การเทรดแบบ Momentum Moving Averages จะเข้าใจความหมาย เราต้องแยก 2 คำนี้ก่อนครับคือ Momentum + Moving Averages
  • โดย Momentum คือ ความเร็วหรือความแรงที่ตลาดเคลื่อนที่ในทิศทางหนึ่ง เหมือนพลังงานที่ขับเคลื่อนกราฟแท่งเทียนไปในทิศทางนั้นๆ
  • ส่วน Moving Averages ก็รู้กันดีว่าคือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แต่ถ้าสังเกตว่ามีตัว “s” ต่อท้าย ก็หมายความกลยุทธ์นี้ใช้ MA 2 ตัวนั่น คือ MA 5 และ MA 20 นั่นเองครับ
ประโยชน์ของ Momentum Moving Average
การเทรดแบบ Momentum Moving Average นั้น มีประโยชน์หลายประการตั้ง ช่วยให้เทรดเดอร์รู้ว่าควรเทรดหน้าไหน Buy/Sell จังหวะควรเข้าเทรดและควรปิดออเดอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ทักษะในการดูเส้น MA เป็นหลัก

ทำไมต้องเส้น MA 5, 20?

  • การใช้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 และ 20 มีความหมายซ่อนอยู่ โดย…
    • MA 5 คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วันมักจะใช้เพื่อระบุแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะสั้น
    • ส่วน MA 20 คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันมักจะใช้เพื่อระบุแนวโน้มในระยะกลาง
  • ซึ่งเส้น MA 5 จะใช้ดูการเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นได้ชัดเจนกว่า ส่วนเส้น MA 20 จะช่วยให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มของราคามากกว่าและสามารถระบุแนวรับและแนวต้านที่สำคัญได้
  • และสองเส้นนี้มีความสัมพันธ์ต่อการออกออเดอร์เทรดสามารถทำให้เทรดเดอร์ระบุจุดเข้าและออกในตลาดได้ดียิ่งขึ้น เช่น
    • เมื่อเส้น MA 5 อยู่เหนือเส้น MA 20 มักเป็นสัญญาณการเข้า Buy (Long)
    • แต่เมื่อเส้น MA 5 อยู่ใต้เส้น MA 20 มักเป็นสัญญาณการเข้า Sell (Short)
Indicator ที่ใช้ในกลยุทธ์ Momentum MA
Momentum Moving Average ประกอบไปด้วยอินดิเคเตอร์หลักๆ คือ เส้น Moving Average 5 และ 20 ซึ่งเอาไว้ใช้ดูและตีความแตกต่างกัน โดยเส้น MA 5 เอาไว้ดูการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น การทะลุผ่านของแท่งเทียน ส่วนเส้น 20 เอาไว้ดูแนวโน้มหลักสำหรับเลือกฝั่งเข้าออเดอร์

การเทรดจับจังหวะ Momentum moving averages

เรามาดูการเทรดและการจับจังหวะสำหรับ Momentum moving averages โดยจะอธิบายทั้งการ Buy (Long) และ Sell (Short) พร้อมกับคำอธิบายอย่างละเอียดครับ

การเข้า Buy (Long)

การเข้า Buy (Long)
ตัวอย่างกราฟ GBPUSD สำหรับการใช้ Momentum Moving Average โดยเน้นเล่นฝั่ง Buy เพราะเส้น MA 5 วิ่งอยู่เหนือเส้น MA 20 จากนั้นรอจับจังหวะที่โมเมนตัมราคาทะลุลงและกลับขึ้นมา ให้เข้าเทรดได้เพราะมีโอกาสที่ราคาจะมีแรงวิ่งเยอะ
  • อันดับแรกอยากแนะนำว่าการเทรด Momentum moving averages จะใช้กราฟ Day เป็นหลักครับ ดังนั้นการเทรดลักษณะนี้จะเป็นไม่การเทรดระยะสั้นแน่นอนครับ
  • ต่อมาสิ่งต้องดูเมื่อเราจะเล่นหน้า Buy ก็คือเส้น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วัน (MA 5) ต้องอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (MA 20)
  • จากนั้นหากเราเห็นว่ามีแท่งเทียนแท่งหนึ่งเริ่มปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วัน (MA 5) เป็นครั้งแรก!!! นี่เป็นสัญญาณเตือนให้เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเทรด แต่ยังไม่ต้องรีบเข้านะครับ
  • สังเกตว่าภายใน 3 วัน หรือแท่งเทียน 3 แท่ง (เพราะใช้กราฟ Day) ได้กลับมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วัน (MA 5)
    • เมื่อราคาปิดกลับขึ้นมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันภายใน 3 วัน นั่นแสดงถึงความแข็งแกร่งของ Momentum ขาขึ้น เปิดสถานะ Buy (Long) ที่แท่งเทียนถัดไปได้เลย
    • แต่!!! หากราคายังไม่กลับมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันภายใน 3 วัน ให้ยกเลิกแผนการเทรดหรือออเดอร์นี้ เนื่องจากสัญญาณไม่แข็งแกร่งเพียงพอ
  • ส่วนการตั้ง SL ให้ตั้งไว้ที่ราคาต่ำสุด (Low) ของแท่งเทียนที่ทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันขึ้นมาก่อนเราจะเข้าเทรด Buy ก็คือแท่งเทียน
  • หากราคาขึ้นตามที่คาดการณ์และเริ่มมีกำไร ก็ควรขยับ Trailing Stop ขึ้นมาตามราคาเพื่อช่วยล็อกกำไรและลดความเสี่ยงหากราคากลับตัวกระทันหัน

การเข้า Sell (Short)

การเข้า Sell (Short)
ตัวอย่างการเล่นฝั่ง Sell ของกราฟ GBPUSD โดยรูปแบบจะเหมือนกับเล่นฝั่ง Buy แค่สลับฝั่งกัน เช่น เส้น MA 5 ต้องต่ำกว่า MA 20 และรอให้ราคาพุ่งขึ้นเหนือเส้นและกลับลงมาต่ำกว่า MA5 จากนั้นก็เข้า Sell เพราะราคากำลังมีโมเมนตัมวิ่งลงเยอะ
  • จากกราฟ Day ให้สังเกตว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วัน (MA 5) ต้องอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (MA 20) เป็นโอกาสเล่นหน้า Sell (Short) ได้
  • จากนั้นจะมีแท่งเทียนแท่งหนึ่งเริ่มปิดสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วัน (MA 5) เป็นครั้งแรก!!! นับเป็นสัญญาณเตรียมพร้อมเข้าเทรด Sell
  • ภายใน 3 วันหรือภายในแท่งเทียน 3 แท่งนับจากที่มันทะลุเหนือเส้น MA 5 ต้องทะลุลงไปปิดจบต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วัน (MA 5) และเราจะเข้า Sell ในแท่งเทียนถัดไป
  • แต่ถ้าภายใน 3 วันนี้ ไม่มีแท่งเทียนใดทะลุผ่าน MA 5 กลับลงมา ก็ให้ยกเลิกออเดอร์การเทรดนี้ไปและรอหาจังหวะใหม่ ไม่ควรเสี่ยงเทรดต่อ
  • การตั้ง SL ให้ตั้งที่ราคาสูงสุด (High) ของแท่งเทียนที่ทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันลงมา
  • หากราคาขยับลงตามที่คาดการณ์และเริ่มมีกำไร ก็ควรขยับ Trailing Stop ตามราคาเพื่อช่วยล็อกกำไร

การบริหารความเสี่ยงเมื่อเทรดด้วย Momentum Moving Averages

แม้ว่าเราจะรู้หลักการเทรดทั้ง Buy และ Sell สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์ต้องตระหนักไว้เสมอเมื่อเริ่มเทรดคือการบริหารความเสี่ยง เวลาเทรดด้วย Momentum Moving Averages มีหลักการบริหารความเสี่ยงดังนี้ครับ

1. ใช้ Stop Loss และ Trailing Stop อย่างมีระบบ

  • อย่างบอกไปในส่วนของการเทรดว่า Momentum Moving Averages จะต้องตั้ง Stop Loss ที่จุดไหนและควรใช้ Trailing Stop เพื่อล็อคกำไรด้วย
  • สิ่งสำคัญเมื่อราคาเคลื่อนที่ผิดทางเราต้องไม่ปรับ Stop Loss ตามอารมณ์เพราะมันจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น หากราคาชม SL ก็ให้ชนไป ยอมรับการขาดทุนและหาจังหวะใหม่

2. กำหนดขนาดการลงทุน (Position Sizing) ที่เหมาะสม

  • สืบเนื่องจากข้อที่ 1 การที่เราจะยอมให้ราคาชนกับ SL ได้โดยไม่กระทบทางการเงินและอารมณ์ของเราก็คือการกำหนดขนาดการลงทุน (Position Sizing) ที่เหมาะสม
  • เทรดเดอร์มือใหม่แนะนำว่าใช้ความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของทุนทั้งหมดต่อการเทรด ซึ่งอาจจะใช้สูตรนี้ก็ได้ครับหรือศึกษาเพิ่มเติมจากบทความนี้ครับ

3. ใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio)

  • การใช้ RRR เรารู้อยู่แล้วว่าหลักเกณฑ์นี้จะเป็นการกำหนด ระยะ SL และระยะ TP แบบอัตราส่วน ซึ่งที่นิยมก็คือ 1:2 คือเสี่ยง 1 ส่วน เพื่อหวังกำไร 2 ส่วน
  • แต่การเทรดแบบ Momentum Moving Averages นั้นมีการกำหนด SL และจุดเข้าเทรด ไว้อยู่แล้วตามที่บอกไปด้านบน ดังนั้นถือว่า SL นั้นเป็น 1 ส่วนของความเสี่ยง และตั้ง TP 2 ส่วน หรือระยะ 2 เท่าของ SL นับจากจุดเข้าเทรด
ตัวอย่างการคำนวน lots พื้นฐาน
ตัวอย่างการคำนวน lots พื้นฐานสำหรับเทรดคู่เงินหลัก โดยการเทรดต่อครั้งจะใช้จำนวน lots ไม่เกินที่คำนวณ สามารถแบ่งออกเป็นหลายๆ ไม้ได้ เช่น คำนวณแล้วได้ไม่เกิน 0.04 lots สามารถออกออเดอร์ 0.01 ได้ 4 ครั้ง

วิดีโอเกี่ยวกับการเทรด Momentum with Moving Averages

ประโยชน์ของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ Simple Moving Average (SMA) เครดิต By UKspreadbetting Focus นาทีที่ 0:03-08:55

มีวิดีโอตัวหนึ่งที่เนื้อหามีความเกี่ยวข้องกับบทความของเรา วิดีโอนี้พูดถึงประโยชน์ของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ Simple Moving Average (SMA) ซึ่งเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเน้นที่การใช้เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน (MA 5) ซึ่งเป็นการเทรดที่ค่อนข้าง aggressive เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจับจังหวะการเคลื่อนไหวระยะสั้น (2-3 วัน)

  • Focus นาทีที่ 0:03 แนะและพูดถึงประโยชน์ของ Simple Moving Average
  • Focus นาทีที่ 2:55 อธิบายว่าการใช้ MA 5 เหมาะกับการจับจังหวะระยะสั้น
  • Focus นาทีที่ 7:10 เน้นย้ำว่าไม่มีเครื่องมือใดที่เป็น “Holy Grail” หรือรับประกันผลกำไรได้

สรุป

เห็นไหมครับว่าการวิเคราะห์ที่เฉียบคมแบบ Momentum Moving Averages เป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นแนวโน้มและโมเมนตัมของตลาดอย่างชัดเจน เพิ่มโอกาสในการทำกำไรแต่ก็อย่าลืมที่จะบริหารความเสี่ยงเสมอครับ เพราะทุกกลยุทธ์การเทรดย่อมมีความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาครับ

สุดท้ายนี้ความสำเร็จใน Forex ไม่ได้มาจากการค้นพบสูตรวิเศษ แต่คือการฝึกฝน การมีวินัยและการไม่หยุดพัฒนาตนเอง ก็หวังว่า Momentum Moving Averages จะกลายเป็นกลยุทธ์ที่หลายคนชื่นชอบและทำกำไรให้แก่เทรดเดอร์ทุกคนนะครับ

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments

สารบัญบทความ