Indicator เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ใช้ประกอบการตัดสินใจในการเทรดในบทความชุดนี้ เราจะพูดถึง Indicator การใช้งานและการติดตั้ง MT4 Indicator รวมทั้งการใช้งาน Indicator ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ ที่ไม่มีค่อยมีการเผยแพร่ที่ไหนการใช้งาน Indicator เป็นมากกว่าการนำ Indicator เข้าไปใส่ในกราฟแล้วทำการเทรดตามสัญญาณที่ให้ แต่การใช้ Indicator นั้นต้องรู้จักสังเกตุรายละเอียดมากมาย พร้อมทั้งฝึกฝนอยู่เสมอ ไม่ต่างการการใช้ดาบที่เชี่ยวชาญแม่นยำ ก็ย่อมฟาดฟันได้ดั่งใจนึก
เป็นเครื่องมือของ Bill William มีหลักการคล้ายคลึงกับ Moving Average ใช้ในการวิเคราะห์เทรนด์ของราคาหลักทรัพย์ซึ่งเขากล่าวว่า ตลาดเทรนด์นั้นคิดสัดส่วน 15 – 30 % ของการเคลื่อนไหวทั้งหมด ขณะที่ตลาด Sideway มีมากถึง 70 – 85 % ด้วยกัน William เชื่อว่า เทรดเดอร์ทั่วไปกับสถาบัน มักจะทำการสะสมกำไรช่วงที่ตลาดมีเทรนด์
ใช้วัดความผันผวนของราคา พัฒนาขึ้น โดย J. Welles Wilder, Jr โดยพัฒนาขึ้นมาใช้ในตลาด Commodities เครื่องมือจะไม่ได้บอกเทรนด์ หรือวทิศทางราคาจึงควรจะใช้ประกอบกับเครื่องมืออื่น ซึ่งส่วนมากต้องเป็นเครื่องมือที่เทรดในระยะเส้น เช่น Stochastic หรือ RSI
Fibonacci คือ ลำดับเลข ที่เรียงกันโดยบวกกันจากตัวเลขข้างหน้า โดยลำดับเลขจะเรียงลำดับดังต่อไปนี้0,1,1,2,3,5,8,13,21,34……nเครื่องมือ Fibonacci จะใช้ในการเทรดแบบแนวรับแนวต้าน แต่ว่าปัญหาคือ การตีเส้นและการตีความที่แตกต่างกัน ทำให้การใช้งานได้ผลออกมาไม่คงที่ โดยเฉพาะมือใหม่และเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว Auto Fibo คือ เครื่องมือสำหรับลากเส้น Fibonacci อัติโนมัติเพื่อแก้ปัญหานี้ครับ
เป็นเครื่องมือประเภทใช้วัด Momentum ของตลาด โดย Awesome Oscillator จะวัดค่าความต่างของ Moving Average ค่า 34 และ 5ซึ่งการคำนวณของ MA ที่ใช้สร้าง AO นั้นแทนที่จะใช้ราคาปิด แต่ใช้จุดกึ่งกลางของแท่งเทียนแทนเครื่องมือนี้มีความสามารถในการใช้หาจุดกลับตัวของตลาด ที่ออกแบบมาตอบโจทย์กับการเทรดโดยใช้เทรนด์มาก แก้ไขข้อจำกัดของ indicator ประเภทเทรนด์และประเภท Swing ได้เป็นอย่างดี
เป็น Indicator สำหรับการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาตลาด เป็นกราฟวัดความผันผวนของราคา ที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดเครื่องมือหนึ่ง เนื่องจากมีความสามารถใช้วิเคราะห์ได้ทั้งตลาดเทรนด์และตลาด Sidewayการใช้งาน Bollinger Band นั้น สามารถทำได้ง่ายและสามารถใช้ได้ทุก Time Frame หรือแม้กระทั้งใช้ร่วมกับ Time Frame อื่นๆ ได้ด้วยข้อบกพร่องของ Bollinger Band นั้น แทบจะไม่มี ปัญหาของการใช้งาน Bollinger Band นั้นส่วนใหญ่มาจากความไม่เข้าใจกลไกการทำงานของมันมากกว่า
เป็นเครื่องมือวัดการแกว่งตัว พัฒนาโดย Donald Lambert ในช่วงปี 1980 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง หลักการประยุกต์ใช้ในการเทรดของ CCI คือ การเทรดโดยการวิเคราะห์สัญญาณ Overbought และ Oversoldถ้าหากว่าเปรียบเทียบกับ RSI หรือ Indicator ที่วัดการแกว่งตัว ตัวอื่น ๆ ถือว่าสูสี โดยเฉพาะเมื่อ indicator ตัวอื่นที่ใช้ในการแกว่งตัว จะต้องเผชิญปัญหาในช่วงที่ตลาดมีเทรนด์ แต่สำหรับ CCI จะไม่มีปัญหาที่กล่าวมาเลย
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการขีดเส้น Trend Line อัติโนมัติ ใช้ Time Frame ได้หลากหลาย โดยจะต้องใช้ค่าทั้งหมด 400 แท่งเทียน ซึ่งจำนวนแท่งเทียนไม่ครบก็จะไม่มีกราฟเกิดขึ้น Channel Indicator นั้นคิดค้นโดย Nikolai Semko เผยแพร่ใน mql5.comสามารถดาวโหลดได้ที่: https://www.mql5.com/en/code/10882
ใช้ระบุทิศทางของเทรนด์ และการแกว่งตัวใน Time Frame ที่เลือก เป็นการพล็อตกราฟเส้น ที่จุดสูงสุดและต่ำสุดของสินทรัพย์ตลอดช่วงเวลาต่าง ๆจะใช้ราคาของแท่งเทียนในการคำนวณ กราฟแท่งเทียน จะพล็อตบนกราฟที่แสดง ราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ราคาปิด บน Time Frame ที่กำหนดใช้หลักการ Band คือ เทียบราคาเหมือนกับกระแสน้ำ ที่ไหลอยู่ในกรอบของแม่น้ำ ดูการไหลของแม่น้ำ เมื่อมันชนกับเส้นด้านล่างแล้วมันก็จะสะท้อนกลับไปชนอีกฝั่งหนึ่ง
เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์การแกว่งตัว และสามารถใช้พยากรณ์เทรนด์ได้ ลักษณะเป็นการใช้เป็นกลุ่ม Band มีการเฝ้าสังเกตุการสวิงของราคา ภายในกรอบของ Band ที่เรียกว่า Envelope ซึ่งกรอบของการเคลื่อนไหวของราคาแทนที่เป็นกรอบคงที่แบบ Stochastic หรือ RSI แต่ Envelope จะเป็นกรอบที่เคลื่อนไหวไปตามราคาสิ่งสำคัญของการใช้งานคือการตั้งค่า เพราะถ้าหากตั้งค่า Moving Average ไว้มากเกินไปจะทำให้ Envelope ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว และถ้าหากเราตั้งค่าไว้น้อยเกินไป ก็จะทำให้การเคลื่อนไหวนั้นเร็วเกินไป
Indicator ตัวนี้มีคุณสมบัติในการบอก “Trend” ของคู่เงินที่เราสนใจ โดยถ้า Trend Up แท่งกราฟจะแทงขี้นเป็นสีฟ้า ถ้า Trend Down แท่งกราฟจะแทงลงเป็นสีแดง Indicator “Fisher” นั้นการใช้งานนั้นค่อนข้างง่าย ได้ผลค่อนข้างแม่นยำ แต่การจะใช้แค่ตัวเดียวนั้นอาจจะไม่ปลอดภัย 100% ในจังหวะที่มีการสวิงแต่เป็นการสวิงแบบเล็กๆ ดังนั้นเพื่อดูความแข็งแรงของเทรนประกอบด้วยจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ตัวอื่นมาร่วมด้วย เช่น ใช้ร่วมกับ Indicator อีก 2 ตัวคือ CCI และ Stochastic ซึ่งสองตัวนี้ใน MT4 เองก็มีอยู่แล้ว
เป็นเทคนิคการกรองราคาข้อมูลแบบญี่ปุ่น พัฒนาโดย Munehisa Homma ในช่วงปี 1700 ซึ่งเป็นลักษณะของกราฟที่มีลักษณะร่วมกับกราฟแท่งเทียน แตกต่างกันที่มูลค่าที่ใช้ในการสร้างแท่งเทียน แทนที่จะใช้ ราคาเปิด ปิด ราคาต่ำสุด และราคาสูงสุดHeiken Ashi กลับใช้สูตรที่อยู่บนพื้นฐานของการเฉลี่ย เพื่อให้กราฟนั้นมีความสมูทมากขึ้น และยังสามารถบอกจุดกลับตัวได้เป็นเครื่องมือวัดเทรนด์ที่สามารถเห็นได้ทันที ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเทรนด์อย่างชัดเจน โดยใช้การเปลี่ยนสีเพื่อบ่งบอกเทรนด์ที่เปลี่ยนไป
เป็นเวอร์ชั่นปรับปรุง ของ Heiken Ashi ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวของราคานั้นดูเรียบขึ้น เพื่อใช้วิเคราะห์ตลาด Forexโดยมีการปรับเรียบค่า ทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นลดความผันผวนของราคาในระยะสั้นลงได้มาก เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ โดยสามารถดาวน์โหลดเพื่อติดตั้งใน MT4 ได้จากเว็บไซต์ดังนี้แหล่งดาวน์โหลด: https://www.mql5.com/en/code/7930
เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ราคา สร้างโดย Gerald Appel ในช่วงปี 1970 ถูกออกแบบมาเพื่อเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ การลดลงของความแข็งแกร่งของเทรนด์ ทิศทาง โมเมนตั้มในการเทรด MACD นั้นถูกจัดอยู่ในหมวด Oscillator ซึ่งก็คือหมวดการวัดการแกว่งตัว อย่างไรก็ตาม MACD ไม่สามารถใช้วัดการแกว่งตัวของราคาได้ดี เพราะว่าลักษณะของมันสร้างจากเครื่องมือประเภทเทรนด์ ทำให้มันใช้งานดีกว่าในตลาดเทรนด์
“ดัชนีการวัดกระแสเงิน” เป็นอินดี้ที่อยู่ในหมวดของ Oscillator ลักษณะของมันจะแกว่งตัวตั้งแต่ 0 – 100 ใช้ในการแสดงการเคลื่อนไหวของเงิน วัดว่าตอนนี้กระแสเงินนั้นไหลไปที่ไหน ฝั่ง Buy หรือฝั่ง Sellหน้าตาของ MFI นั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างกับ RSI เพียงแต่ใช้ปริมาณในการคำนวณ (Volume) ซึ่งสามารถใช้ MFI ในการเทรดคล้ายคลึงกับ RSI ได้เช่นกัน นั่นคือใช้สัญญาณ Overbought และ Oversold
เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาเครื่องมือทั้งหมด ซึ่งถูกใช้ประยุกต์เพื่อสร้างเครื่องมืออื่นๆ อีกหลายๆ ด้าน ใช้ในตลาดที่มีเทรนด์และตลาดแกว่งตัว อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ในตลาด Forex นิยมจะใช้ Moving Average ในการวิเคราะห์ทิศทางของตลาดมากกว่าMoving Average คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้ในการปรับเรียบพฤติกรรมราคา เพื่อให้การเคลื่อนไหวที่ผันผวนสูงนั้นดูราบเรียบและพยากรณ์การเคลื่อนไหวได้ ในทางสถิติมันมีอีกชื่อว่า Running Average โดยการที่ใช้ค่าขยับไปข้างหน้าทุกครั้งเพื่อคำนวณค่าเฉลี่ย
เป็นเครื่องมือประเภท Oscillator ในกลุ่มที่สร้างจากเครื่องมือประเภทเทรนด์ ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับ MACD คือ มีลักษณะเป็นแท่ง Histogram มีการตั้งค่าพื้นฐานเหมือนกัน มันถูกนำไปประยุกต์ใช้กับกราฟช่วงแกว่งตัวอย่างกราฟ Sideway โดยใช้เป็นตัวให้สัญญาณ Overbought และ OversoldOSMA สร้างมาจากเส้น Moving Average ที่มีความเร็วแตกต่างกัน 3 เส้น นั่นคือ ค่า MA 12,26,9 ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่ใช้ในการตั้งค่า MACD เช่นกัน
เป็นอินดี้ที่ใช้ค่าความสัมพันธ์ของค่าเงินในการดูความเคลื่อนไหว เป็นการประยุกต์ใช้หลักการ Correlation คือ การเคลื่อนไหวของค่าเงิน 2 ค่าเงินนั้นย่อมมีความสัมพันธ์กัน ถ้าหากว่าค่าเงินนั้นคล้ายคลึงกันตัวอย่างเช่น ค่าเงิน EURUSD และ ค่าเงิน GBPUSD เนื่องจาก EUR และ GBP เป็นค่าเงินของยุโรปเช่นกัน และ ค่าเงิน USD ก็เป็นค่าเงินฐาน่ของ 2 ค่าเงิน ดังนั้น การเคลื่อนไหวของค่าเงิน ทั้ง 2 ค่าย่อมมีความคล้ายคลึงกันแหล่งดาวน์โหลด: https://www.mql5.com/en/code/7933
เป็นเครื่องมือที่ J. Wellles Wilder, Jr คิดค้นขึ้น วัตถุประสงค์คือ ต้องการที่จะบอกจุดกลับตัวของราคา ว่าตอนนี้เทรนด์เปลี่ยนทิศทางหรือยัง ซึ่งการวิเคราะห์นี้สามารถใช้ได้ทุกตลาด และจะมีประสิทธิภาพสูงในตลาด Forexเครื่องมือนี้ยังใช้บอกเทรนด์ของราคา และเป็นเครื่องมือประเภท Lagging System ก็คือ เมื่อราคาเปลี่ยนแปลงแล้วจึงทำให้การวิเคราะห์เปลี่ยนParabolic SAR ยังใช้วิเคราะห์แนวรับแนวต้าน และบ่อยครั้งที่มันจะใช้เป็น Stop loss เพราะว่า ถ้าหากนั่นคือ จุดกลับตัวก็หมายความว่าเป็น จุด Stop loss ด้วยเช่นกัน
Pivot Point นั้น ในตลาด Forex มันคือ ระดับราคาที่ถูกใช้โดยเทรดเดอร์ เพื่อที่จะบอกว่านั่นเป็นจุดสำคัญ การคำนวณ Pivot Point จะเป็นการคำนวณราคาเฉลี่ยของราคา (high, Low, Close) จากการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเวลาก่อนหน้าซึ่งบ่อยครั้งที่มันใช้เป็นแนวรับ หรือแนวต้าน แต่มันไม่ใช่เส้นกรอบต่ำสุดสูงสุด ตรงกันข้าม Pivot Point นั้นทำหน้าที่เหมือนกับจุดตรงกลางเสียมากกว่าโดยเมื่อได้ราคา Pivot มาแล้ว ก็จะสามารถหาแนวรับที่ 1 ที่ 2 หรือ ที่ 3 คือระดับราคาที่ห่างออกจาก Pivot Point ทั้งด้านล่างและด้านบน
เป็น Technical Indicator ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาด Forex แต่ในครั้งแรกมันใช้วัดความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์RSI นั้นถูกจัดให้อยู่ในหมวด Momentum Oscillator เพื่อใช้การวัดความเข้มของทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา โดย RSI นั้นจะคำนวณโมเมนตั้ม เป็น อัตราส่วนของราคาปิดที่สูงขึ้นและต่ำลง ตัว RSI นั้นได้รับการพัฒนา โดย J. Welles Wilder ในปี 1978
เป็นเครื่องมือที่มีความคล้ายคลึงกับ Stochastic Oscillator แต่ว่ามีความราบเรียบและสอดคล้องกับเทรนด์และการเคลื่อนไหวของราคามากกว่าสิ่งที่มันแตกต่างคือ แทนที่จะวัดการเคลื่อนไหวเป็น เปอร์เซ็นต์เหมือน Stochastic แต่มันใช้การวิเคราะห์เป็นช่วงการเคลื่อนไหวของราคาRVI นั้นเป็นการวิเคราะห์ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของเทรนด์ โดยเปรียบเทียบกับราคาปิดของการแกว่งตัวของราคา มันใช้การปิดที่สูงกว่าของราคาทำการคำนวณ และเมื่อราคาต่ำกว่าเดิม จึงจะทำให้ RVI เปลี่ยนทิศทาง
ในการวัดทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา และช่วงของการเคลื่อนไหว ชื่อของมันมีความหมายแปลว่า “ก้อนอิฐ” แท่งอิฐใหม่ที่เกิดขึ้นในกราฟ จะสร้างใหม่ก็ต่อเมื่อ ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เปลี่ยนแปลงราคาแต่ละแท่งนั้นจะทำมุม 45 องศา กับก้อนอิฐก่อนหน้า โดยที่แท่งอิฐที่เป็นแท่งขาขึ้นจะเคลื่อนไหวเป็นสีเขียว และแท่งอิฐที่เป็นสีแดงบ่งบอกลักษณะของกราฟขาลงRenko Chart เป็นกราฟที่ไม่ใช้เวลาในการคำนวณ หมายความว่า Time Frame จะไม่มีผลในการเทรด กราฟประเภทนี้ต้องการลดสัญญาณหลอกออกจากเทรนด์
ใช้บอกเทรนด์ได้ แม้ไม่สามารถจับจังหวะการแกว่งตัวของราคา ในช่วง Sideway ได้ การระบุเทรนด์นั้น ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ใกล้เคียงกับ Moving Average เลยทีเดียวเป็นอินดี้ที่เพิ่งถูกพัฒนามาเมื่อปี 2016 มีคุณสมบัติที่ดี และค่อนข้างที่จะใช้ง่าย แค่มองไปก็เข้าใจแล้วว่าจะต้องทำอะไรจากภาพที่เราเห็น อันดี้นี้ได้รับความนิยมในเว็บบอร์ดของ mql5 ซึ่งเป็นกลุ่มของคนที่ใช้โปรแกรมเทรด MT4 โดยเฉพาะแหล่งดาวน์โหลด: https://www.mql5.com/en/code/7176
ราชาแห่งตลาดไซด์เวย์.. เป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์การแกว่งตัวของราคา และเป็นเครื่องมือที่จะสามารถบอกแนวรับแนวต้านของราคาได้ชัดเจนเครื่องมือนี้ ถือเป็นเครื่องมือที่เก่าแก่มากที่สุดเท่าที่เคยพบมา เพราะว่ามันถูกพัฒนาโดย Dr. George Lane ในช่วงปี 1950 เลยทีเดียวStochastic นี้ไม่ได้เป็นกระบวนการทางสถิติที่เรียกว่า Random Process แต่คำว่า Stochastic ในที่นี้ คือ จุดของราคาปัจจุบันที่สัมพันธ์กับช่วงราคาที่เคลื่อนไหวในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งการเปรียบเทียบนี้จะใช้กระบวนการ Moving เข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นคือ มีการขยับจำนวนแท่งที่ใช้ในการคำนวณไปเรื่อย ๆ
เป็นเครื่องมือประเภทเทรนด์ ที่ใช้บอกการแกว่งตัวของตลาด ลักษณะคล้ายคลึงกับเครื่องมือประเภท Overbought และ Oversold เพียงแต่หน้าตามันอยู่ในกราฟของราคา โดยลักษณะคล้ายคลึงกับอุโมง (ซึ่งราคาก็คือการเคลื่อนไหวของรถไฟ ในอุโมงรถไฟ)อินดี้นี้สร้างขึ้นจาก Moving Average แล้วใช้เส้นเหนือหรือต่ำกว่า เส้น Moving Average เป็นแนวรับแนวต้าน ทำให้การแกว่งตัวของราคานั้น จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของ การเคลื่อนไหวของกรอบ MAลิงค์ดาวน์โหลดMlq forum: https://www.mql5.com/en/code/14614
เป็นตัวบ่งชี้แบบ Oscillator อีกตัวหนึ่งที่ใช้วัดการแกว่งตัวของราคา เปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างราคากับราคาที่เรากำหนด เช่น 14 วัน หรือ 14 แท่งเทียนพัฒนาโดย Larry William โดยมีวัตถุประสงค์ใช้งานกับตลาดหุ้นหรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก แต่ไม่ใช่เป็นปัญหาเลยใน การนำมาใช้งานกับตลาด Forexในทางตรงกันข้ามกลับเหมาะสมกับตลาด Forex ด้วยซ้ำ เพราะว่าตลาด Forex มีปริมาณความผันผวนมหาศาล ทำให้ราคาแกว่งตัวตลอดเวลา ผิดกับตลาดหุ้นที่จะมีการแกว่งตัวเป็นช่วง ๆ เท่านั้น