Indicator คืออะไร?
Indicator เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ใช้ประกอบการตัดสินใจในการเข้าเทรด Forex ทางทีมงานได้รวบรวมและคัดเลือก indicator ที่มีประโยชน์ ทั้งจาก MT4, MT5 และจากแหล่งอื่นๆ มาให้แล้ว โหลดไปใช้กันได้เลย !!
คำแนะนำ: ควรเลือกใช้แค่ 2-3 Indicators ที่คุณถนัดในแต่ละระบบเทรด เพราะการใช้หลายตัวเกินไปอาจทำให้เกิดความสับสนของสัญญาณได้
สอนการใช้งาน Indicator
✔ ชนิด Indicator
✔ การใช้งานและการติดตั้ง Indicator ใน MT4/MT5
✔ การใช้งาน Indicator ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ
Trend Indicators (ตัวบอกเทรนด์, แนวโน้ม)
- Adaptive Moving Average (AMA)
- ADX (Average Directional Index)
- Alligator Indicator
- Arrzzx2
- BW-ZoneTrade
- Channel Indicator
- ColorLine Indicator
- Custom Moving Average
- DEMA
- Donchian Channel
- FRAMA
- Heiken Ashi
- Heiken Ashi Smooth
- Ichimoku Indicator
- Moving Average (MA)
- Parabolic SAR
- Price Channel
- Renko Chart
- Subway Indicator
- TEMA
- VIDYA
- ZigZag
- ZigZag Color
บทนำสู่ Indicator Forex
ในบทความชุดนี้ เราจะพูดถึง Indicator การใช้งานและการติดตั้ง MT4 Indicator รวมทั้งการใช้งาน Indicator ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ ที่ไม่มีค่อยมีการเผยแพร่ที่ไหน
การใช้ Indicator นั้นต้องรู้จักสังเกตุรายละเอียดมากมาย พร้อมทั้งฝึกฝนอยู่เสมอ ไม่ต่างจากการใช้ดาบที่เชี่ยวชาญแม่นยำ ก็ย่อมฟาดฟันได้ดั่งใจนึก
ใช้ระบุทิศทางของแนวโน้มตลาด เช่น ตอนนี้เป็น “ขาขึ้น” หรือ “ขาลง” เหมาะสำหรับตลาดที่มีเทรนด์ชัดเจน และมักใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ประเภทอื่น ๆ ด้วย เพื่อยืนยันสัญญาณ
ADX (Average Directional Index)
- อินดิเคเตอร์วัดแนวโน้มตลาด คิดค้นโดย J. Welles Wilder
- ใช้แยกแยะช่วง Trend และ Sideway โดยดูค่า ADX และความชันของเส้น
- ใช้ประเมินโอกาสทะลุแนวรับ/ต้านและดู Divergence เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงเทรนด์ได้
Alligator Indicator
- Alligator Indicator เป็นอินดิเคเตอร์สำหรับวิเคราะห์เทรนด์ในตลาด Forex
- พัฒนาโดย Bill Williams ประกอบด้วยเส้น Moving Average 3 เส้น
- ใช้ได้ดีในตลาดที่มีเทรนด์ ไม่เหมาะกับตลาด Sideway (มีสัญญาณหลอก) และควรใช้ร่วมกับ Stop Loss เสมอ
Arrzzx2 Indicator
- Indicator สำหรับเทรดหุ้น US โดยเฉพาะ แสดงสัญญาณด้วยแถบสีน้ำเงิน (Buy) และสีแดง (Sell) บนกราฟ
- ให้สัญญาณแม่นยำแต่ไม่บ่อย เหมาะกับการเทรดตามเทรนด์และถือออเดอร์ยาว
- ต้องใช้ Lots ขั้นต่ำสูง และควรมีทุนเพียงพอรองรับความผันผวน
BW-ZoneTrade Indicator
- อินดิเคเตอร์ที่แสดงผลผ่านสีของแท่งเทียน โดยสีจะเปลี่ยนตามโมเมนตัมของตลาด
- คำนวณจากความสัมพันธ์ของ Momentum และ Acceleration ตามทฤษฎี 5 มิติของ Bill Williams ใช้สีเป็นสัญญาณในการเทรด
- ใช้สีเป็นสัญญาณในการเทรด ใช้งานง่าย มีให้ใช้ใน MT5
Channel Indicator
- วัดการแกว่งตัวของราคาในกรอบที่กำหนดโดยอัตโนมัติ ใช้งานได้ทุก Time Frame
- หลักการใช้งานคือสังเกตทิศทางของกรอบราคา เช่น Buy เมื่อเส้นเอียงขึ้น และ Sell เมื่อเส้นเอียงลง
- ข้อดีคือใช้งานง่ายและลดความผิดพลาดจากการตีความ
ColorLine Indicator
- เป็น Indicator แสดงเส้นค่าเฉลี่ย (MA) ที่เปลี่ยนสีทุก 100 แท่ง/วัน เพื่อให้เห็นแนวโน้มในแต่ละช่วงเวลาได้ชัดเจน
- เหมาะสำหรับดูแนวโน้มในระยะ 100-300 แท่ง เพราะเห็นพฤติกรรมราคาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
- ไม่ได้ให้สัญญาณซื้อขายโดยตรง
Donchian Channel
- Indicator วิเคราะห์แนวโน้มที่แสดงกรอบราคาด้วยเส้น 3 เส้น คล้าย Bollinger Bands
- ใช้หลักการ Breakout ในการเทรด ใช้เทรดได้ทั้งในตลาดมีเทรนด์และตลาด Sideway
- ใช้ร่วมกับ Indicator อื่นๆ เช่น RSI และ Moving Average ได้
FRAMA (Fractal Adaptive Moving Average)
- วัดการแกว่งตัวของราคาในกรอบที่กำหนด
- สามารถใช้งานได้ทุก Time Frame และมีความแม่นยำกว่า MA ทั่วไป
- ใช้งานง่าย ใช้ร่วมกับ Indicator อื่นๆ เช่น MACD, RSI, BB ได้ แต่ควรระวังการเทรดในตลาด Sideway
Heiken Ashi
- เครื่องมือวัดเทรนด์ราคาที่ใช้สูตรคำนวณพิเศษเพื่อให้กราฟดูสมูทและเห็นจุดกลับตัวได้ชัดเจน
- หลักการใช้งานคือดูการเปลี่ยนสีของแท่งเทียน
- ไม่เหมาะกับตลาด Sideway และมีการหน่วงของสัญญาณบ้าง
Heiken Ashi Smooth
- พัฒนามาจาก Heiken Ashi ดั้งเดิม ออกแบบมาสำหรับตลาด Forex โดยเฉพาะ ช่วยลดความผันผวนระยะสั้น
- วิธีใช้งานเข้าใจง่าย ดูแค่การเปลี่ยนสีของกราฟ เหมาะสำหรับการเทรดตามเทรนด์
- ควรใช้กับ TF ที่มีเทรนด์ชัดเจน และหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงตลาดผันผวนสูง
Ichimoku Indicator
- อินดิเคเตอร์แบบ All-in-one ที่พัฒนาโดย Goichi Hosoda ด้วยแนวคิด “One Glance” ที่มองผ่าน ๆ ก็รู้แนวโน้มตลาด
- ง่ายในการเทรด และใช้ได้ทุกตลาด
- สามารถเทรดได้ 2 แบบ คือ Conservative (รอราคาทะลุ Cloud) และ Aggressive (เริ่มเมื่อราคาผ่าน Lines)
Parabolic SAR
- อินดิเคเตอร์กลุ่ม Trend สำหรับบอกแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา แสดงผลเป็นจุดไข่ปลาบนกราฟ
- จุดไข่ปลาด้านบนบอกแนวโน้มขาลง ส่วนจุดด้านล่างบอกแนวโน้มขาขึ้น สามารถใช้เป็นจุดเข้าเทรดและตั้ง Stop Loss ได้
- อาจเกิดสัญญาณหลอกในช่วง Sideway
Price Channel
- อินดิเคเตอร์ที่แสดงกรอบราคาเคลื่อนที่ ประกอบด้วยกรอบบน (ราคาสูงสุด) กรอบล่าง (ราคาต่ำสุด) และเส้นกลาง (ค่าเฉลี่ย)
- ใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดโดยดูจากตำแหน่งราคาเทียบกับเส้นกลาง
- สามารถใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเพิ่มความแม่นยำ แนะนำให้เทรดตามเทรนด์เท่านั้นและควรใช้ในไทม์เฟรมใหญ่
Renko Chart
- เป็นรูปแบบกราฟที่แสดงผลเป็นบล็อกสี่เหลี่ยมคล้ายอิฐ โดยไม่คำนึงถึงเวลาแต่เน้นการเคลื่อนไหวของราคาเป็นหลัก
- สัญญาณซื้อ-ขายดูจากการเปลี่ยนสีบล็อก 2 แท่งติดกัน (เขียวคือขาขึ้น แดงคือขาลง)
- โดยแต่ละบล็อกมีขนาดเท่ากันและทำมุม 45 องศา ช่วยลดสัญญาณหลอกและเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์เทรนด์
Subway Indicator
- อินดิเคเตอร์ที่ใช้บอกการแกว่งตัวของราคาในกรอบ โดยสร้างแนวรับแนวต้านคล้ายอุโมงค์รถไฟเพื่อระบุจุดเข้า-ออก
- เหมาะสำหรับการเทรดแบบ Swing Trade โดยมีเงื่อนไขคือ เข้าเทรดเมื่อราคาแตะเส้น Overbought/Oversold
- ต้องมี Stop Loss ทุกครั้งเพื่อจำกัดความเสี่ยง ไม่เหมาะกับการใช้ Martingale
ZigZag Indicator
- เครื่องมือบอกสวิงและแนวโน้ม โดยลากเส้นเชื่อมระหว่างจุดสูงสุดและต่ำสุด (Swing High/Low) อัตโนมัติ
- สามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบ หรือใช้วิเคราะห์ร่วมกับทฤษฎีต่างๆ โดยช่วยให้การระบุจุดกลับตัวง่ายและแม่นยำขึ้น
- มี Repainting จึงควรรอการยืนยันและใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเสมอ
ZigZag Color
- ต่อยอดมาจาก ZigZag ปกติ (มีแค่ใน MT5) โดยเพิ่มความสามารถในการกำหนดสีแยกระหว่าง Swing High และ Swing Low
- ทำงานเหมือนกับ ZigZag ทั่วไปคือช่วยกำหนดสวิงให้เป็นมาตรฐาน แต่เพิ่มความง่ายขึ้นด้วยการแยกสี
- เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบความเรียบง่าย สามารถปรับแต่งสีได้
Moving Average (MA)
MA (Moving Average)
- เป็นเครื่องมือที่ใช้คำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคาเพื่อดูแนวโน้มตลาด
- มีหลายประเภท เช่น SMA, WMA และ EMA สามารถใช้วิเคราะห์ได้ทั้งแบบเส้นเดียวหรือหลายเส้นร่วมกัน
- หลัก ๆ คือดูจุดตัดของราคากับเส้น MA หรือจุดตัดระหว่างเส้น MA ด้วยกัน โดยต้องระวังการตั้งค่าที่เหมาะสม
AMA (Adaptive Moving Average)
- คืออินดิเคเตอร์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดสัญญาณหลอก
- มีความพิเศษคือเคลื่อนไหวเร็วในตลาดที่เป็นเทรนด์ และชะลอตัวในตลาดผันผวน ช่วยกรองสัญญาณรบกวนได้ดี
- เหมาะกับการเทรดตามเทรนด์ ใช้เป็นได้ทั้งตัวระบุทิศทาง แนวรับ-แนวต้านเคลื่อนที่ และจุดเข้า-ออกออเดอร์
Custom Moving Average
- เครื่องมือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ
- ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งดูแนวโน้ม หาจุดเข้า-ออก และใช้เป็นแนวรับ-แนวต้านเคลื่อนที่
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับให้เข้ากับสไตล์การเทรด ไม่ว่าจะเป็นการใช้เส้นเดียวหรือหลายเส้นร่วมกันเป็นระบบ
DEMA (Double Exponential Moving Average)
- อินดิเคเตอร์ที่พัฒนาโดย Patrick Mulloy เพื่อลดความล่าช้าของสัญญาณ และให้การตอบสนองที่รวดเร็วกว่า EMA ทั่วไป
- มีจุดเด่นคือ อยู่ใกล้ราคามากกว่า ลดสัญญาณหลอกได้ดี และเหมาะสำหรับวิเคราะห์แนวโน้มทั้งระยะสั้นและยาว โดยเปรียบเทียบกับราคาหรือใช้ 2 เส้นตัดกัน
- ใช้งานได้ฟรีทั้งใน MT5 และ TradingView
TEMA (Triple Exponential Moving Average)
- อินดิเคเตอร์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 3 ชั้น พัฒนาโดย Patrick Mulloy ในปี 1994 ที่มีความไวและแม่นยำกว่า EMA ทั่วไป
- มีจุดเด่นคือสัญญาณราบรื่น ลดความผันผวน และกรองสัญญาณหลอกได้ดี ใช้งานง่าย สามารถใช้เป็นแนวรับ-ต้านเคลื่อนที่หรือดูจุดตัดของเส้น
- มีให้ใช้ฟรีทั้งใน MT5 และ TradingView
VIDYA (Variable Index Dynamic Average)
- เป็นเครื่องมือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบไดนามิก โดยผสมผสาน CMO และ EMA เพื่อปรับตัวตามความผันผวนของตลาด
- มีจุดเด่นคือลดสัญญาณหลอกและความผันผวน เหมาะสำหรับดูแนวโน้มและใช้เป็นแนวรับแนวต้านเคลื่อนที่
- มีให้ใช้ใน MT5 สามารถปรับแต่งค่า Period CMO และ Period EMA ได้ตามต้องการ
Oscillators (ออสซิลเลเตอร์)
Oscillators คือ เครื่องมือที่ใช้วัดการเคลื่อนไหวของราคา โดยจะแกว่งตัวไปมาในช่วงค่าที่กำหนด (เช่น 0-100) เพื่อช่วยบ่งชี้ว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) และช่วยคาดการณ์จุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว
(ASI) Accumulation Swing Index
- เป็น Indicator วัดการสะสมสวิงของราคา โดยคำนวณจากราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุด
- ใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาด วัดสภาวะ Overbought/Oversold และหาจุดเข้า-ออกสำหรับ Swing Trade
- ไม่เหมาะกับช่วงตลาด Sideway
Awesome Oscillator
- เป็น indicator ที่ใช้วัด momentum ของตลาด ใช้ง่าย เหมาะกับการเทรดตามเทรนด์ และ Swing
- ช่วยหาจุดกลับตัวของตลาดได้ และวิเคราะห์ Market Sentiment
- เหมาะกับ TF 4H ขึ้นไป ต้องใช้ Stop Loss และระวังสัญญาณหลอกช่วง Sideway
Bull & Bear Power
- ใช้ในการระบุเทรนด์ และมองหาจุดกลับตัว พัฒนาโดย Alexander Elder
- ใช้ราคาและค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มาวิเคราะห์ ข้อดีคือใช้ง่าย ช่วยบอกจุดเข้า-ออก ใช้ได้ทั้งเทรดตามเทรนด์และสวิงเทรด
- ควรใช้คู่กันทั้ง Bull และ Bear Power หรือใช้ควบคู่กับเส้น EMA เพื่อหาจุดเข้า-ออก
CCI (Commodity Channel Index)
- CCI เป็นอินดิเคเตอร์วัดการแกว่งตัว พัฒนาโดย Donald Lambert
- ให้สัญญาณ Overbought (CCI > +100) /Oversold (CCI < -100) ทำงานได้ดีทั้งตลาดที่เป็นเทรนด์และ Sideway
- ช่วยวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของเทรนด์และจังหวะการซื้อขาย หรือดู Divergence เพื่อหาจุดกลับตัวของราคา และใช้ร่วมกับแนวรับ-แนวต้านเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
Gator Oscillator
- เป็นอินดิเคเตอร์ในกลุ่ม Bill Williams ที่พัฒนามาใช้คู่กับ Alligator โดยทำงานบนพื้นฐาน SMA เพื่อยืนยันเทรนด์
- แบ่งการทำงานเป็น 4 เฟส คือ Sleeping, Awakening, Eating และ Sated
- เป็น Lagging Indicator เหมือน MA ทั่วไป จึงมีการ Delay ของสัญญาณ ไม่ควรใช้เดี่ยว ๆ แนะนำให้ใช้คู่กับ Alligator Indicator
MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- MACD เป็นอินดิเคเตอร์วัด Momentum และ Trend-Following ที่นิยมใช้มากที่สุด คำนวณจากค่าเฉลี่ยของราคา
- ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ MACD Line , Signal Line และ MACD Histogram ช่วยบ่งชี้จุดเข้า-ออก
- ทำงานได้ดีในตลาดเป็นเทรนด์ แต่ควรระวังช่วง Sideway
OSMA (Moving Average Oscillator)
- OsMA พัฒนาการมาจาก MACD และแสดงผลเป็น Histogram ให้สัญญาณไวและแม่นยำกว่า
- ดูสัญญาณจาก Zero Line หรือใช้ดู Divergence เพื่อหาจุดกลับตัว เหมาะกับตลาดผันผวน
- ทำงานดีทุก TF โดยเฉพาะ H4/Daily แต่ควรระวังสัญญาณหลอกช่วง Sideway
RVI (Relative Vigor Index)
- เป็นอินดิเคเตอร์วัดความแข็งแกร่งของเทรนด์ คล้าย Stochastic แต่เรียบและสอดคล้องกับราคามากกว่า
- ใช้การวิเคราะห์เป็นช่วงการเคลื่อนไหวแทนเปอร์เซ็นต์
- ควรใช้ร่วมกับ Stochastic และตั้ง Stop Loss หรือ Trailing Stop เพื่อป้องกันสัญญาณหลอก
RSI (Relative Strength Index)
- หนึ่งในอินดิเคเตอร์ยอดนิยม ใช้วัดความแข็งแกร่งของราคาโดยเปรียบเทียบราคาขึ้น-ลง
- ใช้วิเคราะห์แบบ Overbought และ Oversold เพื่อหาจุดกลับตัว ทำงานได้ดีทั้งตลาด Trend และ Sideway
- นิยมใช้ค่ามาตรฐาน 14 periods และควรตั้ง Stop Loss เสมอ
Stochastic Oscillator
- เครื่องมือวิเคราะห์การแกว่งตัวของราคา ที่มีประสิทธิภาพสูง (ใช้ดีช่วง Sideway)
- ประกอบด้วย 2 เส้น คือ %K และ %D โดยใช้การตัดกันของเส้นและระดับ Overbought/Oversold ในการให้สัญญาณ
- เหมาะกับ TF ใหญ่ ข้อจำกัดคือเป็น Lagging Indicator และอาจเกิดสัญญาณหลอกได้
(TRIX) Triple Exponential Average
- อินดิเคเตอร์ที่ผ่านการกรองสัญญาณ 3 ชั้นด้วย EMA เพื่อลดสัญญาณหลอกและเพิ่มความแม่นยำ
- ให้สัญญาณเทรดได้หลากหลายในตัวเดียว ทั้งการยืนยันเทรนด์ โมเมนตัม Oversold/Overbought และจุดเข้า
- เหมาะสำหรับใช้เป็นเครื่องมือหลักเพียงตัวเดียว
UO (Ultimate Oscillator)
- อินดิเคเตอร์ที่ใช้กรอบเวลา 3 ช่วง (สั้น กลาง ยาว) มาคำนวณร่วมกัน เพื่อลดสัญญาณหลอกและเพิ่มความแม่นยำ
- ให้สัญญาณ Overbought/Oversold และ Divergence ได้เหมือนออสซิลเลเตอร์ทั่วไป แต่มีความเสถียรมากกว่า
- เหมาะสำหรับใช้ระบุจุดกลับตัว สัญญาณจะเกิดขึ้นน้อยแต่มีความน่าเชื่อถือสูง
Williams %R
- พัฒนาโดย Larry Williams วัดการแกว่งตัวของราคาโดยเปรียบเทียบราคาปัจจุบันกับช่วงราคาสูงสุด-ต่ำสุดในระยะเวลาที่กำหนด
- เหมาะสำหรับช่วง Sideway นิยมใช้ใน TF Daily เนื่องจากมีความผันผวนน้อยกว่า
- ต้องปรับระดับ Overbought/Oversold ให้เหมาะสมเพื่อลดสัญญาณหลอก และควรใช้ SL เพื่อจำกัดความเสียหาย
Volume Indicators (ตัวบ่งชี้ปริมาณ)
Volume Indicators หรือ ตัวบ่งชี้ปริมาณการซื้อขาย เป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการซื้อขายกับการเคลื่อนไหวของราคา เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของแนวโน้มตลาดและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลง โดยหลักการสำคัญคือ ถ้าราคาเคลื่อนที่พร้อมกับปริมาณการซื้อขายสูง แสดงว่าแนวโน้มนั้นมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการเคลื่อนที่ที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ
AD (Accumulation/Distribution)
- อินดิเคเตอร์ที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- บอก Demand และ Supply ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา
- เส้น AD ที่เพิ่มขึ้นแสดงถึงการสะสมแรงซื้อ (Accumulation) ส่วนเส้นที่ลดลงแสดงถึงแรงขาย (Distribution
CHO (Chaikin Oscillator)
- อินดิเคเตอร์ที่วัดโมเมนตัมจาก Accumulation Distribution Line (ADL)
- ใช้ความต่างระหว่าง EMA 3 วันและ EMA 10 วัน แทนการใช้ราคาโดยตรง
- ใช้เส้น 0 เป็นแนวแบ่ง โดยเส้น CHO เหนือ 0 บ่งชี้แนวโน้มขาขึ้น ส่วนเส้นต่ำกว่า 0 บ่งชี้แนวโน้มขาลง
Color Candles Daily
- เป็น Indicator ที่แสดงแท่งเทียนแต่ละวันด้วยสีที่แตกต่างกัน ช่วยให้มองเห็นพฤติกรรมราคาในแต่ละวันได้ชัดเจนขึ้น
- มีประโยชน์ในการวิเคราะห์แนวโน้มและพฤติกรรมราคาย้อนหลัง (แม้จะใช้ TF เล็ก ก็สามารถเห็นภาพรวมรายวันได้)
- ไม่ได้ให้สัญญาณซื้อขาย
ColorBars
- เป็นอินดิเคเตอร์ที่แสดงปริมาณการซื้อขาย (Volume) ผ่านสีของไส้แท่งเทียน
- โดยไส้สีเขียวแสดงว่ามีปริมาณมากกว่าแท่งก่อนหน้า และไส้สีแดงแสดงว่ามีปริมาณน้อยกว่า
- ช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือของ Price Action โดยเฉพาะรูปแบบการกลับตัว
MFI (Market Facilitation Index)
- พัฒนาโดย Bill Williams เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการเทรด โดยแสดงผลเป็นแท่งสีต่างๆ
- ช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือของการเคลื่อนไหวราคา เช่น การเบรกเทรนด์ไลน์ โดยดูความสอดคล้องของราคาและปริมาณ
- มีให้ใช้ทั้งใน MT5 และ TradingView
(PVT) Price and Volume Trend
- เป็นอินดิเคเตอร์วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย
- คำนวณจากราคาปัจจุบันเทียบกับราคาปิดวันก่อนหน้า ทำให้มีความไวกว่า OBV
ใช้ยืนยันแนวโน้มโดยดูทิศทางเส้น PVT - มีประสิทธิภาพในการกรองเบรกหลอก โดยดูว่ามีปริมาณสนับสนุนหรือไม่
Volumes Indicator
- วัดปริมาณการซื้อขายในตลาด ใช้ยืนยันแนวโน้มและแพทเทิร์นราคา โดย Volumes สูง = แนวโน้มแข็งแรง
- ควรวิเคราะห์ร่วมกับแท่งเทียนและราคา โดยเฉพาะในบริเวณแนวรับ-แนวต้าน
- ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น เพื่อยืนยันสัญญาณ เนื่องจากไม่สามารถใช้เพียงตัวเดียวได้ มีให้ใช้ทั้งใน MT4 และ MT5
Volume Profile
- แสดงปริมาณการซื้อขายในแนวนอน โดยมี Point of Control (POC) เป็นจุดที่มีปริมาณซื้อขายมากที่สุด
- แบ่งรูปแบบเป็น 3 แบบ คือ D-profile, P-profile, B-profile
- ช่วยระบุโซนที่มีการซื้อขายหนาแน่น เป็นแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ สามารถใช้วิเคราะห์ได้ทั้งช่วงเทรนด์และ Sideway
VROC (Volume Rate of change)
- วัดอัตราการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อขายเทียบกับช่วงเวลาที่กำหนด แสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์รอบเส้น 0
- ใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดโดย Volume ที่สูงกว่าปกติ (เส้นพุ่งเหนือ 0) กราฟมีโอกาสเปลี่ยนทิศทาง
- เป็นเครื่องมือที่ใช้ง่าย แสดงผลชัดเจน แต่ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ
Williams AD
- ใช้วัดความแข็งแกร่งของตลาดผ่านการวิเคราะห์แรงซื้อ (Accumulation) และแรงขาย (Distribution)
- ใช้เส้น 0 เป็นเส้นแบ่ง โดยค่าเหนือ 0 บ่งชี้แนวโน้มขาขึ้น (แรงซื้อมากกว่า) ค่าต่ำกว่า 0 บ่งชี้แนวโน้มขาลง (แรงขายมากกว่า)
- มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ความแข็งแรงของแนวโน้มและจังหวะเข้าเทรด
Volatility Indicators (ตัวบ่งชี้ความผันผวน)
Volatility Indicators คือเครื่องมือที่ใช้วัดความผันผวนหรือการแกว่งตัวของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการเทรด โดยมักใช้ในการหาจุดเข้า-ออกตลาดและการตั้งจุด Stop Loss เนื่องจากช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงมักมีโอกาสทำกำไร (หรือขาดทุน) ได้มากกว่าปกติ
ATR (Average True Range)
- ATR เป็นอินดิเคเตอร์วัดความผันผวนของตลาด พัฒนาโดย J. Welles Wilder คำนวณจากค่าเฉลี่ยช่วงการเคลื่อนไหว 14 วัน
- ไม่ได้บอกทิศทางราคา แต่ช่วยในการวาง SL/TP และประเมินความเสี่ยง
- นิยมใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นเพื่อยืนยันสัญญาณ และใช้ตั้ง Dynamic Stop Loss ที่ 2-2.5 เท่าของค่า ATR
Bollinger Bands
- Indicator วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา ประกอบด้วย 3 เส้น ใช้วัดความผันผวนของราคาผ่านค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
- ในตลาด Trend เส้น Band จะกว้างออก ส่วนใน Sideway Band จะแคบลง ทำให้สามารถระบุสภาวะตลาดได้
- ใช้ได้ทุก TF และใช้ร่วมกับ Indicators อื่นๆ ได้ดี
Chaikin Volatility
- เป็น Indicator ใน MT5 สำหรับวัดความผันผวนในตลาดและชี้วัดการกลับตัว
- ใช้เส้น 0 เป็นจุดสมดุล โดยค่า +100% แสดงถึงความผันผวนสูง และ -100% แสดงถึงความผันผวนต่ำ (บอกโอกาสในการกลับตัวของราคา)
- เหมาะสำหรับวิเคราะห์จังหวะเข้า-ออกตลาดในช่วงที่มีความผันผวน
Envelope Indicator
- เป็น Indicator ที่พัฒนามาจาก Moving Average ใช้สำหรับวิเคราะห์เทรนด์และการแกว่งตัวของราคาในกรอบ Band
- ใช้คู่กับ MA โดยมีเส้นบนและล่างห่างจากเส้นกลาง (SMA) เป็นเปอร์เซ็นต์ สามารถปรับค่าได้ตามความเหมาะสม
- ใช้วิเคราะห์ได้ทั้งตลาด Trend และ Sideway ควรใช้คู่กับ Stop loss เสมอ
StdDev (Standard Deviation)
- เป็น Indicator ที่ใช้วัดความผันผวนของราคา โดยคำนวณจากส่วนเบี่ยงเบนของราคาเทียบกับค่าเฉลี่ย MA
- เมื่อเส้นอยู่ต่ำ แสดงว่าตลาดมีความผันผวนน้อย แต่ถ้าเส้นพุ่งสูง แสดงว่ามีความผันผวนมาก (อาจเกิดการเปลี่ยนทิศทาง)
- สามารถใช้ยืนยันแนวโน้มและหาจุดเข้าเทรดที่ดี แต่ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ
Support and Resistance Indicators (ตัวบ่งชี้แนวรับและแนวต้าน)
Support and Resistance Indicators คือเครื่องมือที่ช่วยระบุระดับราคาสำคัญที่มีแนวโน้มจะเกิดแรงซื้อ (แนวรับ) หรือแรงขาย (แนวต้าน) อย่างมีนัยสำคัญ โดยใช้หลักการคำนวณทางคณิตศาสตร์และสถิติเพื่อหาจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัวสูง ซึ่งมักใช้เป็นจุดอ้างอิงในการตัดสินใจเข้า-ออกออเดอร์ หรือตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit
Auto Fibo indicator
- เป็น Indicator ที่ช่วยลากเส้น Fibonacci อัตโนมัติ ทำให้สะดวกทั้งมือใหม่และมือเก่าที่ต้องการความรวดเร็วในการวิเคราะห์
- ทำงานด้วยการวิเคราะห์จุดสูงสุดและต่ำสุดของราคา แล้วลากเส้นระดับ Fibonacci โดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะที่ระดับสำคัญ 38.2% และ 61.8%
- สามารถติดตั้งได้ง่าย ทั้งใน MT4 และ MT5
Fibonacci Retracement
- เป็นเครื่องมือหาแนวรับ-แนวต้านและจุดกลับตัวของราคา โดยลากเส้นจากจุดต่ำสุดไปสูงสุด (ขาขึ้น) หรือจากสูงสุดไปต่ำสุด
- มีระดับสำคัญคือ 23.6%, 38.2%, 50% และ 61.8% ใช้เป็นจุดพักตัวหรือกลับตัวของราคา
- ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง และควรวาง SL เสมอเพื่อจำกัดความเสี่ยง
Fractals Indicator
- Indicator ในกลุ่ม Bill Williams ที่แสดงลูกศรชี้ขึ้น/ลงเพื่อบ่งชี้จุดกลับตัวของราคา
- ใช้งานง่าย ไม่ต้องจำรูปแบบแท่งเทียน และนิยมใช้เป็นสัญญาณยืนยันร่วมกับระบบอื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน หรือเทรนไลน์
- ข้อจำกัดคือสัญญาณอาจเกิดช้าและมีสัญญาณหลอก ควรใช้ใน Timeframe ใหญ่และเทรดตามเทรนด์เท่านั้น
Overlay indicator
- ใช้หลักการ Correlation วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงิน 2 คู่ โดยแสดงกราฟซ้อนทับกันเพื่อเปรียบเทียบการเคลื่อนไหว
- วิธีการเทรดคือ Buy คู่เงินที่อยู่ด้านล่าง และ Sell คู่เงินที่อยู่ด้านบน เนื่องจากราคาควรจะกลับมาสัมพันธ์กันในที่สุด
- ไม่สามารถกำหนด SLตามกราฟได้ ต้องใช้การตั้งค่าเป็นเปอร์เซ็นต์กำไร/ขาดทุน
Pivot Point Indicator
- เป็นเครื่องมือหาจุดราคาสำคัญที่คำนวณจากราคา High, Low, Close ของช่วงก่อนหน้า ใช้เป็น “จุดกึ่งกลาง” สำหรับหาแนวรับ-แนวต้าน
- แสดงแนวรับ-แนวต้านด้วยเส้นสีต่างๆ ใช้เป็นจุดเข้า-ออกการเทรด
- เหมาะสำหรับเทรดทั้งในตลาด Sideway (ใช้เส้นแนวรับ-แนวต้าน) และ Breakout
Pivot Point All in One
- เป็น Indicator ที่รวม 4 วิธีคำนวณ Pivot Point (Classic, Woodie, Fibonacci, CPR) ใช้สำหรับหาจุดราคาสำคัญและแนวรับ-แนวต้าน
- คำนวณจากราคา High, Low, Close ของช่วงก่อนหน้า โดยสามารถปรับช่วงเวลา และความลึกของระดับได้
- ใช้ได้ทั้งใน MT4 และ MT5
Momentum Indicators (ตัวบ่งชี้โมเมนตัม)
Momentum Indicators เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความเร็วของการเปลี่ยนแปลงราคา หรือแรงส่งของราคาในตลาด โดยจะช่วยบอกว่าแนวโน้มปัจจุบันมีกำลังแรงหรืออ่อนลง และมีโอกาสที่จะดำเนินต่อไปหรือกลับตัวเมื่อไหร่ ยิ่งการเปลี่ยนแปลงราคาเร็วและแรง โมเมนตัมก็จะยิ่งสูงขึ้น
DPO (Detrended Price Oscillator)
- อินดิเคเตอร์ที่ช่วยยืนยันแนวโน้มและความแข็งแกร่งของแนวโน้มตลาด
- มีลักษณะพิเศษคือไม่อ้างอิงกับราคาปัจจุบัน แต่จะใช้ราคาย้อนหลังเทียบกับราคาเฉลี่ยปัจจุบัน
- ใช้เส้น 0 เป็นค่ากลางในการอ้างอิง (เหนือเส้น 0 แนวโน้มขาขึ้น และต่ำกว่าเส้น 0 แนวโน้มขาลง)
Force Index
- Indicator ที่ใช้วิเคราะห์ทิศทางราคาโดยคำนวณจาก 3 ปัจจัย คือ ทิศทาง ระยะการปรับตัว และปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- เส้น Force Index อยู่เหนือ 0 แสดงแรงซื้อมากกว่าค่าเฉลี่ย อยู่ใต้ 0 แสดงว่าแรงขายมากกว่าค่าเฉลี่ย
- ใช้ยืนยันแนวโน้มเมื่อราคากับเส้น Force Index ไปทิศทางเดียวกัน
Mass Index
- Indicator วัดความผันผวนเพื่อระบุจุดกลับตัวของราคา พัฒนาโดย Donald Dorsey โดยวัดจากช่วงราคา High-Low โดยตรง
- เมื่อเส้น MI แตะระดับ 27.00 และลงมาต่ำกว่า 26.50 มักจะเกิดการกลับตัวของราคา ใช้ได้ทั้งในเทรนด์ขาขึ้นและขาลง
- มีความเสถียรและแม่นยำสูง เหมาะสำหรับเทรดระยะสั้น
MFI (Money Flow Index)
- Indicator วัดกระแสเงินในตลาด โดยผสมผสานระหว่าง Volume และ Price Movement แกว่งในช่วง 0-100 คล้าย RSI
- ใช้สัญญาณ Overbought (80) และ Oversold (20) ในการหาจุดเข้าเทรด
- เหมาะกับตลาด Ranging และจับจุด Reversal ได้ดี แต่อาจให้สัญญาณหลอกในตลาดที่มี Trend แรง
ROC (Rate of Change)
- Indicator วัดโมเมนตัมที่คำนวณการเปลี่ยนแปลงของราคาเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยใช้เส้น 0 เป็นจุดอ้างอิง
- สามารถใช้หาจุด Overbought/Oversold และ Divergence เพื่อดูจุดกลับตัว รวมถึงใช้เทรดตามเทรนด์โดยดูการตัดเส้น 0
- ใช้งานง่าย แต่ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเพื่อยืนยันสัญญาณ
Solar Winds
- เป็น Indicator ที่ใช้สีและรูปทรงบ่งบอกทิศทางตลาด – สีเขียวแสดงแนวโน้มขาขึ้น สีแดงแสดงแนวโน้มขาลง
- ใช้งานง่าย มีความแม่นยำสูงในการจับเทรนด์และจุดกลับตัว แต่อาจมี Repaint บ้างเล็กน้อย
- ไม่เหมาะกับช่วง Sideway เพราะอาจให้สัญญาณผิดพลาดได้บ่อย