Forexthai.in.th ย่อให้
- Money Management คือการวางแผนการเงินที่ไม่ใช่แค่การเทรด Forex แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น การออม การลงทุน เป็นต้น
- Money Management ใน Forex นั้นเทรดเดอร์ควรใช้เงินเย็น, วางแผนการเทรด, กำหนด Stop-Loss และ Take Profit ทุกครั้งรวมถึงกระจายความเสี่ยง
- ข้อดีของ MM คือ ช่วยควบคุมความเสี่ยง, เพิ่มโอกาสในการทำกำไร, ลดความเครียดและช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงิน
- ข้อเสียของการไม่มี MM คือ เสี่ยงต่อการขาดทุนหนัก, เทรดแบบใช้อารมณ์, เกิดความเครียดและอาจล้มเลิกการเทรดไปในที่สุด
ในการเทรดแบบมืออาชีพ เทรดเดอร์ Forex ทั้งหลายควรมีจะมีกฎประจำตัวอย่างน้อย 3 ข้อนี้ครับ 1. กลยุทธ์การเทรดของตัวเอง 2. จิตวิทยาการลงทุน และสุดท้ายคือ 3. การใช้ “Money Management” ซึ่งในบทความนี้จะไปเจาะลึกกันในส่วนของ Money Management ในฉบับเทรดเดอร์ Forex ให้ละเอียดกันครับ
Money Management คืออะไรและทำยังไง?
- Money Management แปลตรงตัวก็คือการบริหารจัดการเงิน พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการวางแผนการใช้เงิน ควบคุมรายรับรายจ่าย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองครับ
- ซึ่ง Money Management สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ในกับทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการเทรด Forex ด้วย (เรามักจะคุ้นเคยกับคำว่า MM)
- ในเบื้องต้นการทำ Money Management แบบโดยรวมนั้นมีหลักการคร่าวๆ ดังนี้
- กำหนดเป้าหมายทางการเงินของตัวเอง ว่าต้องการอะไร เช่น หารายได้เสริจากการลงทุน เป็นต้น
- ต่อมาก็แบ่งเงินเป็นส่วนๆ ส่วนไหนใช้ทำอะไรต้องแบ่งให้ชัดเจน
- จากนั้นก็ต้องมีการตรวจและประเมินผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ ทำรายรับ-รายจ่าย ว่าเงินมันเพิ่มขึ้น ลดลงหรือเท่าเดิม

การทำ Money Management กับ forex ให้ประสบความสำเร็จ
อย่างที่บอกไปว่าการทำ Money Management นั้นสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องที่มีเงินมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการเทรด Forex ก็สามารถทำ Money Management ได้เช่นกัน
1. วางแผนการเทรด
- เริ่มต้นด้วยการใช้เงินเย็นในลงทุน (ไม่ใช่เงินเยนญี่ปุ่นนะครับ ฮ่าๆ) คือเงินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน เป็นเงินที่เก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร
- ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “คุณยอมรับการสูญเสียเงินนี้ได้ทั้งหมดไหม?” ถ้าคำตอบคือใช่ แสดงว่าเงินนั้นเอามาลงทุนได้ แต่ถ้าไม่ก็ไม่ควรเอามาลงทุนครับ
- ต่อมาเทรดเดอร์ก็ต้องเริ่มมีแผนการเทรดแบบภาพรวมทั้งหมด เช่น
- จำนวนเงินทุนสำหรับเทรด Forex โดยเฉพาะ
- ระยะเวลาและรูปแบบกลยุทธ์การเทรดจะเป็นแบบสั้นหรือยาว เทรดสไตล์ที่ตัวเองถนัด
- เจาะลึกมาอีกนิดโดยเลือกใช้ Leverage ที่เหมาะสมกับเงินทุนและกลยุทธ์เทรด
- ใช้ขนาด Lot ให้เหมาะกับเงินทุน รวมถึงใช้ Stop Loss และ Take Profit ทุกครั้ง

2.ตั้งเป้ากำไร/ขาดทุนที่ชัดเจน
- ขอเริ่มโดยการตั้ง Stop-Loss (SL) หรือ คำสั่งที่ช่วยปิด Order โดยอัตโนมัติ เมื่อราคาไปในทิศทางตรงข้ามกับที่เราคาดการณ์ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากกว่านี้
- การตั้ง SL ก็ไม่ควรตั้งแบบมั่วๆ อีก มีหลักการในการ set ดังนี้
- ใช้ แนวรับ-แนวต้าน, Trendline, เส้นค่าเฉลี่ยเป็นตัวกำหนดจุดวาง SL เพราะมันมีเหตุผลทางด้านราคามากกว่า
- ส่วนการตั้ง Take Profit (TP) ก็คือคำสั่งปิด Order อัตโนมัติเหมือนกัน แต่เป็นกรณที่ราคาไปในทางที่เราคาดการณ์ไว้ เพื่อป้องกันความโลภ สามารถใช้หลักการเดียวกับ SL ในการตั้ง TP เพื่อโอกาสทำกำไรสูงสุด

3.ควบคุมอารมณ์ มีวินัย
- หนึ่งในหลักการบริหารจัดการเงินก็คือการจัดการอารมณ์ของตัวเทรดเดอร์เอง เพราอารมณ์คือศัตรูอันดับ 1 ในการเทรด มากกว่าราคาที่พุ่งหรือดิ่งลงซะอีก
- การที่เราจะควบคุมอารมณ์ได้นั้นต้องมีหลายปัจจัยเข้ามาช่วย เช่น
- เริ่มต้นจากการใช้เงินเย็นมาลงทุน เห็นไหมครับว่าถ้าเราใช้เงินเย็น เราจะไม่กระวนกระวายเท่ากับใช้เงินที่จำเป็นมาเทรด
- ทำตามแผนการเทรดและมีวินัยในการทำตามแผนเทรดอยู่เสมอ แม้บางครั้งจะขัดกับอารมณ์ก็ตาม
- หาอะไรที่ทำให้จิตใจผ่อนคลายและทำให้เรามีสมาธิจดจ่อกับแผนการเทรดได้อย่างเต็มที่
- เครื่องมือช่วยสำหรับการควบคุมอารมณ์คือการใช้ EA มาเทรดแทนเรา โดยเรา set ค่าต่างๆ ตามที่เราที่กำหนด ช่วยตัดอารมณ์จากการเทรดได้เยอะมาก

4.กระจายความเสี่ยง
- การบริหารจัดการเงินทุนบางครั้งเราก็ต้องมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วย เพื่อไม่ให้ความเสี่ยงเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ที่เราลงทุนเพียงอย่างเดียว โดยเน้นเลือกสินทรัพย์ที่ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องต่ำ
- ยกตัวอย่างเช่น เราเทรดคู่เงิน EURUSD ซึ่งถือว่าเป็นคู่เงินที่ผันผวนมาก เราอาจจะแบ่งเงินทุนอีกครึ่งนึงไปเทรดในสกุลเงินรองเช่น CADJPY ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับคู่แรกเลย
- หรืออาจจะแบ่งไปเทรดพวกสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ ที่ว่ากันว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยก็ได้

ข้อดีของการมี Money Management
การใช้ Money Management นั้นมีข้อดีอยู่แล้ว แต่เราจะจำแนกออกมาให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ดังนี้ครับ
1.ควบคุมความเสี่ยง/เพิ่มโอกาสทำกำไร
- การใช้ Money Management จะช่วยจำกัดการขาดทุนในการเทรดแต่ละครั้ง เนื่องจากการตั้ง SL ในการเทรด และป้องกันเงินทุนหมดจากการเทรดที่ขาดทุนรวมถึงยังสามารถทำให้เทรดเดอร์เทรดได้อย่างอุ่นใจขึ้น
- และการมี Money Management ช่วยให้เทรดอย่างมีแบบแผน มีวินัย ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล สิ่งเหล่านี้จะทำให้เพิ่มโอกาสและความมั่นคงในการทำกำไรในระยะยาว
2.ลดความเครียด
- การมีแผนการเทรดและการบริหารเงินทุนที่ดี ช่วยลดความเครียด ความกังวล ได้เยอะมากๆ เพราะเราจะมีแผนรองรับกับเหตุการณ์ต่างๆ เสมอ
- รวมถึงการมีวินัยต่อแผนการเทรดและการจัดเงินจะทำให้เป็นเทรดเดอร์มืออาชีพได้ไม่ยาก มีการควบคุมอารมณ์ที่มั่นคง ไม่โลภ ไม่กลัว เป็นต้น
3.บรรลุเป้าหมาย
- อย่างที่บอกไปตอนต้นบทความว่า จุดประสงค์ของการทำ Money Mangement ก็เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้ในระยะสั้นหรือยาว

ข้อเสียของการไม่มี Money Management
Money Mangement นั้นไม่มีข้อเสียหรอครับ แต่การไม่ทำ Money Management เนี่ย มีข้อเสียแน่นอนครับ
1.เงินทุนหาย เสี่ยงพอร์ตแตก
- การไม่มี MM ก็เท่ากับเราเทรดแบบไม่มีแผนรองรับ ไม่มี Stop-Loss หรือไม่รักษาวินัย นั่นคือความเสี่ยงแบบ 100% ที่จะทำให้พอร์ตของเราโดนล้างสะอาด
- รวมถึงการทุ่มเงินทั้งหมดลงทุนในครั้งเดียวไม่มีการกระจายความเสี่ยงใดๆ หากขาดทุนขึ้นมาก็เท่ากับว่าเงินหมดทันที
2.เทรดแบบใช้อารมณ์
- เมื่อไม่มีแบบแผนและไม่มีการบริหารเงินทุนที่ดี อารมณ์ก็จะเข้ามามีส่วนร่วมในการเทรด ซึ่ง 2 อารมณ์หลักๆ ที่จะเกิดขึ้นคือ ความโลภและความกลัว
- ความโลภ จะทำให้เรา Overtrade เทรดมากเกินไป หวังรวยเร็ว แต่สุดท้ายกลับขาดทุนหรืออย่างน้อยก็ติดดอยแน่นอน
- ความกลัว จะทำให้ตัดสินใจผิดพลาด เช่น รีบปิด Order ทั้งที่ยังไม่ถึง Take Profit หรือตกรถเพราะกลัวจะขาดทุน
3.ความเครียด ถามหา
- ผลกระทบตามมาเมื่อเราเริ่มใช้อารมณ์มาเทรดมากเกินไปคือ ความเครียด ความวิตกกังวล ส่งผลต่อสุขภาพจิตและอาจจะลามไปถึงสุขภาพร่างกายด้วย
- แน่นอนว่าหากเราไม่มีการบริหารเงินทุนและวางแผนใดๆ เราก็อาจจะกลายเป็นเทรดเดอร์ที่นั่งเฝ้าจอตลอดทั้งวันทั้งคือ อดนอน จนสุดท้ายก็ฝืนต่อไม่ไหวเลิกเทรดไป

วิดีโอเกี่ยวกับ Money Management
การบริหารความเสี่ยงในการเทรดด้วยกฎ 2% เครดิต By Umar Ashraf Focus นาทีที่ 1:30-10:52
มีวิดีโอหนึ่งที่น่าสนใจมากครับ วิดีโอนี้ชื่อ “2% Risk Management Rule For Trading” โดย Umar Ashraf ซึ่งเป็นคลิปสอนเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงในการเทรดด้วยกฎ 2% ทีมงาน forexthai จึงอยากเอามาแชร์ให้ผู้อ่านทุกคนได้เห็นภาพการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจนขึ้น โดยมีเนื้อหาสรุปดังนี้
- นาทีที่ 1:30 อธิบายเกี่ยวกับความจริงของการเทรดที่ต้องเผชิญ
- นาทีที่ 3:45 กฎ 2% คือ เสี่ยงไม่เกิน 2% ของเงินทุนต่อการเทรด
- นาทีที่ 6:10 ตัวอย่างการคำนวณ Position Sizing
สรุป
เห็นหรือยังครับว่าการมี Money Mangement นั้นสำคัญต่อการเทรด Forex มากแค่ไหน ในเมื่อการเทรด Forex ของแต่ละคนย่อมมีเป้าหมายที่ต้องการบรรลุอยู่แล้วใช่ไหมครับ ตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้เทรดเดอร์ได้บรรลุเป้าหมายก็คือเจ้า Money Mangement นี่แหละครับ มันจะเป็นตัววัดระหว่างเทรดเดอร์ที่ยังอยู่รอดในตลาดและเทรดเดอร์ที่ล้มเลิกไป
หวังว่าบทความนี้จะเป็นทั้งความรู้ ข้อคิดและอะไรก็ตามที่ทำให้เทรดเดอร์กลับมามองเห็นความสำคัญของการบริหารเงินทุนนะครับ ขอโชคดีในการเทรด Forex ครับ

ทีมงาน: forexthai.in.th