Forexthai.in.th ย่อให้
- ระบบเทรด Zigzag: ระบบเทรดตามเทรนด์หาจังหวะทำกำไรในโครงสร้างตลาดที่เป็นเทรนด์ เหมาะกับการเทรดในไทม์เฟรมใหญ่
- หลักการเทรดเบื้องต้น: ใช้ Zigzag ร่วมกับ EMA ในการดูแนวโน้มและเข้าเทรดเมื่อราคา Break Out โครงสร้างตลาด
- เครื่องมือที่ใช้: Zigzag และ EMA 12/26 Crossover
- ข้อดี: เป็นระบบที่เห็นโครงสร้างตลาดชัดเจน, ชนะตลาดที่เป็นเทรนด์, ใช้งานง่าย
- ข้อเสีย: แพ้ตลาดที่มีความผันผวนและ Side Way, เสียโอกาสการเทรดเพราะ Lagging Indicator
หลักการเทรดเบื้องต้น
ระบบเทรด Zigzag เป็นระบบเทรดตามเทรนด์ที่เราจะดูแนวโน้มของตลาดโดยการใช้เส้น EMA ไปพร้อมๆกับการดูโครงสร้างของตลาดจากอินดิเคเตอร์ Zigzag และ รอจังหวะที่ราคามีการย่อและพักตัวบริเวณเส้น EMA และเกิดการ Break Out จากโครงสร้างตลาดเดิมแล้วเข้าเทรดตามเทรนด์ที่เกิดขึ้น เป็นระบบที่เหมาะกับการใช้ในไทม์เฟรม 1 ชั่วโมงขึ้นไปครับ
เครื่องมือที่ใช้เทรด
- Zigzag
- EMA 12/26 Crossover
Zigzag

Zigzag เป็นอินดิเคเตอร์ที่ช่วยให้นักเทรดสามารถดูโครงสร้างราคาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยจะแสดงเป็นเส้นทับลงบนกราฟราคา
ประโยชน์ของ Zigzag
- ช่วยให้เราเห็นจุดหมุน (Swing Low / Swing High) ของราคาได้ชัดเจน
- ช่วยในการวิเคราะห์โครงสร้างของตลาดตาม Dow Theory
- ช่วยในการนับคลื่นในทฤษฎี Elliot Wave
EMA 12/26 Crossover

EMA Crossover หรือการตัดกันของเส้น EMA มักใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาในตลาด
- EMA ตัดขึ้น หมายถึงตลาดขาขึ้น
- EMA ตัดลง หมายถึงตลาดขาลง
EMA 12/26 Crossover คือ การตั้งค่าเส้น EMA 2 เส้นให้มีค่า 12 และ 26 ซึ่งเป็นค่าเดียวกับเส้นที่อยู่ใน อินดิเคเตอร์ MACD ทำให้การใช้เส้น EMA 12/26 นั้นสามารถใช้แทนอินดิเคเตอร์อย่าง MACD ได้นั่นเองครับ
เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น
1. เส้น EMA 12/26 ตัดขึ้น
2. Zigzag เปลี่ยนโครงสร้างเป็นตลาดขาขึ้นเกิดสัญลักษณ์ HH และ HL
3. ราคามีการย่อลงมาพักตัวที่เส้น EMA
4. ราคามีการกลับตัวและ Break Out จุดสูงสุดเดิม
5. เปิดออร์เดอร์ Buy
6. ตั้ง Stop loss ไว้ที่ Swing Low
7. ตั้ง Take Profit ไว้ที่ RR 1:1.5
เงื่อนไขการเทรดขาลง
1. เส้น EMA 12/26 ตัดลง
2. Zigzag เปลี่ยนโครงสร้างเป็นตลาดขาขึ้นเกิดสัญลักษณ์ LL และ LH
3. ราคามีการกลับขึ้นมาพักตัวที่เส้น EMA
4. ราคามีการกลับตัวและ Break Out จุดต่ำสุดเดิม
5. เปิดออร์เดอร์ Sell
6. ตั้ง Stop loss ไว้ที่ Swing High
7. ตั้ง Take Profit ไว้ที่ RR 1:1.5
ข้อดีและข้อเสียของระบบ Zigzag

ข้อดีของระบบเทรด
- เป็นระบบเทรดที่ชนะตลาดที่เป็นเทรนด์
- เป็นระบบเทรดที่ทำให้เห็นโครงสร้างตลาดได้ชัดเจน
- มีขั้นตอนน้อยสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย
- นำไป Back Test ได้ง่าย
- ระบบสามารถนำไปพัฒนาเพื่อยืดหยุ่นในการทำกำไรได้
ข้อเสียของระบบเทรด
- เป็นระบบที่แพ้ตลาด Side Way
- ไม่เหมาะกับการนำไปเทรดสั้น
- ต้องระวังเรื่องการเป็น lagging indicator ของ Zigzag
- บางการเทรดอาจจะมีความเสี่ยงสูง
คำแนะนำการใช้ระบบเทรด

- ฝึกคุมความเสี่ยงและบริหารเงินก่อนเทรดทุกครั้ง
- ปรับค่าอินดิเคเตอร์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของคู่เงิน
- เรียนรู้ Price Action เพิ่มเติม
- หาวิธีการทำ Trailing Stop เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทน
- นำระบบไปทดสอบก่อนใช้งานจริง
- หากไม่มีเวลาเฝ้าจอสามารถตั้งแจ้งเตือนราคาได้หรือตั้งคำสั่งแบบ Buy/Sell Stop
สรุป
ระบบเทรด Zigzag เป็นระบบเทรดที่เล่นกับแนวโน้มของตลาดโดยการดูโครงสร้างตลาดและเทรดตามเทรนด์ที่เกิดขึ้น เป็นระบบเทรดที่ง่ายสำหรับมือใหม่ และเหมาะกับการใช้ในไทม์เฟรมใหญ่เท่านั้นครับ เพราะจะมีสัญญาณหลอกน้อยและตลาดจะมีความผันผวนที่ต่ำกว่า
ระบบเทรดนี้นอกจากจะทำกำไรได้ดีในตลาดที่เป็นเทรนด์แล้ว ยังช่วยให้นักเทรดได้เรียนรู้เรื่องโครงสร้างตลาดได้อีกด้วยครับ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในด้านการเงินการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาด Forex แบบนี้
แต่ระบบนี้ก็จะทำกำไรได้ไม่ดีในช่วงตลาดที่เป็น Side Way นะครับเพราะงั้นหลีกเลี่ยงการเทรดในไทม์เฟรมเล็กหรือในช่วงตลาดที่มีความผันผวนสูง ที่สำคัญก็ไม่ควรพึ่งพาอินดิเคเตอร์มากเกินไปเพราะว่า Zigzag เป็น Lagging Indicator บางครั้งส่งสัญญาณการเทรดช้าทำให้พลาดการเทรดที่ดีไปได้
เพื่อเพิ่มเติมในจุดนี้นักเทรดควรศึกษาเกี่ยวกับ Price Action เพิ่มเติมเพื่อทำให้เข้าเทรดได้ไวมากขึ้นและเพื่อเพิ่มกำไรระบบนี้สามารถนำเทคนิคในการ Trailing Stop มาเพิ่มกำไรได้ครับ ตัวอย่างเช่นการรันเทรนด์ตามเส้น EMA เป็นต้น แต่มันก็ยังมีเทคนิคอื่น ๆ อีก เพราะงั้นก่อนนำระบบนี้ไปใช้งานก็อย่าลืมนำไปทดสอบย้อนหลังเพื่อหาสถิติและนำไปปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยนะครับ
แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมอัพสกิลการเทรดเพื่อนำไปต่อยอดการเทรด
อ้างอิง
ทีมงาน: forexthai.in.th