Forexthai.in.th ย่อให้
- ระบบเทรด MA Crossover + Trend Line: เป็นระบบการเทรดตามเทรนด์ที่เหมาะกับทุกคู่เงินในตลาดไทม์เฟรม 1 ชั่วโมง
- หลักการเทรดเบื้องต้น: หาแนวรับแนวต้านจากการใช้เส้นแนวโน้มและใช้อินดิเคเตอร์ WMA และ SMA ช่วยคอนเฟิร์มการเทรดในทิศทางเดียวกับเทรนด์
- เครื่องมือที่ใช้: เส้น SMA, เส้น WMA และ เส้นแนวโน้ม
- ข้อดี: เป็นระบบเทรดที่ใช้งานง่าย, มีผลตอบแทนสูง
- ข้อเสีย: ต้องใช้ความชำนาญในการตีเส้นแนวโน้ม, มีความเสี่ยงสูง
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
หลักการเทรดเบื้องต้น
ระบบเทรด MA Crossover + Trend Line เป็นระบบเทรดในไทม์เฟรม 1 ชั่วโมง โดยใช้การตัดกันของเส้น MA 2 ประเภทคือ WMA และ SMA บวกกับการใช้งานเส้นแนวโน้ม (Trend Line) ในการดูทิศทางของตลาดและเทรดตามเทรนด์ โดยระบบนี้ใช้ได้กับทุกคู่เงินในตลาด Forex
เครื่องมือที่ใช้เทรด
- เส้น WMA 24 (HL/2)
- เส้น SMA 24 (HL/2)
- เส้นแนวโน้ม
WMA 24
WMA หรือเส้น Weigthed Moving Average เป็นเส้น MA ประเภทหนึ่งที่ให้น้ำหนักกับการคำนวณข้อมูลในปัจจุบันมากกว่าข้อมูลในอดีต โดยเป็นการคำนวณจากราคาของแท่งเทียนและเพิ่มน้ำหนักเข้าไปให้กับข้อมูล ทำให้เส้น WMA จะตอบสนองต่อราคาได้ไวมากกว่าเส้น SMA ซึ่งเส้น WMA 24 คือเส้น WMA ที่คิดค่าเฉลี่ยโดยใช้ 24 แท่งเทียน
การใช้งาน WMA
- ใช้ดูแนวโน้มของตลาดโดยให้น้ำหนักที่ราคาปัจจุบัน
- ใช้เป็นแนวรับแนวต้านแบบ Dynamic
SMA 24
SMA หรือเส้น Simple Moving Average เป็นเส้น MA ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายโดยใช้ราคาปิดของแท่งเทียนมาคำนวณเพื่อแสดงเป็นเส้นที่ปรากฏอยู่บนกราฟราคา ซึ่งการคำนวณจากราคาปิดและใช้ข้อมูลในอดีตมาคำนวณทำให้เส้น SMA มีการตอบสนองต่อราคาช้ากว่าเส้น MA ประเภทอื่น ซึ่งเส้น SMA 24 คือเส้น SMA ที่คิดค่าเฉลี่ยโดยใช้ 24 แท่งเทียน
การใช้งาน SMA
- ใช้ดูแนวโน้มของตลาดโดยให้น้ำหนักไปที่ราคาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
- ใช้เป็นแนวรับแนวต้านแบบ Dynamic
Trend Line
เส้น Trend Line หรือเส้นแนวโน้ม คือเส้นที่ตีขึ้นโดยตีจากจุดที่ราคาเกิด Swing High หรือ Swing Low จุดแรกไปยังจุดที่ 2 โดยเส้นแนวโน้มที่มีความแข็งแรงและน่าเชื่อถือราคาจะมีการเกิด Swing Piont บริเวณที่เส้นถูกตีเอาไว้อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไปครับ
วิธีการตีเส้นแนวโน้ม
- หาจุด Swing Piont (Swing Low หรือ Swing High)
- ใช้เครื่องมือตีเส้นตีจาก Swing Point จุดที่ 1 ไปหาจุดที่ 2
- ตียาวออกไปเพื่อใช้คาดการณ์หาจุด Swing Point จุดที่ 3
เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น
1. ตีเส้นแนวโน้มจาก Swing Low (1) ไปที่ Swing Low (2) ดูราคาจะต้องเกิด Higher Low (โครงสร้างตลาดขาขึ้น) ในกราฟ 1 ชม.
2. รอราคากลับมาทดสอบที่เส้นแนวโน้มเพื่อให้เกิดเป็น Swing Low (3)
3. เส้น WMA และ SMA ตัดกันขึ้น
4. เปิดออร์เดอร์ BUY
5. ตั้ง Stop loss 1%
6. ตั้ง Take profit โดยใช้ RR 1:3
เงื่อนไขการเทรดขาลง
1. ตีเส้นแนวโน้มจาก Swing High (1) ไปที่ Swing High (2) ดูราคาจะต้องเกิด Lower High (โครงสร้างตลาดขาลง) ในกราฟ 1 ชม.
2. รอราคากลับมาทดสอบที่เส้นแนวโน้มเพื่อให้เกิดเป็น Swing High (3)
3. เส้น WMA และ SMA ตัดกันลง
4. เปิดออร์เดอร์ SELL
5. ตั้ง Stop loss 1%
6. ตั้ง Take profit โดยใช้ RR 1:3
ข้อดีและข้อเสียของระบบเทรด MA Crossover + Trend Line
ข้อดีของระบบเทรด
- เป็นระบบเทรดที่เหมาะกับมือใหม่สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย
- เป็นระบบเทรดที่มีความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสูง สามารถทำกำไรได้ดี
- เป็นระบบเทรดที่ใช้ในไทม์เฟรม 1 ชั่วโมง ทำให้มีสัญญาณหลอกน้อย ความผันผวนต่ำ
- ช่วยให้นักเทรดมือใหม่ไม่เทรดสวนแนวโน้มของตลาด
ข้อเสียของระบบเทรด
- ระยะ Stop loss กว้างไม่เข้ากับโครงสร้างราคาทำให้มีความเสี่ยงสูง
- การตีเส้นแนวโน้มต้องใช้การฝึกฝนเพื่อให้เกิดความแม่นยำ
- บางออเดอร์ต้องถือข้ามเดือนทำให้เสียค่า Swap มากเกินไป
คำแนะนำการใช้ระบบเทรด
- นักเทรดที่ใช้ระบบเทรดนี้ควรฝึกตีเส้นแนวโน้มให้เกิดความชำนาญและความแม่นยำ
- อาจจะใช้การวิเคราะห์หลายไทม์เฟรมเข้ามาช่วยในการดูภาพรวมตลาด
- การตั้ง Stop loss ควรตั้งให้เหมาะสมกับโครงสร้างราคาตลาดปัจจุบัน
- คำนวณความเสี่ยงในการเทรดให้ดี
- สามารถแบ่งปิดกำไรตามเป้าที่วางเอาไว้ได้เพื่อลดความเสี่ยง
- นำระบบไป Back Test และ Forward Test ก่อนใช้งานจริง
สรุป
ระบบเทรด MA Crossover + Trend Line เป็นระบบเทรดที่ใช้เทรดในไทม์เฟรม 1 ชั่วโมงกับคู่เงินใดก็ได้โดยอาศัยเส้นแนวโน้มและเส้น MA ในการดูทิศทางของตลาดและเทรดตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เป็นระบบเทรดที่มีโอกาสที่จะทำกำไรได้ดี โดยระบบนี้มี RR สูงถึง 1:3 แต่ก็แลกมาด้วยระยะ Stop loss ที่กว้างทำให้มีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน สิ่งที่นักเทรดควรทำเมื่อใช้ระบบนี้ก็คือฝึกตีเส้นแนวโน้มเพื่อให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น คำนวณความเสี่ยงในการเทรดให้ดี และสามารถปรับจุด Stop loss ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ครับ และสุดท้ายก่อนจะนำไปใช้งานจริงอยากให้ลองนำไป Back Test และ Forward Test ในคู่เงินที่ต้องการเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปีครับ
ข้อมูลอ้างอิง
- Defensive Trading the Force Continued จาก Forex Factory
ทีมงาน: forexthai.in.th