Forexthai.in.th ย่อให้
- Forex Broker คือบริษัทที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งซื้อขาย Forex ของเราไปยังตลาด ทำหน้าที่คล้าย “นายหน้า” รับคำสั่งซื้อขายและจับคู่กับคำสั่งขาย โดยมีรายได้จากค่าธรรมเนียมการเทรด
- ประโยชน์ของ Forex Broker คือช่วยให้เทรดเดอร์รายย่อยเข้าถึงตลาด Forex ได้ง่าย มีเครื่องมือและเทคโนโลยี ที่ทันสมัย มีเลเวอเรจและทีม Support คอยช่วยเหลือ
- ปัจจัยในการเลือก Forex Broker มีตั้งแต่ความน่าเชื่อถือและใบอนุญาต, ค่าธรรมเนียมและสเปรด, แพลตฟอร์มการเทรด, การฝาก-ถอนและการสนับสนุนลูกค้า
- โบรกเกอร์ Forex ที่แนะนำ เช่น XM, Exness, และ FBS เป็นตัวอย่างโบรกเกอร์ที่มี Support ลูกค้าภาษาไทยและมีคุณสมบัติตรงตามปัจจัยที่กล่าวมา
เทรดเดอร์ที่เข้ามาในวงการเทรด Forex ทุกคนจะต้องมีโบรกเกออร์ Forex ไว้ใช้บริการซื้อขายสกุลเงินอย่างแน่นอน แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเราจำเป็นต้องใช้บริการโบรกเกอร์ Forex ด้วย? มันคือบริษัทอะไรแล้วเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าโบรกเกอร์ไหนดีจริง บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
Forex Broker คืออะไร
- Forex Broker ก็คือบริษัทหรือตัวแทนที่ให้บริการซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex จะยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้นดังนี้
- เมื่อเราซื้อสกุลเงิน EUR/USD ในแพลตฟอร์ม คำสั่งนั้นจะถูกส่งไปยัง Forex Broker ก่อน แล้ว Broker จะเป็นคนส่งต่อคำสั่งไปยัง ผู้ให้บริการสภาพคล่องหรือ Liquidity Provider เพื่อจับคู่กับคำสั่งขาย
แล้ว Forex Broker ได้กำไรจากไหน?
ค่าตอบแทนหลักของ Forex Broker คือ “ค่าธรรมเนียมการเทรด” จากการส่งคำสั่งซื้อขาย ยิ่งเราเทรดบ่อย Broker ก็ยิ่งได้ค่าธรรมเนียมมาก ไม่ว่าเราจะกำไรหรือขาดทุนก็ตาม นี่เป็นเหตุผลที่ Forex Broker เน้นสร้างฐานลูกค้าทั้งใหม่และเก่า เพื่อให้มีปริมาณการเทรดมากขึ้น

ประโยชน์ของ Forex Broker
Forex Broker มีความจำเป็นและมีประโยชน์ต่อเทรดเดอร์รายย่อยอย่างเราๆ มาก ก็เพราะตลาด Forex ไม่ใช่ตลาดที่ใครๆ จะเข้าไปเทรดได้ง่ายๆ นะครับ เพราะการจะซื้อขายสกุลเงินนั้นที่จริงแล้วต้องทำผ่านธนาคารและมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากๆ
- เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องมีโบรกเกอร์ Forex เพราะโบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นเหมือนธนาคาร คอยจัดการความยุ่งยากในการซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex ให้ง่ายขึ้น เพียงแค่เราออกคำสั่งซื้อ/ขายตามที่เราต้องการ
- โบรกเกอร์ Forex มีเครื่องมือช่วยในการเทรดและเทคโนโลยีการซื้อขายที่ทันสมัย ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้เครื่องมือนี้แหละในการส่งคำสั่งเทรด อย่างเช่น MT4, MT5 เป็นต้น
- อีกอย่างในการซื้อขายสกุลเงินนั้น จำเป็นอย่างมากที่เราต้องมีเงินทุนจำนวนมากๆ แต่โบรกเกอร์จะมีเครื่องมือที่เรียกว่า “เลเวอเรจ” ให้เราใช้เป็นการขยายอัตราส่วนเงินทุนน้อยๆ ของเราให้เหมือนมีเงินก้อนนั่นเอง
- และโบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่จะมีทีมงานซัพพอร์ตคอยช่วยเหลือเกี่ยวกับการเทรด Forex หากเราเทรดเอง ไม่ใช่บริการโบรกเกอร์มันคงจะยุ่งยากและวุ่นวายมากๆ เลยครับ

ปัจจัยในการเลือกใช้งานโบรกเกอร์ Forex เบื้องต้น
การจะเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ใดสักแห่งหนึ่งไม่ใช่สุ่มเลือกตามใจชอบนะครับ เพราะเราอาจจะมีความเสี่ยงไปเลือกใช้งานโบรกเกอร์เถื่อนเข้าก็ได้ ปัจจัยสำคัญในการที่จะเลือกใช้โบรกเกอร์สักหนึ่งเจ้าก็มีเบื้องต้นดังนี้
ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล
- การที่เราเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ใดสักแห่งหนึ่งเท่ากับว่าเราตัดสินใจแล้วที่จะฝากเงินของเราที่ใช้ในการเทรด Forex ไว้กับโบรกเกอร์นั้น ดังนั้นโบรกเกอร์ที่เราฝากเงินต้องมีความน่าเชื่อถือเป็นอันดับแรก
- ซึ่งความน่าเชื่อถือในเบื้องต้นเราสามารถดูได้จาก “ใบอนุญาตและการกำกับดูแล” ซึ่งโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือจะต้องมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือเช่น
- FCA (สหราชอาณาจักร)
- ASIC (ออสเตรเลีย)
- CySEC (ไซปรัส)
- NFA (สหรัฐอเมริกา)
- องค์กรเหล่านี้จะมีมาตรฐานสำหรับบริษัทที่อ้างตนเองว่าเป็นโบรกเกอร์ ซึ่งมาตรฐานที่ต้องวัดก่อนจะได้รับใบอนุญาต เช่น จำนวนเงินหมุนเวียนในบริษัทต้องมากพอ, มีนโยบายจัดเก็บเงินทุนที่ปลอดภัย มั่นคง, มีระบบการจัดการที่ดี, มีตันตนจริง มีที่ตั้งบริษัทชัดเจนรวมถึงข้อมูลบุคลากร เป็นต้น
ค่าธรรมเนียมและสเปรด
- หลังจากดูเรื่องความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์แล้ว ต่อมาเราต้องดูเรื่องของค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการเทรดซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ Forex จะมีค่าสเปรด, ค่าธรรมเนียมการเทรด, ค่าสวอป ที่แตกต่างกัน
- เบื้องต้นค่าสเปรดก็คือ ส่วนต่างระหว่าง ราคา Bid (ราคาที่ Broker รับซื้อ) และราคา Ask (ราคาที่ Broker ขาย) ซึ่งจะมีแสดงในหน้าเว็บไซต์เป็นหลัก
- ส่วนค่าธรรมเนียมก็คือ ค่าคอมมิชชั่นต่อล็อตที่เราเทรดซึ่งรวมไปถึง ค่าสวอปที่เป็นค่าธรรมเนียมในการถือสถานะข้ามคืนคิดเป็น “ดอกเบี้ย” อย่างหนึ่ง
- สาเหตุที่เราต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพราะเราควรจะเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าเป็นต้นทุนในการเทรดระยะยาว ที่ไม่แพงจนเกินไปหรือถูกจนผิดสังเกต

แพลตฟอร์มการเทรด
- สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกก็คือคุณภาพของแพลตฟอร์มการเทรดและระบบของโบรกเกอร์ โดยเฉพาะเรื่องของการรีโควต (Requote)
- การรีโควต (Requote) คือ อาการที่โบรกเกอร์ไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายของเราในราคาที่เราต้องการได้ อาจเป็นเพราะราคาในตลาดเปลี่ยนแปลงเร็วมากหรือ Broker มีปัญหาสภาพคล่องก็เป็นได้
- ดังนั้นพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้มาตรฐานสากลอย่าง MT4, MT5 เป็นต้น เพราะแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้รับความนิยมในเรื่องของความเสถียรภาพและเกิดปัญหาการรีโควตน้อยมาก

การฝากและถอนเงิน
- ปัจจัยต่อมาเป็นเรื่องของระบบธุรกรรมการเงินของโบรกเกอร์ที่เราต้องพิจารณา ทั้งเรื่องความเร็วในการฝาก-ถอน, ช่องทางในการฝาก-ถอน, ค่าธรรมเนียมในการฝาก-ถอน
- ความเร็วในการฝาก-ถอน นั้นสำคัญมากเพราะมันแสดงถึงคุณภาพของระบบการเงินของโบรกเกอร์นั้นๆ ถ้าฝากเงินเข้าช้าก็เสี่ยงโดน Margin Call หรือถ้าถอนได้ช้าก็สร้างความกังวลใจให้เทรดเดอร์ อยากรู้ว่าโบรกเกอร์ไหนฝาก-ถอนดีที่สุดลองดูที่นี่
- นอกจากเรื่องความเร็วแล้ว ช่องทางการฝาก-ถอนของโบรกเกอร์ควรรองรับได้หลากหลาย เช่น E-wallet, Crypto เป็นต้น รวมถึงค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน ควรต่ำมากหรือฟรีเลยยิ่งดี

การสนับสนุนลูกค้า
- ต่อมาการพิจารณาทีมซัพพอร์ตของโบรกเกอร์เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะการที่โบรกเกอร์มีทีมซัพพอร์ตเป็นคนไทยและสื่อสารภาษาไทยได้ จะช่วยให้การเทรดของเราง่ายขึ้นมากและยังช่วยแก้ปัญหาของเราได้อย่างเข้าใจจริงๆ
- ตัวอย่างโบรกเกอร์ชั้นนำที่มีทีมงานซัพพอร์ตเป็นคนไทย(ไม่นับการใช้ Google Translate แปลให้เราอ่านนะครับ)
วิดีโอเกี่ยวกับโบรกเกอร์ A-Book vs B-Book
ความแตกต่างของโบรกเกอร์ A-Book กับ B-Book เครดิต By ForexBoat Focus นาทีที่ 0:27-2:49
มีหนึ่งสิ่งที่ทีมงานของเราอยากให้ผู้อ่านได้รับร้เพิ่มเติมเพราะบทความนี้ไหนๆ ก็เกี่ยวกับโบรกเกอร์ Forex แล้ว ผมไปเจอคลิปวิดีโอหนึ่งที่อธิบายความแตกต่างของโบรกเกอร์ A-Book กับ B-Book และคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านที่ได้เข้าใจและรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้ง 2 แบบนี้
- Focus ที่นาที 0:27 A-Book Broker
- Focus ที่นาที 1:20 B-Book Broker
- Focus ที่นาที 2:15 การแยกลูกค้า A-Book และ B-Book
สรุป
Forex Broker จัดเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือคู่กายของเหล่าเทรดเดอร์ Forex เพราะโบรกเกอร์จะคอยเป็นแหล่งสร้างกำไรให้แก่เทรดเดอร์ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องเลือกใช้โบรกเกอร์ที่มีคุณภาพเสียก่อน ซึ่งได้กล่าวไปแล้วถึงวิธีพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพ
การอ่านรีวิวโบรกเกอร์ Forex ก็ถือว่าเป็นอีกทางหนึ่งที่แนะนำแต่อยากแนะเว็บไซต์ที่รีวิวโดยเจ้าของเว็บไซต์จริงๆ ไม่มีการให้คะแนนจากสาธารณะเพราะมันเป็นช่องทางให้เกิดการปั่นคะแนนโจมตีโบรกเกอร์ได้ ซึ่งแนะนำเลยว่า Thai Broker Forex ตอบโจทย์อย่างมาก หวังว่าทุกคนจะเจอโบรกเกอร์ที่ถูกใจของตัวเองนะครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th