forexthai.in.th ย่อให้

  • MT4 เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น Forex, ทองคำ, และหุ้น พัฒนาโดย MetaQuotes Software Corp ประเทศรัสเซีย
  • สาเหตุที่ MT4 เป็นที่นิยมก็เพราะ มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย รองรับอุปกรณ์หลากหลายทั้ง PC และมือถือ มีขนาดไฟล์เล็ก ไม่เปลืองพื้นที่ พร้อม Indicator มากกว่า 1,000 ตัว เป็นต้น
  • ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ MT4 ที่เทรดเดอร์ชอบก็คือการแสดงหน้าจอหลายคู่สกุลเงินพร้อมกัน การปรับแต่งกราฟได้ 3 แบบ และการติดตั้งระบบเทรดอัตโนมัติ (EA)
  • MT4 และ MT5 มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ทั้ง Timeframe, ฟีเจอร์, และการรองรับ Hedging นอกจากนี้ MT4 ยังได้รับความนิยมมากกว่าเนื่องจากฐานผู้ใช้เดิมและการรองรับ EA ของ MT4 ที่ไม่สามารถใช้กับ MT5

MT4 (MetaTrader 4)

ใครที่ก้าวเข้ามาในวงการ Forex แล้ว เชื่อว่าต้องรู้จักแพลตฟอร์มเทรดที่ชื่อว่า Meta Trader 4 หรือที่เราติดปากกันว่า MT4 เพราะแทบจะทุกโบรกเกอร์ Forex ต้องรองรับแพลตฟอร์มเทรดตัวนี้ วันนี้เราจะมาเจาะลึกและทำความรู้จักกับ Mt 4 กันให้มากขึ้น


MT4 คืออะไร?

  • MT4 (MetaTrader 4) เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อใช้ส่งคำสั่งซื้อขายหรือที่เรียกว่า”การเทรด”ในสินทรัพย์จำพวกสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) รวมถึง ทองคำ, หุ้นและอนุพันธ์ เป็นต้น
  • โปรแกรมตัวนี้มีผู้พัฒนาคือบริษัท MetaQuotes Software Corp บริษัทซอฟต์แวร์ของรัสเซียที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศไซปรัส โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2000
  • MT4 จะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์โบรกเกอร์ Forex ผ่าน โปรโตคอล API เมื่อส่งคำสั่งซื้อขาย เช่น Buy หรือ Sell บน MT4 คำสั่งนั้นจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์เพื่อดำเนินการตามราคาตลาด
อินเทอร์เฟซของโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4)
ตัวอย่าง อินเทอร์เฟซของโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกของเทรดเดอร์ในการเทรดสินทรัพย์ออนไลน์ เช่น สกุลเงินต่างประเทศ (Forex), CFD เป็นต้น

ทำไม MT4 ถึงเป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ Forex

  1. พูดถึงเรื่ออินเทอร์เฟซสำหรับใช้งาน MT4 ถือว่ามีอินเทอร์เฟซที่ดูเป็นมืออาชีพสำหรับการเทรด แม้ช่วงแรกอาจจะยังงงไปบ้าง แต่เมื่อใช้งานไปสักพักจะเริ่มใช้คล่องขึ้นและรู้สึกมันถูกออกแบบ UI ได้ค่อนข้างตอบโจทย์ เช่น กราฟ เครื่องมือ ปุ่มต่างๆ
  2. ปัจจุบัน MT4 สามารถใช้งานได้ทุกที่ ขอแค่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ PC Laptop หรือสมาร์ทโฟน เราสามารถติดตั้งแอพ MT4 ทั้งบนอุปกรณ์ iOS และ Android ได้ รวมถึงเปิดบน Web Browser ก็ได้หากไม่ต้องการติดตั้งแอพใดๆ
  3. โปรแกรม MT4 จัดว่ามีพื้นที่ไฟล์เล็กมาก ติดตั้งแล้วไม่กินพื้นที่บนอุปกรณ์แน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าบางคนที่มีพื้นที่บนอุปกรณืจำกัดจึงนิยมใช้ MT4
  4. พูดถึง Indicator บน MT4 นั้น ก็ถือว่ามีมากพอที่จะให้เทรดเดอร์ได้เลือกกว่า 1,000+ ตัว เช่น Moving Average, Bollinger Bands, RSI, MACD และอื่น ๆ หรือจะสร้างอินดิเคเตอร์เองงก็สามารถทำได้
  5. เรื่อง Time Frame หรือกรอบเวลาสำหรับดูกราฟ MT4 สามารถแสดงผลกราฟได้ 9 แบบ ตั้งแต่ 1 นาที (M1) จนถึง 1 เดือน (MN)
  6. รูปแบบของกราฟก็ปรับได้ 3 แบบคือ กราฟเส้น (Line Chart), กราฟแท่ง (Bar Chart) และกราฟแท่งเทียน (Candlestick)
  7. อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เทรดเดอร์ชอบคือ MT4 สามารถแสดงผลหน้าจอกราฟราคาได้พร้อมกันหลายคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์
  8. สุดท้ายคือเราสามารถติดตั้งระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ที่มีหน้าที่ทรดตามกลยุทธ์ที่เราออกแบบไว้ โดยเราไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ โดยจะมีขายในแพลตฟอร์ม MT4 ในเมนู MQL5
Meta Trader 4 จะมีเมนู Market สำหรับโปรแกรมต่างๆ
ในโปรแกรม Meta Trader 4 จะมีเมนู Market สำหรับโปรแกรม EA, Signa, Indicators, E-books รวมถึงมีฟอรั่มสำหรับพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ MT4

ทีนี้เรามาดูคำถามที่มักจะพบบ่อยเกี่ยวกับ MT4 ทั้งเรื่องของการใช้งาน การเปรียบเทียบกับ MT5 และเรื่องอื่นๆ

MT4 แตกต่างจาก MT5 อย่างไร?

แม้ว่า MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่พัฒนาโดยบริษัท MetaQuotes แต่ทั้ง 2 ถือว่ามีความแตกต่างกันดังนี้

คุณสมบัติ MT4 MT5
จำนวนหน้าจอ/Time frame 9 Timeframe 21 Timeframe
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ไม่มีข้อมูลแสดง มีตารางข่าวพร้อมหมวดหมู่ เช่น เวลา, ผลกระทบ, การเปรียบเทียบข้อมูลเดิม และ Forecast
Indicator อินดิเคเตอร์ ติดมากับโปรแกรม 30 ตัว อินดิเคเตอร์ ติดมากับโปรแกรม 38 ตัวและอื่นๆ อีกมากมาย
คำสั่งซื้อขาย Buy : คำสั่งซื้อ

Sell : คำสั่งขาย

Buy Limit : ตั้งซื้อเมื่อราคาลดลงถึงจุดที่กำหนด

Sell Limit : ตั้งขายเมื่อราคาขึ้นถึงจุดที่กำหนด

Buy Stop : ตั้งซื้อเมื่อราคาขึ้นถึงจุดที่กำหนด

Sell Stop : ตั้งขายเมื่อราคาลดลงถึงจุดที่กำหนด

Buy : คำสั่งซื้อ

Sell : คำสั่งขาย

Buy Limit : ตั้งซื้อเมื่อราคาลดลงถึงจุดที่กำหนด

Sell Limit : ตั้งขายเมื่อราคาขึ้นถึงจุดที่กำหนด

Buy Stop : ตั้งซื้อเมื่อราคาขึ้นถึงจุดที่กำหนด

Sell Stop : ตั้งขายเมื่อราคาลดลงถึงจุดที่กำหนด

Buy Stop Limit : ตั้งคำสั่งซื้อเมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดหนึ่ง และราคานั้นต้องเป็นราคาที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน

Sell Stop Limit : ตั้งคำสั่งขายเมื่อราคาลดลงถึงจุดหนึ่ง และราคานั้นต้องต่ำกว่าราคาปัจจุบัน

Expert Advisor (EA) ใช้ภาษา MQL พร้อม MT4 Editor และ Strategy Tester ใช้ภาษา C++ และรองรับ Strategy Tester Agent Manager สำหรับปรับแต่ง EA
การรองรับเทคนิคการเทรด
เช่น Hedging, Scalping
MT4 เทรดได้ทุกรูปแบบ รองรับ Hedging แต่เข้มงวดมาก ต้องมีการปรับตั้งค่าจากโบรกเกอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่อนุญาต
ความนิยม โบรกเกอร์และเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังนิยม MT4 มากกว่า MT5 มีความนิยมน้อยกว่า MT4

MT5 คือแพลตฟอร์มที่พัฒนามาจาก MT4 และมีฟังก์ชัน คุณสมบัติที่อัพเกรดและดีกว่า MT4 แต่น่าสนใจตรงที่โบรกเกอร์และเทรดเดอร์ยังนิยมใช้ MT4 แม้ปัจจุบันจะเริ่มใช้ MT5 มากขึ้นก็ตาม

ทำไมคนใช้งาน MT4 มากกว่า MT5?

แม้ว่าในปัจจุบัน MT4 ยังถือว่าเป็นที่นิยมกว่าแต่ก็ไม่ได้ทิ้งห่างจาก MT5 มากนัก ซึ่งเหตุผลที่หลายคนยังนิยมใช้ MT4 อาจจะเป็นเพราะ

  1. ความคุ้นเคยและฐานผู้ใช้งานเดิมของ MT4 อย่างที่รู้กันว่า MT4 เปิดให้บริการมานานกว่า 20+ ปีแล้วไม่แปลกที่จะมีฐานผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่เยอะกว่า และด้วยความเคยชินก็ไม่อยากจะเปลื่อนแพลตฟอร์มเทรดใหม่ๆ
  2. ความเข้ากันได้ของ EA (Expert Advisors) และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักๆ เพราะ EA ที่สร้างขึ้นสำหรับ MT4 จะไม่สามารถใช้งานบน MT5 ได้ ถ้าจะเปลี่ยนไปใช้ MT5 ก็ต้องเขียน EA ใหม่ทั้งหมด ซึ่งหลายคนใช้ EA ใน MT4 จนเสถียรแล้วเลยไม่อยากเปลี่ยน
  3. มีความเข้าใจผิดว่า MT5 ไม่รองรับ Hedging และ Scalping แต่ความจริง MT5 รองรับทั้ง Hedging และ Scalping แต่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่าในบางด้าน โดยโบรกเกอร์ที่รองรับ MT5 พยายามปฏิบัติตามกฎของ NFA (National Futures Association) ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลตลาดฟิวเจอร์สในสหรัฐอเมริกาที่เข้มงวด
เครื่องมือและฟังก์ชันที่มีอยู่ใน MT4
เครื่องมือและฟังก์ชันที่มีอยู่ใน MT4 ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการแล้ว เทรดเดอร์หลายคนจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ MT5 ซึ่งมีฟีเจอร์ที่มากขึ้นก็จริงแต่ก็อาจมีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน

MT4 มีค่าธรรมเนียมในการใช้งานหรือไม่?

การดาวน์โหลดและใช้งานโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) นั้น ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเทรด เช่น ค่า Spread, ค่าคอมมิชชั่น, ค่า Swap ล้วนมาจากโบรกเกอร์ Forex นั้นๆ ไม่เกี่ยวกับ MT4

วิดีโอการใช้งาน Meta Trader 4

การใช้งาน MT4 ตั้งแต่เริ่มดาวน์โหลดไปถึงการเทรดเบื้องต้น เครดิต By Trading withtoptrader Focus นาทีที่ 1.10 – 22.40

ทีมงานได้ไปเจอคลิปวิดีโอหนึ่งซึ่งคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อบทความนี้เลยอยากเอาแชร์ เกี่ยวกับ การใช้งาน MT4 ตั้งแต่เริ่มดาวน์โหลดไปถึงการเทรดเบื้องต้น ซึ่งน่าจะทำให้หลายๆ คนมองเห็นภาพมากขึ้นครับ

  • นาทีที่ 1.10 ดาวน์โหลดและติดตั้ง MT4
  • นาทีที่ 1.30 เข้าสู่ระบบ MT4
  • นาทีที่ 3.25 แนะนำเมนูต่างๆ ในการใช้งานเบื้องต้น
  • นาทีที่ 10.55 คู่เงิน
  • นาทีที่ 14.47 สอนปรับแต่งกราฟ
  • นาทีที่ 16.30 สอนใช้อินดิเคเตอร์เบื้องต้น
  • นาทีที่ 20.17 สอนซื้อ-ขาย
  • นาทีที่ 22.40 สอนบันทึกระบบ

สรุป

ก็จบกันไปสำหรับ Meta Trader 4 หวังว่าจะเข้าใจและเริ่มต้นปูพื้นฐานได้ง่ายขึ้นนะครับ ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องมือใหม่ๆ ผุดออกมามากมายสำหรับการซื้อขาย Forex เช่น Trading View หรือแม้แต่แอพของโบรกเกอร์ Forex แบบเฉพาะก็สามารถเทรดได้เช่นกัน

แต่อย่างที่บอกไปว่าความคลาสสิคและการใช้งานต่างๆ ของ MT4 นั้นมันเพียงพอต่อความต้องการของเทรดเดอร์หลายคนแล้ว เอาเป็นว่าขอแค่เข้าใจฟังก์ชั่นการใช้งาน เข้าใจการเทรด เชื่อว่ายังไงก็อยู่รอดในตลาด Forex แน่นอนครับ

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments