Forexthai.in.th ย่อให้
- กำหนดการเข้าเทรดจากราคาเปิด: ระบบนี้ให้ความสำคัญกับราคาเปิดของแต่ละแท่งเทียนเป็นหลัก โดยเปรียบเทียบราคาเปิดปัจจุบันกับราคาเปิดของวันก่อนหน้า เพื่อหาสัญญาณซื้อหรือขาย
- ใช้หลักการที่เรียบง่าย: หากราคาเปิดสูงกว่าวันก่อนหน้า แสดงว่ามีแรงซื้อเข้ามาในตลาดมากขึ้น จึงมีแนวโน้มที่ราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางขาขึ้น และหากราคาเปิดต่ำกว่าวันก่อนหน้า แสดงว่ามีแรงขายเข้ามาในตลาดมากขึ้น จึงมีแนวโน้มที่ราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางขาลง
- ใช้ร่วมกับ Indicator ได้: เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ สามารถนำ Indicator ต่าง ๆ เช่น RSI, Stochastic, MACD มาใช้ร่วมกับระบบนี้ได้
- มีข้อจำกัดอยู่บ้าง: ระบบนี้มีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความล่าช้าในการเข้าเทรด, อาจพลาดราคาที่ดีที่สุด, เป็นระบบเทรดที่ปรับตัวไม่ทันราคาตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ระบบเทรด Highest Open / Lowest Open ถือว่าเป็นระบบเทรดที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้นในการเทรด Forex เป็นอย่างมาก เนื่องจากเข้าใจง่ายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบตามความถนัดของแต่ละคน การเรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการเทรดได้ ไปทำความเข้าใจถึงวิธีการเทรดด้วยระบบเทรดนี้กันเลย
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
ข้อมูลเบื้องต้น
ระบบเทรด Highest Open / Lowest Open จะเรียกว่าเป็นคู่มือเบื้องต้นสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่เลยก็ว่าได้ ด้วยความที่วิธีเทรดและการวิเคราะห์ราคา ใช้เพียงราคาเปิดของแต่ละวันเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเข้าซื้อขาย โดยขึ้นอยู่กับว่าจะเปิดสูงกว่าวันก่อน หรือเปิดต่ำกว่าวันก่อนเท่านั้น
Highest Open / Lowest Open คืออะไร?
ระบบเทรด Highest Open / Lowest Open เป็นกลยุทธ์การเทรดที่อาศัยการวิเคราะห์ราคาเปิดของแต่ละวัน (Open) เพื่อคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในวันถัดไป โดยหลักการง่าย ๆ คือ
- Highest Open: หากราคาเปิดของวันปัจจุบันสูงกว่าราคาเปิดของวันก่อนหน้า แสดงว่ามีแรงซื้อเข้ามาในตลาดมากขึ้น จึงมีแนวโน้มที่ราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางขาขึ้น
- Lowest Open: ตรงกันข้าม หากราคาเปิดของวันปัจจุบันต่ำกว่าราคาเปิดของวันก่อนหน้า แสดงว่ามีแรงขายเข้ามาในตลาดมากขึ้น จึงมีแนวโน้มที่ราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางขาลง
หลักการทำงานของระบบ
ขั้นตอนสำหรับวิธีการใช้ระบบเทรด Highest Open / Lowest มีหลักการทำงานที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้
- วิเคราะห์ราคาเปิด: ตรวจสอบราคาเปิดของคู่สกุลเงินที่เราสนใจในแต่ละวัน
- ระบุสัญญาณ: เปรียบเทียบราคาเปิดของวันปัจจุบันกับวันก่อนหน้า เพื่อหาสัญญาณซื้อหรือขาย
- วางแผนการเทรด: กำหนดจุดเข้า, จุดออก, และการบริหารความเสี่ยง
- ปฏิบัติตามแผน: ดำเนินการเทรดตามแผนที่วางไว้
ข้อดีของระบบเทรดตัวนี้
Highest Open / Lowest Open มีข้อดีในการใช้งานคือ
- เข้าใจง่าย: เป็นระบบเทรดที่มีหลักการพื้นฐานง่ายต่อการเรียนรู้และนำไปใช้ได้ทันที
- ใช้ได้กับทุกคู่สกุลเงิน: สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับคู่สกุลเงินใด ๆ ก็ได้
- มีความยืดหยุ่น: สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคลได้ทุกแบบ
คำอธิบายประกอบภาพ
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจง่ายขึ้น เรามาดูตัวอย่างการเข้าเทรด พร้อม “ภาพประกอบ” กันเลยจ้า
มีทั้งหมด 2 timeframe ที่ใช้ในการดู คือ H1 และ M15 (มี Link อ้างอิงอยู่ที่ด้านล่าง)
คำอธิบายภาพประกอบที่ 1
ในแผนภูมิกราฟราคาภาพนี้ มี 4 อย่างที่ต้องสังเกต นั้นก็คือ
- ราคาสูงสุดเมื่อวาน
- ราคาต่ำสุดเมื่อวาน
- ราคาสูงสุดวันนี้
- ราคาเปิดของแท่ง H1 ปัจจุบัน
คำอธิบายภาพประกอบที่ 2
1. ใช้ H1 ในการหาจุดสูงสุด: ในรูปคือ Today Highest H1 Open (ราคาเปิดของแท่งเทียน H1 ที่สูงที่สุดในช่วงเวลาที่เราจะเข้าเทรด)
2. ใช้ H1 ในการหาจุดสูงสุดของวัน: ในรูปคือ Today’s High (ราคาสูงสุดของทั้งวัน)
จุดสังเกต คือ Today’s High ต้องสูงกว่า Today Highest H1 Open เสมอ เราต้องรอให้ราคาย่อลงมาก่อน ถึงจะเริ่มสังเกตเห็น Today Highest H1 Open
3. มองหาโซน: ในรูปคือ Area of Interest เป็นโซนที่เราสนใจ ระหว่างข้อ1และข้อ2 นั่นเอง
4.เปลี่ยนไปดู M15: หลังจากเราล็อกเป้าเข้าโซนที่H1แล้ว อย่ามือไวรีบกดซื้อนะ! ให้ไปดูกรอบเวลา M15 เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อ
คำอธิบายภาพประกอบที่ 3
- เข้าเทรดเลย: ถ้าแท่ง M15 เปิดในโซน แสดงว่ามีแนวโน้มขึ้นต่อ ซื้อได้เลย ลุย!
- จุด Take Profit: ตั้งจุดTP ไว้ที่ Today’s High (ราคาสูงสุดของวัน)
- จุด Stop Loss:
-
- ตั้งจุดSL ไว้ใต้ Today’s Highest H1 Open เล็กน้อย
- หรือตั้งแบบหวัง Risk:Reward Ratio (RRR) 1:1 ก็ได้นะ
ข้อดีของการตั้ง TP และ SL แบบนี้
- ชัดเจน: มีจุดเข้า-ออกที่ชัดเจน ทำให้ตัดสินใจได้ง่าย
- บริหารความเสี่ยงได้ดี: มี Stop Loss เพื่อจำกัดความเสียหาย
- มีโอกาสทำกำไรแบบไม่มโน: เราคาดหวังได้ว่าจะได้กำไรไม้นี้เท่าไหร่
เครื่องมือที่ใช้
ระบบเทรด Highest Open / Lowest Open แม้จะเน้นไปที่การวิเคราะห์ราคาเปิดของแต่ละวัน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเทรดแบบ Price Action อย่างไรก็ตาม การนำ Indicator มาใช้ร่วมด้วยนั้น สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงในการตัดสินใจได้มากยิ่งขึ้น Indicator ที่นิยมนำมาใช้ร่วมกับระบบนี้ ได้แก่
- Moving Average (MA): ช่วยในการระบุแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาว สามารถใช้เป็นแนวรับแนวต้าน หรือเป็นสัญญาณยืนยันการเข้าซื้อขายได้
- Relative Strength Index (RSI): ช่วยในการวัดโมเมนตัมของราคา และระบุสภาวะ Oversold หรือ Overbought เพื่อหาจุดเข้าซื้อขายที่เป็นไปได้
- Stochastic Oscillator: ช่วยในการวัดความเร็วและโมเมนตัมของการเปลี่ยนแปลงราคา สามารถใช้ในการหาจุดกลับตัวของราคาได้
- MACD (Moving Average Convergence Divergence): ช่วยในการระบุแนวโน้มและจุดเปลี่ยนแปลงของราคา โดยเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น
- Bollinger Bands: ช่วยในการวัดความผันผวนของราคา และระบุช่วงราคาที่เป็นไปได้
ควรใช้ Indicator กี่ตัวนั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของกลยุทธ์และความต้องการของผู้เทรด แต่โดยทั่วไปแล้ว ควรใช้ Indicator ไม่เกิน 3-4 ตัว
วิธีการนำ Indicator มาใช้
- ใช้ยืนยันสัญญาณ: Indicator สามารถใช้เพื่อยืนยันสัญญาณที่ได้จากการวิเคราะห์ราคาเปิด เช่น เมื่อราคาเปิดสูงกว่าและ RSI อยู่ในโซน Oversold ก็อาจเป็นสัญญาณซื้อที่ดี
- หาจุดเข้าซื้อขาย: Indicator สามารถช่วยในการหาจุดเข้าซื้อขายที่แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น เมื่อราคาตัดผ่านเส้น MA หรือเมื่อ Stochastic Oscillator เกิดสัญญาณ Cross Over
- บริหารความเสี่ยง: Indicator สามารถช่วยในการตั้ง Stop Loss และ Take Profit ได้อย่างเหมาะสม เช่น ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ Bollinger Bands ล่าง เป็นต้น
เงื่อนไขการเข้าเทรด
ระบบเทรด Highest Open / Lowest Open นั้น มีจุดเด่นที่ความเรียบง่าย แต่เพื่อให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราสามารถกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมเข้าไปได้ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ และลดความเสี่ยงในการขาดทุน ด้วยเงื่อนไขพื้นฐานของระบบ ดังนี้
- Highest Open: เมื่อราคาเปิดของวันปัจจุบันสูงกว่าราคาเปิดของวันก่อนหน้า ให้พิจารณาเปิดสถานะซื้อ
- Lowest Open: เมื่อราคาเปิดของวันปัจจุบันต่ำกว่าราคาเปิดของวันก่อนหน้า ให้พิจารณาเปิดสถานะขาย
เงื่อนไขเพิ่มเติมที่สามารถนำมาใช้ได้
นอกจากเงื่อนไขในการเข้าเทรดที่เป็นพื้นฐานของระบบแล้ว เพื่อความชัวร์ เราสามารถเพิ่มเงื่อนไขของตัวเองได้อีก ตามนี้
การยืนยันสัญญาณด้วย Indicator:
- RSI: เมื่อ RSI อยู่ในโซน Oversold (สำหรับสัญญาณซื้อ) หรือ Overbought (สำหรับสัญญาณขาย) และเกิดสัญญาณ Divergence จะเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
- Stochastic Oscillator: เมื่อ Stochastic Oscillator เกิดสัญญาณ Cross Over จะเป็นสัญญาณยืนยันการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา
- MACD: เมื่อเส้น Signal Line ตัดผ่านเส้น MACD จะเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้ม
การใช้แนวรับแนวต้าน:
- เมื่อราคาเปิดสูงกว่าแนวต้าน หรือต่ำกว่าแนวรับ จะเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
การใช้ช่องว่างราคา (Gap):
- เมื่อเกิดช่องว่างราคาขึ้น อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่สำคัญ
ปริมาณการซื้อขาย:
- พิจารณาปริมาณการซื้อขายร่วมด้วย เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
ข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน:
- ติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อคู่สกุลเงินที่เราเทรดด้วย
ตัวอย่างเงื่อนไขการเข้าเทรด:
สัญญาณซื้อ:
- ราคาเปิดสูงกว่าราคาเปิดของวันก่อนหน้า
- RSI อยู่ในโซน Oversold และเกิดสัญญาณ Divergence
- ราคาปิดเหนือแนวต้านสำคัญ
สัญญาณขาย:
- ราคาเปิดต่ำกว่าราคาเปิดของวันก่อนหน้า
- RSI อยู่ในโซน Overbought และเกิดสัญญาณ Divergence
- ราคาปิดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ
จุดอ่อน
แม้ว่าระบบเทรด Highest Open / Lowest Open จะเป็นระบบที่เรียบง่ายและน่าสนใจ แต่ก็มีข้อจำกัดและจุดอ่อนที่ควรทราบ ดังนี้
- ความล่าช้าในการเข้าเทรด: เพราะต้องรอการเปิดของแท่งเทียน เนื่องจากระบบนี้พิจารณาจากราคาเปิดของแท่งเทียน ทำให้พลาดโอกาสในการเข้าเทรดในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวแรงในช่วงต้นของแท่งเทียน
- อาจพลาดจุดเข้าที่ดีที่สุด: หากราคาเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดแท่งเทียน อาจทำให้พลาดจุดเข้าซื้อขายที่ดีที่สุด
- ไม่สามารถปรับตัวตามราคาได้ทันที: ระบบนี้มีความแข็งในการปรับตัวเข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร หรือขาดทุนได้
สรุป
ระบบเทรด Highest Open / Lowest Open เป็นระบบที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่ก็มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง โดยเน้นการวิเคราะห์ราคาเปิดของแต่ละวันเพื่อคาดการณ์ทิศทางของราคาในวันถัดไป
ข้อดีของระบบเทรดนี้คือเข้าใจง่าย เพราะมีหลักการพื้นฐานที่ง่ายต่อการเรียนรู้และนำไปใช้ อีกทั้งใช้เทรดได้กับทุกคู่สกุลเงิน พร้อมกับมีความยืดหยุ่น โดยสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคลได้
โดยสรุปแล้ว ระบบเทรด Highest Open / Lowest Open เป็นระบบพื้นฐานที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ แต่ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ และบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการขาดทุนด้วย
อ้างอิง
นี่คือหน้าเพจที่ขอยกเอาตัวอย่างการอธิบายวิธีการเทรดพร้อมภาพประกอบ
http://www.forexfactory.com/showthread.php?p=9007658#post9007658
ทีมงาน: forexthai.in.th
