Forexthai.in.th ย่อให้

  • หลักการพื้นฐาน: ระบบเทรด 4H Box Breakout ใช้แนวคิดการทะลุผ่าน (Breakout) ในกรอบเวลาสี่ชั่วโมงเพื่อกำหนดบริเวณที่ราคามีโอกาสทะลุออกไป แล้วเข้าทำกำไรตามทิศทางนั้น
  • กล่องเทรด (Box Range): กำหนดจาก High และ Low ของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด
  • เครื่องมือที่ใช้: มีการใช้ EMA 30, 150, 200 และ 365 เพื่อบ่งชี้แนวโน้มและแนวรับแนวต้าน
  • สัญญาณ Breakout: สังเกตการทะลุผ่านแนวรับแนวต้านจากเส้นแนวโน้ม หรือการทะลุผ่านจุดสูงสุด/ต่ำสุดสองจุด
  • เงื่อนไขการเทรด: เข้าออเดอร์เมื่อราคาทะลุผ่านกรอบของกล่อง วาง SL ฝั่งตรงข้ามของกล่อง ใช้ Risk Reward Ratio กำหนด TP

ระบบเทรด 4H Box Breakout ใช้การทะลุผ่าน (Breakout) กรอบราคาสี่ชั่วโมงในการเทรด

ระบบเทรด 4H Box Breakout นี่คือหนึ่งในระบบที่ใช้ได้ดีกับคู่สกุลเงินหลายคู่ และโดยปกติจะใช้กับแผนภูมิ 4 ชั่วโมง ซึ่งวิธีนี้จะได้ผลดีในระยะยาว ยิ่งถ้าหากว่าคุณสามารถรับมือกับ SL ที่กว้างกว่าได้ ยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น วิธีการใช้งานระบบเทรดก็ง่าย เพราะเน้นไปที่การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ไปดูวิธีการใช้ระบบเทรดตัวนี้กันเลย


ข้อมูลเบื้องต้น

4H Box Breakout เป็นระบบเทรดในตลาด Forex ที่อาศัยแนวคิดการทะลุผ่าน (Breakout) โดยใช้กรอบเวลาสี่ชั่วโมง เพื่อกำหนดบริเวณที่ราคามีโอกาสทะลุออกไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เพื่อเข้าทำกำไรตามทิศทางที่ราคาทะลุออกไป เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการระบบง่าย ๆ ใช้หลัก Price Action และสามารถนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์อื่น ๆ ได้

หลักการของระบบ

  1. กำหนดช่วงเวลา
    • ส่วนใหญ่นักเทรดจะใช้ช่วงเวลา 0:00 – 4:00 ตามเวลา GMT หรืออาจใช้ช่วงเวลาอื่นที่เหมาะสมกับตลาดที่เทรด
    • วาดเส้น High และ Low ของราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะกลายเป็น “กล่อง” (Box) ที่เป็นจุดกำหนดกรอบที่จะทะลุผ่าน
  2. รอการทะลุผ่าน (Breakout)
    • เมื่อราคาทะลุ High หรือ Low ของกล่อง นักเทรดจะเปิดออเดอร์ตามทิศทางนั้น
    • ใช้ Pending Orders (Buy Stop และ Sell Stop) เพื่อเข้าตลาดอัตโนมัติ
  3. การตั้ง Stop Loss และ Take Profit
    • Stop Loss: วาง SL ไว้ที่ฝั่งตรงข้ามของกล่อง หรือห่างออกไปตามค่าที่เหมาะสม เช่น 10-20 pips
    • Take Profit: อาจใช้ RR Ratio ที่เหมาะสม เช่น 1:1 หรือ 1:2
  4. การกรอง False Breakout
    • อาจใช้ RSI, MACD หรือการยืนยันจากแท่งเทียนเพื่อลดโอกาสโดนหลอก
    • เทรดเฉพาะช่วงเวลาที่มี สภาพคล่องสูง เช่น London หรือ New York Session

ภาพรวมของการทะลุผ่าน (Breakout)

ก่อนอื่นเรามาพูดถึงจุดทะลุผ่าน หรือ Breakout กันก่อน ในกราฟ 4 ชั่วโมงของ GBP/USD สกุลเงินนี้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว แนวโน้มนี้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และเป็นแนวโน้มที่แข็งแกร่ง

การ Breakout
การ Breakout คือการทะลุผ่านกรอบราคาจากการพักตัว ในแนวโน้มหลัก

โดยปกติคู่สกุลเงินมักจะเคลื่อนไหวเป็นระลอก กล่าวคือสกุลเงินในแนวโน้มขาขึ้น จะมีช่วงย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการพักตัว จากนั้นจึงเคลื่อนตัวขึ้นอีกครั้ง เมื่อเราซื้อขายแบบ breakout เราจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้โดยเข้าซื้อขายเมื่อสกุลเงินทะลุออกจากการพักตัวนั้น

ตัวอย่างจากแผนภูมิ:

  • สกุลเงิน GBP/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น นี่คือแนวโน้มระยะยาวและเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
  • สกุลเงิน GBP/USD ย่อตัวลงเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์
  • สกุลเงิน GBP/USD เคลื่อนตัวขึ้นอีกครั้ง และแท่งปิดที่ด้านขาขึ้นของเส้นแนวโน้มใหม่ แสดงว่าเกิดการ breakout
  • นี่คือสัญญาณให้เราเข้าซื้อขาย (เราจะใช้ข้อมูลเจาะจงมากขึ้น แต่คุณคงเข้าใจประเด็นแล้ว)

เครื่องมือที่ใช้

ในการกำหนดกรอบของราคาเพื่อมองหาการ breakout นั้น สำหรับระบบนี้จะใช้ตัวบ่งชี้ Exponential Moving Average ดังต่อไปนี้

  • EMA 30 Period
  • EMA 150 Period
  • EMA 200 Period
  • EMA 365 Period

อย่าลืมปรับแต่งตัวบ่งชี้แต่ละตัวด้วยสีที่แตกต่างกัน เพื่อให้คุณเห็นได้ชัดเจนว่าคุณกำลังดู EMA ตัวใดอยู่ด้วย

EMA
เครื่องมือตัวบ่งชี้ที่ใช้มี EMA 30, 150, 200, และ 365

จุดประสงค์ในการใช้ EMA

  • EMA 30: เราใช้ตัวนี้เพื่อเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มปัจจุบัน เพราะช่วยแสดงแนวโน้มที่แข็งแกร่งได้ โดยปกติแล้วคู่สกุลเงินจะมีการย้อนกลับไปพักที่ EMA 30 จากนั้นจึงค่อยวิ่งไตามแนวโน้มเดิมต่อ
  • EMA 150, 200, 365: เส้น EMA เหล่านี้ใช้เพื่อค้นหาระดับแนวรับและแนวต้าน โดยส่วนใหญ่แล้วเส้นเหล่านี้คือระดับแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่ง และหากคุณดูระดับราคาที่เส้นเหล่านี้ในแผนภูมิ 4H คุณจะเห็นว่าบ่อยครั้งที่คู่สกุลเงินจะเด้งกลับเมื่อไปถึงระดับใดระดับหนึ่งที่เส้นเหล่านี้
EMA 30
EMA 30 ใช้ระบุแนวโน้มปัจจุบัน ส่วน EMA 150, 200, และ 365 ใช้ระบุ แนวรับ แนวต้าน

ทำไมต้องใช้การ Breakout

การใช้ระบบ breakout ในการซื้อขาย จะช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะอย่างมาก โดยมีเหตุผลที่สำคัญคือ

  • ประการแรก จะดีกว่าเสมอเมื่อทำการซื้อขายตามแนวโน้มระยะยาว คุณมีแนวโน้มที่จะชนะสูง
  • เมื่อซื้อขายตามแนวโน้ม จุดที่เราเข้าสู่ตลาดจะกำหนดระดับผลกำไรของเรา การเสี่ยงโดยใช้ SL ที่กว้างจะไม่มีประโยชน์ วิธีที่ดีกว่าคือการค้นหาจุดที่เราสามารถเข้าได้ เสี่ยงน้อยลง และยังคงได้รับกำไรที่ดี
  • จุด breakout จะให้จุดเข้าที่ดีที่สุดนั้นแก่เรา จากพฤติกรรมของตลาด เราทราบดีว่าเมื่อเกิดการ breakout คู่สกุลเงินมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปตามแนวโน้ม

สัญญาณการ Breakout

ด้วยระบบการซื้อขายนี้ เราจะใช้รูปแบบการทะลุผ่านแนวรับสองรูปแบบที่แตกต่างกันคือ

  • รูปแบบที่หนึ่งเรียกว่าการทะลุผ่านแนวรับแนวต้านจากเส้นแนวโน้ม
  • รูปแบบที่สองเรียกว่าการทะลุผ่านจุดสูงสุดหรือต่ำสุดสองจุด

รูปแบบของการ Breakout

เงื่อนไขการเทรด

ในการใช้ระบบ 4H Box Breakout มีเงื่อนไขหลัก ๆ ที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ดังนี้

1.การกำหนดกล่องเทรด (Box Range)

  • การกำหนดช่วงเวลาสร้างกล่องให้ใช้แท่งเทียน 4 ชั่วโมงแรกของวัน (ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และ Time zone ที่ใช้ เช่น 0:00 – 4:00 GMT)
  • วาดเส้น High และ Low ของราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

ข้อควรระวัง

  • หากกล่องมีช่วงกว้างเกินไป (เช่นมากกว่า 50-100 pips) อาจไม่เหมาะสมกับการเทรด เนื่องจาก Stop Loss อาจสูงเกินไป
  • ถ้ากล่องมีช่วงแคบมาก อาจเกิด False Breakout ได้ง่าย

2.เงื่อนไขการเข้าออเดอร์ (Entry Rules)

  • เปิดออเดอร์เมื่อราคาทะลุผ่านกรอบด้านใดด้านหนึ่งของกล่อง
  • วาง Buy Stop ที่จุดสูงสุดของกล่อง + 1-3 pips
  • วาง Sell Stop ที่จุดต่ำสุดของกล่อง – 1-3 pips
  • กรองสัญญาณเพื่อหลีกเลี่ยง False Breakout
  • รอให้แท่งเทียนปิดเหนือ High หรือใต้ Low ของกล่องก่อนคอนเฟิร์ม
  • หลีกเลี่ยงการเทรดช่วงข่าวแรง เช่น Non-Farm Payroll (NFP) หรือ FOMC

3.การตั้ง Stop Loss และ Take Profit

Stop Loss (SL)

  • วาง SL ฝั่งตรงข้ามของกล่อง หรือ
  • ใช้ค่า ATR (Average True Range) คำนวณ SL ตามความผันผวนของตลาด

Take Profit (TP)

  • ใช้ Risk Reward Ratio เช่น 1:1 หรือ 1:2
  • หรือกำหนด TP ตามแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

4.การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

  • ไม่ควรเสี่ยงมากกว่า 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  • ใช้ Position Sizing คำนวณ Lot Size ตามทุนที่มี

Long (Buy)

ตัวอย่างการซื้อขายแบบ Long (buy)

  • ราคาของ GBP/USD มีการวิ่งทะลุผ่าน Breakout เส้นแนวต้านหลักอย่าง EMA 365 ขึ้นไปได้
  • เส้น EMA 30 ก็สามารถทะลุผ่านเส้น EMA 365 ได้เช่นกัน เป็นการยืนยันการ Breakout
  • จุดเข้าซื้อขายแบบ Long (buy) คือเมื่อราคามีการย้อนกลับลงมาทดสอบที่เส้น EMA 30 อีกครั้ง ที่ราคาระดับนี้จะเป็นราคาที่ดีที่สุด
  • การวาง SL ให้ใช้ที่ระดับราคาใต้เส้น EMA 365 ส่วน TP ใช้การบริหารแบบ RR ก็ได้
Short (Sell)
ภาพตัวอย่างการซื้อขายแบบ Short (Sell)

ตัวอย่างการซื้อขายแบบ Short (sell)

  • แนวโน้มหลักของ GBP/USD คือขาลง แต่เมื่อเกิดกรอบของการพักตัว ซึ่งเป็นแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น ให้รอการ Breakout จากกรอบราคานั้นก่อน
  • เมื่อราคามีการทะลุผ่านโดย Breakout กลับไปตามแนวโน้มหลัก นี่คือสัญญาณการทะลุผ่านที่ดี
  • จุดเข้าซื้อขายแบบ Short (sell) คือเมื่อราคามีการวิ่งขึ้นไปทดสอบระดับราคาที่เคยทะลุผ่านจากกรอบการพักตัวอีกครั้ง เส้น EMA 150 ก็ช่วยเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งให้ด้วย
  • การวาง SL ให้ใช้ที่ระดับราคาเหนือเส้น EMA 150 ส่วน TP ใช้การบริหารแบบ RR ก็ได้

จุดอ่อนของระบบ

แม้ว่าระบบ 4H Box Breakout จะเป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อเสียและจุดอ่อนที่ต้องระวัง เพื่อให้สามารถปรับปรุงและลดความเสี่ยงได้ ดังนี้

  • False Breakout (การเบรกหลอก): ราคาอาจทะลุ High หรือ Low ของกล่อง แต่ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ และกลับเข้ามาในกรอบเดิม อาจทำให้ SL ถูก Hit และเกิดการขาดทุนก่อนที่ราคาจะไปในทิศทางที่คาดหวัง
  • ไม่เหมาะกับตลาดไซด์เวย์ (Sideway/Choppy Market): หากตลาดไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน ระบบนี้อาจให้สัญญาณเข้าออกที่ผิดพลาด หากราคาวิ่งขึ้นลงในกรอบที่แคบ จะทำให้โดน SL บ่อย
  • ขนาดของกล่องอาจกว้างเกินไปหรือแคบเกินไป: หากช่วง High-Low ของกล่องกว้างเกินไป อาจทำให้ SL กว้างมาก และเสี่ยงขาดทุนหนัก หากกล่องแคบเกินไป อาจเกิด False Breakout บ่อย
แนวคิดในการสร้างความสำเร็จให้กับชีวิต

สรุป

ระบบเทรด 4H Box Breakout เป็นระบบที่อิงกับการทะลุผ่านแนวรับแนวต้าน โดยใช้กรอบเวลา 4 ชั่วโมง เพื่อกำหนดกล่องเทรดจาก High และ Low ของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด โดยใช้ร่วมกับ EMA 30, 150, 200 และ 365 เพื่อบ่งชี้แนวโน้มและแนวรับแนวต้าน

เมื่อราคาทะลุผ่านกรอบของกล่อง จะเป็นสัญญาณให้เข้าออเดอร์ โดยมีการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง และใช้ Position Sizing คำนวณ Lot Size ตามทุนที่มี

เนื่องจากระบบเทรดตัวนี้ใช้ความเข้าใจเรื่องการทะลุผ่านแต่ละรูปแบบเป็นหลัก หากใครมีความรู้ความเข้าใจดีอยู่แล้วก็สามารถนำไปใช้ได้เลย ส่วนเทรดเดอร์ท่านใดที่ยังไม่เข้าใจชัดเจนเท่าไหร่ก็ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปครับ

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments