Forexthai.in.th ย่อให้

  • หลักการ: ใช้การดีดตัวกลับของราคา (เหมือนหนังสติ๊ก) เพื่อเลี่ยง False Breakout ด้วยการรอให้เกิด Breakout ครั้งที่ 2 เพื่อยืนยันแนวโน้ม
  • เน้น: วิเคราะห์ข้อมูลในกราฟรายวัน โดยดูแท่งเทียนที่แสดงจุดสูงสุดใหม่ (High) หรือจุดต่ำสุดใหม่ (Low) ในรอบ 20 วัน
  • เข้า Buy: หลังจากที่แท่งเทียนแรกสร้าง High ใหม่และแท่งที่ 2 กลับมาทดสอบแนวรับ หากแท่งที่ 3 กลับทะลุ High แรก ก็สามารถตั้ง Buy Stop ได้
  • เข้า Sell: หลังจากที่แท่งเทียนแรกสร้าง Low ใหม่และแท่งที่ 2 กลับมาทดสอบแนวต้าน หากแท่งที่ 3 กลับทะลุ Low แรก ก็สามารถตั้ง Sell Stop ได้

เทคนิค Slingshots

เทรดเดอร์หลายคนส่วนใหญ่ จะเคยเจอ “False Breakout หรือ Breakout หลอก” มาแล้ว มันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ ต้องอาศัยความชำนาญในการวิเคราะห์และเครื่องมือที่ค่อนข้างครบ วันนี้การเทรด “Slingshot” จะเป็นการเทรดเพื่อหลีกเลี่ยงการโดน Breakout หลอก อย่ารอช้ามาดูกันเลยดีกว่าครับ


หลักการของ Slingshots

  • Forex Slingshots เป็นกลยุทธ์การเทรด Forex (สินทรัพย์อื่นๆ ก็ใช้ได้) ที่อาศัยหลักการของการดีดตัวกลับ (Rebound) ของราคาอย่างรวดเร็ว คล้ายกับหลักการของหนังสติ๊ก (Slingshot)
  • โดยเฉพาะเมื่อเกิดการ Breakout ขึ้น มักจะมีช่วงเวลาที่เรียกว่า “การเขย่า” คือราคามันกลับทดสอบแนวที่ Breakout และมือใหม่หลายคนก็มักจะโดน Stop Loss จุดนี้ จากนั้นราคาก็เฉลยว่ามันคือ Breakout จริง
  • วิธีการแก้เกมหลักๆ ก็คือเราจะรอจนเกิดการ Breakout ครั้งที่ 2 เพื่อยืนยันทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา แล้วจึงเข้าเทรดในจังหวะนั้นแทน
หลักการของ Slingshot
หลักการของ Slingshot เป็นการรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อเข้าเทรดคล้ายกับการยิงหนังสติ๊กที่ต้องง้างรอจังหวะเลาที่ถูกต้อง โดยการเทรดหลักๆ จะเน้นรอการ Breakout ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการยืนยันทิศทางของราคาที่ชัดเจน

การเทรด Slingshot บนกราฟจริง

มีตัวอย่างการเทรดจริงมาให้ดูกันครับ โดยจะมีทั้งการเทรดฝั่ง Buy (Long) และการเทรดฝั่ง Sell (Shot) รวมถึงอธิบายแนวทางการเทรดอย่างละเอียดครับ

เทรดฝั่ง Buy

การเทรด Slingshot ฝั่ง Buy
การเทรดฝั่ง Buy สังเกตได้จาก 3 แท่งเทียน โดยแท่งเทียนแรกต้อง Breakout ทำให้จุดสูงสุดในรอบ 20 วัน (20 แท่งเทียน) จากนั้นแท่งเทียนที่ 2 ต้องปิดต่ำกว่าจุดสูงสุดแท่ง 1 และแท่งเทียนที่ 3 ต้องทะลุ High ของแท่งที่ 1 จึงจะเข้าเทรดฝั่ง Buy ได้
  • การเทรด Slingshot ในบทความนี้เราจะเน้นการใช้กราฟ Day ครับ ดังนั้นจึงไม่แนะนำการเทรดแบบระยะสั้น เพราะหลักการใช้แค่การดูแท่งเทียน 2-3 ตัวเท่านั้น หากเทรด Timeframe เล็กจะเร็วเกินและผิดพลาดได้สูง
  • จากรูปสังเกตแท่งเลข 1 (เราจะนับเป็นวันที่ 1) ราคาสร้างจุดสูงสุด (High) ใหม่ในรอบ 20 วัน เปรียบเทียบด้วยตาเปล่าคือแท่งเทียนปิดสูงกว่าแท่งก่อนหน้า 19 แท่ง โดยประมาณ
  • ต่อมาสังเกตแท่งเทียนที่ 2 (วันที่ 2) ราคาจะกลับมาปิดต่ำกว่าจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ 1 เป็นการทดสอบแนวรับหรือแนวต้านใหม่ ซึ่งจุดนี้ที่พูดถึงก่อนหน้ามักเป็นจุดที่มือใหม่จะโดน SL หรือปิดออเดอร์เพราะถอดใจ คิดว่าโดน Breakout หลอก
  • จุดสำคัญที่จะตัดสินคือแท่งที่ 3 (วันที่ 3) หากราคากลับทะลุจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ 1 ได้ก็คือราคายืนยันทิศทางในการขึ้นต่อ เราสามารถตั้ง Pending OrderBuy Stop ณ จุดสูงสุดเหนือแท่ง 1 เล็กน้อยได้
  • ส่วนการวาง Stop Loss สามารถพิจารณาวางได้ตามแผนการเทรดที่ถนัด เช่น เอาตามหลัก RRR 1:2 หรือใช้ Trailing Stop ติดตามราคาขึ้นไปก็ได้

เทรดฝั่ง Sell

การเทรด Slingshot ฝั่ง Sell
ส่วนการเทรดฝั่ง Sell ให้สังเกตแท่งเทียน 1 ต้อง Breakout ลงมาทำราคาต่ำสุดในรอบ 20 วัน (20 แท่ง) จากนั้นแท่งที่ 2 กลับขึ้นไปปิดเหนือจุดต่ำสุดแท่ง 1 และแท่ง 3 ต้องทะลุราคาต่ำสุดของแท่ง 1 เป็น Breakout ที่ 2 ที่ใช้ยืนยัน
  • ส่วนการเทรดฝั่ง Sell ใช้หลักการสังเกตเหมือนกับฝั่ง Buy เลยครับ เพียงแค่สลับกราฟเป็นขาลงแค่นั้นเอง โดยใช้กราฟ Day เหมือนกัน
  • สังเกตแท่งเทียนที่ 1 (วันที่ 1) แท่งเทียนสร้างราคาต่ำสุด (Low) ในรอบ 20 วันเป็นสัญญาณที่แสดงถึงแนวโน้มการลงของราคา แต่ต้องรอดูสัญญาณอื่น
  • ต่อมาแท่งเทียนที่ 2 (วันที่ 2) แท่งเทียนกลับตัวขึ้นไปปิดสูงกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 1 เพื่อกลับไปทดสอบแนวต้านใหม่ ที่ถูก Breakout มา
  • ต่อมาแท่ง 3 นี้จะเป็นจุดเข้าออเดอร์ได้ก็ต่อเมื่อ ราคาพุ่งลงมาทะลุ Low เดิมของแท่งเทียนที่ 1 จุดที่ทะลุ Low ของแท่ง 1 นี่แหละเราจะวาง Pending Order – Sell Stop เอาไว้
  • ส่วนการตั้ง Stop Loss ก็ใช้ตามแผนเทรดที่ถนัดเลยครับจะตั้งแบบ 1:2 หรือเซ็ต Trailing Stop ตามไปด้วย

ตัวช่วยแยกแยะ Breakout จริง-หลอก

จริงอยู่ว่าการเทรดนี้เราใช้ Pending Order ไว้หากราคาไม่ไปตามที่คาดก็ยกเลิกออเดอร์ได้แล้วค่อยหาจังหวะเข้าใหม่ แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลา เราสามารถดูองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อคาดเดาได้ว่า Breakout นี้จริงหรือหลอก

สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume)

  • Breakout จริง: ถ้าเกิด Breakout จริง เราจะสังเกตเห็นว่า Volume มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ในช่วงเวลาที่ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน Volume พุ่งขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ามีแรงซื้อส่งเข้ามาอย่างจริงจัง
  • Breakout หลอก: ถ้า Volume ช่วงที่ราคาทะลุแนวรับแนวต้านยังคงต่ำหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นแสดงว่าตลาดอาจไม่มีแรงสนับสนุนและอาจเป็น Breakout หลอกได้
ปริมานการเทรด (Volume)
หนึ่งในตัวช่วยในการคาดการณ์ Breakout ว่าเป็นของจริงหรือหลอก คือ ปริมานการเทรด(Volume) ซึ่งถ้าหากเป็นการ Breakout จริง ส่วนมากแล้ว Volume เทรด จะสูงมาก

ดู Price Action

  • Breakout จริง: แท่งเทียนจะมีลักษณะออกมาเป็นแท่งเต็มที่ทะลุแนวต้านหรือแนวรับอย่างชัดเจน พร้อมด้วยแท่งเทียนยืนยันในช่วงเวลาถัดไป
  • Breakout หลอก: หากเป็นฺ Breakout หลอก ราคาทะลุออกไปมักจะมีไส้เทียนยาว (Long Wick) หรือปิดราคากลับมาต่ำกว่าแนวต้าน/แนวรับเดิม เป็นสัญญาณของ Breakout หลอก
การดู Price Action
การสังเกตดู Price Action เป็นเทคนิคเบื้องต้นที่สามารถคาดเดาได้ว่า Breakout นั้นเป็นของจริงหรือหลอก ถ้าจริง แท่งเทียนจะใหญ่ ยาวและแข็งแรง แต่ถ้าหลอกแท่งเทียนมักจะแสดงสัญญาณของการกลับตัวเช่น การทิ้งไส้ยาว

ใช้อินดี้ตัวอื่นมาช่วย

  • นอกจากการดู Volume และ Price Action แล้ว Indicators ทางเทคนิคอย่าง RSI และ MACD ก็มีบทบาทในการช่วยแยกแยะความน่าเชื่อถือของ Breakout ได้
  • Breakout จริง: ในแนวโน้มขาขึ้น RSI จะแสดงค่าสูงกว่า 55 หรือขาลง RSI จะแสดงค่าต่ำกว่า 45 ถือว่าแข็งแรง ส่วน MACD หากตัดเส้น Signal ตามเทรนที่ Breakout ถือว่าการ Breakout น่าเชื่อถือสูง
  • Breakout หลอก: สำหรับ RSI ให้ระวัง Overbought (RSI สูงกว่า 70) และ Oversold (RSI ต่ำกว่า 30) อาจมีสัญญาณของการกลับตัวราคา ส่วน MACD หากไม่มีการตัดเส้น Signal หรือไม่สอดคล้อง ก็เป็นสัญญาณที่ต้องระวัง
การใช้อินดิเคเตอร์มาช่วย
จากรูปตัวอย่างจะเห็นว่า แท่งเทียนในกรอบสีฟ้าเกิดการ Breakout และ RSI มีค่ามากกว่า 55 จึงมีโอกาสเป็น Breakout จริงและผลลัพธ์ก็เป็นจริง ราคาพุ่งขึ้นไปอีกแต่ RSI ก็แสดงสัญญาณ Overbought หรือ ค่าใกล้เคียงหรือมากกว่า 70 ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสกลับตัวของราคา

ข้อดีและข้อจำกัดสำหรับการเทรดแบบ Slingshot

ในทุกๆ การเทรดย่อมมีข้อดีหรือจุดเด่นของมันรวมไปถึงข้อจำกัดที่แทรดเดอร์ทุกคนควรรู้เอาไว้ เพื่อชั่งน้ำหนักว่าเหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ครับ

ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการเทรด Slingshots

ข้อดี ข้อจำกัด
  • เข้าออเดอร์ในจุดที่ได้เปรียบหลัง Breakout
  • เสี่ยงเจอ False Breakout ถ้าเข้าเร็วเกินไป
  • ลดโอกาสติดดอย
  • หากตามเทคนิคนี้ต้องใช้ระยะเวลารอค่อนข้างนาน
  • กรองสัญญาณหลอก (False Breakout) ได้ดี
  • ไม่มีเกณฑ์วาง Stop Loss ททที่ชัดเจน ต้องวางแผนเอง
  • ประยุกต์ใช้ได้ในทุกตลาด เช่น Forex, หุ้น, Crypto ETC.
  • อาจจะต้องใช้ตัวช่วยอินดิเคเตอร์อื่น เพื่อดู Breakout
  • เทรดตามแนวโน้มหลัก โอกาสชนะสูง
  • ใช้ความอดทนสูงและอาจยากสำหรับมือใหม่

ข้อดีของการเทรด Slingshot หลักๆ คือเน้นเทรดตามเทรนด์ดังนั้นจึงรู้ว่าควรเทรดหน้าไหนอีกทั้งยังกรอง False Breakout ได้ค่อนข้างสูง แต่ก็มีข้อจำกัดคือเทคนิคนี้ค่อนข้างเหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ เพราะอาจจะต้องใช้อินดิเคเตอร์มาช่วยกรองและมีระบบเทรดชัดเจนในเรื่องการวาง SL

คำแนะนำและข้อควรระวัง

  • ฝึกฝนการใช้กลยุทธ์ Slingshots ในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนที่จะใช้เงินจริงจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก
  • แนะนำสำหรับมือใหม่ ควรมีการตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และการจัดการเงินทุนอย่างเหมาะสมและชัดเจน เผื่อไว้สำหรับเทคนิคอื่นๆ ที่ไม่ได้กำหนดจุด SL มาให้
  • ต้องไม่ลืมติดตามข่าวสารและข้อมูลที่มีผลกระทบต่อตลาดในช่วงที่มีการเทรด จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับกลยุทธ์การเทรดได้ตามทันสถานการณ์

วิดีโอเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยง False Breakout

เทคนิคหลีกเลี่ยงไม่ให้โดน False Breakout  เครดิต By TradingLab Focus นาทีที่ 0:56-07:09

ในบทความของเราเน้นการตระหนักถึง False Breakout หรือ การ Breakout หลอก ที่มักจะคอยกัดกินเงินทุนของเทรดเดอร์ ทีมงานเลยอยากจะแชร์คลิปวิดีโอตัวหนึ่งที่เน้นการหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้โดน False Breakout ซึ่งเจ้าของช่องอ้างว่านี่เป็นเทคนิคลับเฉพาะส่วนตัวเขาเอง จะน่าสนใจแค่ไหนลองไปรับชมกันครับ

  • Focus นาทีที่ 00:56 อธิบายว่า Breakout คืออะไร
  • Focus นาทีที่ 01:25 รูปแบบของ Breakout
  • Focus นาทีที่ 02:25 วิธีหลีกเลี่ยง False Breakout
  • Focus นาทีที่ 04:52 กลยุทธ์การเข้าเทรดรวมถึงการทำกำไร

สรุป

อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าเทรดเดอร์หลายคนน่ามองเห็นภาพรวมของการเทรดแบบ Slingshot กันบ้างแล้วนะครับ เทรดเดอร์บางคนอาจจะเหมาะกับการใช้เทคนิคแบบนี้แต่กับบางคนอาจจะไม่เหมาะก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปซีเรียสหากเรารู้สึกว่าเทคนิคนี้เราไม่ถนัดหรือมันขัดความสบายของเราครับ เพราะยังมีเทคนิคการเทรดที่น่าสนใจอีกเยอะมาก สามารถตามหาอ่านได้ที่ คลังระบบเทรดเลยครับ

ส่วนใครที่คิดว่าเทคดนิคการเทรดแบบนี้มันมีประโยชน์ ช่วยไมให้ตกหลุมพรางของ False Breakout ได้จริง จะเอาบทความไปแชร์ต่อหรือน้เทคนิคไปต่อยอดก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments

สารบัญบทความ