Forexthai.in.th ย่อให้
- ตลาด Forex เปิดทำการ 24 ชั่วโมง จันทร์-ศุกร์ แบ่งเป็น 3 เซสชั่นหลัก: นิวยอร์ก ลอนดอน และเอเชีย (โตเกียว/ฮ่องกง) โดยช่วงที่ลอนดอนและนิวยอร์กทับซ้อนกันจะมี volume การเทรดสูงที่สุด
- เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสภาพคล่องสูง สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน
- มีความยืดหยุ่นในการเทรดสูง สามารถใช้ระบบเทรดอัตโนมัติได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- สามารถใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มขนาดการเทรดได้ เช่น เลเวอเรจ 1:500 ทำให้เทรดได้ 500 เท่าของเงินทุน
- ควรเริ่มต้นด้วยเงินทุนที่รับความเสี่ยงได้ ศึกษาและฝึกฝนผ่านบัญชีทดลองก่อนลงทุนจริง พร้อมทั้งใช้ stop-loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง
เวลาเปิด – ปิดของตลาด Forex
ช่วงเวลาที่เปิดให้เทรดได้ของตลาด Forex นั้น จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดวันตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ โดยมีการแบ่งตามเขตเวลาที่แตกต่างกันในโลก ดังนี้:
- เซสชั่นในโซนเวลาของสหรัฐอเมริกา: จะยึดเอาที่ตลาดนิวยอร์ก (New York Session) เปิดเวลา 8:00 น. (GMT-4) และปิดเวลา 17:00 น. (GMT-4)
- เซสชั่นในโซนเวลาของยุโรป: จะยึดเอาที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ (London Session) เปิดเวลา 7:00 น. (GMT+1) และปิดเวลา 16:00 น. (GMT+1)
- เซสชั่นในโซนเวลาของเอเชีย: จะแบ่งออกเป็นสองช่วงเวลาคือ ที่โตเกียว (Tokyo Session) เปิดเวลา 0:00 น. (GMT+9) และปิดเวลา 9:00 น. (GMT+9) และฮ่องกง (Hong Kong Session) เปิดเวลา 1:00 น. (GMT+8) และปิดเวลา 10:00 น. (GMT+8)
จุดสังเกตที่สำคัญคือเซสชั่นลอนดอนและเซสชั่นนิวยอร์ก จะมีระยะเวลาที่ซ้อนทับกันในช่วงเช้าของวันที่ฝั่งนั้น (ประมาณ 13:00 – 17:00 น. GMT) ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความเคลื่อนไหวสูงมาก และจะมีปริมาณการเทรดมากที่สุดในการซื้อขายสกุลเงิน

ทำไมจึงควรเทรดในตลาด Forex ?
มีหลายเหตุผลที่สำคัญและเป็นประโยชน์มากสำหรับการลงทุน ที่สนับสนุนกับคำตอบที่ว่าทำไมจึงควรเทรดในตลาด Forex ความสำคัญของปัจจัยที่เป็นเหตุผลในการเทรด Forex มีหลายเหตุผลที่ชัดเจน ดังนี้:
1. เป็นตลาดใหญ่และมี Liquidity สูง
ตลาด Forex เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายที่มากมายในทุกวัน มีความเป็น Liquidity (สภาพคล่อง) และมีความเสถียรสูงมาก ซึ่งจะช่วยให้ผู้เทรดสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งมีความยืดหยุ่นในการจัดการกับการเทรดของตนเองได้ง่าย
2. ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
การเทรดในตลาด Forex ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในสภาวะตลาดที่เป็นขาขึ้นและตลาดที่เป็นขาลง โดยเมื่อทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคและทางเศรษฐกิจแล้ว มองเห็นแนวโน้มของตลาดว่าจะไปในทิศทางไหน ก็สามารถตัดสินใจได้ว่าจะซื้อในตอนขาขึ้น หรือจะขายในตอนขาลง เลือกทำได้ตามความเหมาะสม

- ตัวอย่างเช่น:
คุณเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐ (USD) กับยูโร (EUR) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.0750 คุณเลือกซื้อ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐในราคานี้ และราคาในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นเปลี่ยนเป็น 1.0790 คุณตัดสินใจขาย 1,000 ดอลลาร์สหรัฐในราคานี้
การคำนวณกำไร: ราคาขาย – ราคาซื้อ
กำไรที่คุณได้จากการซื้อขายนี้: (1.0790 – 1.0750) x 1,000 = 40 ดอลลาร์สหรัฐ
ในตัวอย่างนี้ คุณได้รับกำไร 40 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นผลมาจากการซื้อสกุลเงินในราคาต่ำกว่า แล้วขายในราคาสูงกว่าราคาซื้อ และทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินที่เทรดกัน

3. มีความยืดหยุ่นในการเทรด
ตลาด Forex มีความยืดหยุ่นสูงที่ช่วยให้ผู้เทรดสามารถเปิดหรือปิดออเดอร์การซื้อขายได้ตลอดเวลา ซึ่งนักเทรดสามารถใช้เครื่องมือคำสั่งการซื้อขายอัตโนมัติ (automated trading) เพื่อจัดการออเดอร์ของตัวเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถือว่ามีความสะดวกสบายต่อผู้เทรดเป็นอย่างมาก
4. มีเลเวอเรจ (Leverage) ให้
การเทรดในตลาด Forex ให้ผู้เทรดสามารถใช้การเลเวอเรจ (leverage) เพื่อทำกำไรมากกว่าที่มีในบัญชีทุนของตน การเลเวอเรจช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ต้องระมัดระวังเพราะความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเลเวอเรจเช่นกัน
- ตัวอย่างการใช้เลเวอเรจในการเทรด Forex:
เมื่อกำหนดเลเวอเรจที่ 1:500 หมายถึงคุณสามารถทำการเทรดสกุลเงินในขนาด 500 เท่าของเงินทุนที่คุณมี นั่นหมายความว่าถ้าคุณมีเงินทุน 100 ดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเลเวอเรจ 1:500 คุณสามารถทำการเทรดสกุลเงินในขนาด 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (100 x 500) ได้
อย่างเช่น คุณมีเงินทุน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐและต้องการทำการเทรด EUR/USD ที่มีมูลค่าต่อหน่วย 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อสกุลเงิน ในกรณีนี้ คุณสามารถใช้เลเวอเรจ 1:500 เพื่อซื้อหรือขาย EUR/USD ในขนาดที่มากกว่าเงินทุนที่คุณมี
โดยใช้เลเวอเรจ 1:500 คุณสามารถเทรด EUR/USD ในขนาด 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1,000 x 500) โดยในกรณีนี้คุณใช้เงินเท่ากับ 1/500 ของมูลค่าสกุลเงินที่คุณเทรด
การเทรดในตลาด Forex มีผลประโยชน์มากมาย แต่ต้องระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงและต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนการเริ่มลงทุนในตลาด Forex

ควรมีเงินทุนเท่าไหร่ดี เพื่อการทำกำไร?
การกำหนดเงินทุนสำหรับการเริ่มต้นเทรด Forex นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถทางการเงินและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ เพราะการฝากเงินเพื่อเปิดบัญชีเทรดขั้นต่ำนั้น เริ่มต้นได้ตั้งแต่ 5$ เป็นต้นไป จะลงทุนมากหรือน้อยสามารถเลือกเองได้เลย แต่จะมีข้อแนะนำโดยทั่วไปดังนี้:
- ควรใช้แค่เงินทุนที่สามารถเสียได้: ก่อนที่คุณจะลงทุนในการเทรด Forex ควรตัดสินใจใช้เฉพาะเงินทุนที่คุณสามารถเสียได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อสถานะการเงินและการดำเนินชีวิตประจำวันของคุณ
- ไม่ควรลงทุนในการเทรดเพียงอย่างเดียว: ไม่ควรลงทุนทั้งหมดในเงินทุนของคุณในการเทรด Forex เพียงอย่างเดียว เพราะมีความเสี่ยงที่อาจทำให้คุณสูญเสียเงินทั้งหมดหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
- การควบคุมความเสี่ยงสำคัญมาก: การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรด Forex ควรพิจารณาในการใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง และการใช้ stop-loss เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินอย่างเหมาะสม
- ควรศึกษาและฝึกฝนจนเข้าใจ: ก่อนที่คุณจะลงทุนในการเทรด Forex ควรศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ตลาดและกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม โดยเริ่มต้นด้วยบัญชี demo account เพื่อทดลองเทรดและปรับปรุงทักษะการเทรดก่อนลงทุนจริง
การปูพื้นฐานด้วยวิธีการที่ว่ามานี้ จะช่วยยกระดับการเทรด Forex ของคุณให้ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ นักเทรดที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนบนตลาด FX ทุกคน ล้วนเคยผ่านกระบวนการนี้มาด้วยกันทั้งนั้น ขอจงอย่าละเลยและมองข้ามเป็นอันขาดเชียว

ทีมงาน: forexthai.in.th