Forexthai.in.th ย่อให้
- Overlay Indicator เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้หลักการ Correlation โดยการซ้อนทับกราฟคู่เงินเพื่อดูความสัมพันธ์ในการเคลื่อนไหว
- หลักการทำงานคือการนำคู่เงินที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น EURUSD และ GBPUSD มาแสดงบนกราฟเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบการเคลื่อนไหว
- จังหวะเข้าเทรดที่ดีคือช่วงที่ราคาคู่เงินแยกห่างกันมากผิดปกติ โดยเข้า Buy เมื่อราคาต่ำกว่าปกติ และ Sell เมื่อราคาสูงกว่าปกติ
- การจัดการความเสี่ยงแนะนำให้ใช้การตั้ง Take Profit ที่ 3% และ Stop Loss ที่ 2% ของเงินลงทุน เพื่อควบคุมการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
Overlay Indicator คือ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้หลักการ Correlation หรือความสัมพันธ์ระหว่างคู่เงิน โดยการซ้อนทับกราฟของคู่เงินต่างๆ เพื่อดูความสัมพันธ์ในการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก
ที่มาของอินดิเคเตอร์ Overlay นั้นยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าใครเป็นผู้คิดค้น แต่เราได้รู้จักมันผ่านนักพัฒนาชื่อ Sameer ที่ได้แบ่งปัน Indicator นี้บนเว็บไซต์ MQL5 ให้นักเทรดได้ใช้งานฟรี
หลักการทำงานของ Overlay Indicator
หัวใจสำคัญของ Overlay Indicator คือ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของคู่เงิน 2 คู่ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น EURUSD และ GBPUSD ที่มี USD เป็นสกุลเงินฐาน การเคลื่อนไหวของทั้งสองคู่เงินมักจะมีความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่ง
โดยหลักการของอินดิเคเตอร์ Overlay ก็คือ การนำค่าเงินอีกค่าเงินหนึ่งมาแสดงในกราฟค่าเงินอีกค่าหนึ่ง เพื่อเปรียบเทียบกันว่า ค่าเงินใดเคลื่อนไหวเยอะ และค่าเงินใดเคลื่อนไหวน้อย โดยเปรียบเทียบผ่านหน้าจอของอินดิเคเตอร์ Overlay
แหล่งดาวน์โหลด : https://www.mql5.com/en/code/7933
รูปแบบความสัมพันธ์ของคู่เงิน
- Positive Correlation (ความสัมพันธ์เชิงบวก)
- คู่เงินเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
- ตัวอย่างเช่น เมื่อ EURUSD ขึ้น GBPUSD ก็มักจะขึ้นตาม
- Negative Correlation (ความสัมพันธ์เชิงลบ)
- คู่เงินเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกัน
- เช่น EURUSD กับ USDCHF มักเคลื่อนไหวสวนทางกัน
- No Correlation (ไม่มีความสัมพันธ์)
- คู่เงินเคลื่อนไหวแบบไม่มีรูปแบบที่สัมพันธ์กัน
- การเคลื่อนไหวเป็นแบบสุ่ม ไม่สามารถคาดเดาได้
วิธีการใช้งาน
สำหรับตัวอย่างการใช้งาน เราจะใช้คู่เงิน EURUSD และ GBPUSD เนื่องจากเป็นคู่เงินที่มีความสัมพันธ์กันสูง (Correlation Coefficient = 77) ทำให้ง่ายต่อการสังเกตจังหวะเข้าเทรด โดยมีหน้าตากราฟดังต่อไปนี้

การอ่านสัญญาณบนกราฟ
ในภาพจะเห็นว่า มีมูลค่าเงินสองค่า ที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกันและแตกต่างกันเป็นบางช่วง
- กราฟแท่งเทียนสีเขียว คือ EURUSD
- กราฟสีส้มเขียว คือ GBPUSD
สังเกตช่วงที่กราฟทั้งสองแยกห่างกันมากผิดปกติ ซึ่งเราสามารถอาศัยจังหวะความต่างนี้ในการเข้าออเดอร์ได้ โดยมีเงื่อนไขการเข้า Buy และ Sell ดังต่อไปนี้
- จังหวะ Buy: เมื่อคู่เงินที่เราสนใจอยู่ต่ำกว่าอีกคู่เงินมากผิดปกติ (สังเกตจุดวงกลมสีเหลือง)
- จังหวะ Sell: เมื่อคู่เงินที่เราสนใจอยู่สูงกว่าอีกคู่เงินมากผิดปกติ (สังเกตจุดวงกลมสีฟ้า)

เช่นในภาพตัวอย่างด้านบน ช่วงที่ค่าเงินGBPUSD อยู่ต่ำกว่า EURUSD มาก ให้ทำการเข้า Buy GBPUSD และเข้าออเดอร์ Sell EURUSD
การจัดการออเดอร์
เนื่องจากการเทรดด้วยอินดิเคเตอร์ Overlay ไม่สามารถใช้จุดบนกราฟในการกำหนด Stop Loss และ Take Profit ได้ เราจึงต้องใช้เปอร์เซ็นต์กำไรขาดทุนแทน ผมจะยกตัวอย่างดังนี้ครับ
- Take Profit: ตั้งเป้าที่ 3% ของเงินลงทุน
- เมื่อถึงเป้าหมาย ให้ปิดทั้งสองออเดอร์พร้อมกัน
- รอสัญญาณใหม่ก่อนเข้าเทรดครั้งต่อไป
- Stop Loss: จำกัดการขาดทุนที่ 2% ของเงินลงทุน
- หากขาดทุนถึงจุดนี้ ให้ปิดออเดอร์หมด เพื่อป้องกันการขาดทุนจำนวนมาก
อย่างที่เคยบอกอยู่เสมอว่า ไม่มีระบบไหนที่สมบูรณ์แบบในการเทรด การเทรดทุกระบบล้วนมีความเสี่ยง การตั้ง Stop Loss จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เพราะช่วยให้เราไม่ต้องเผชิญกับภาวะทางอารมณ์ในการตัดสินใจ หลายคนมักคิดว่า “ไม่เป็นไร ขาดทุนนิดหน่อย” แต่เมื่อขาดทุนสะสมมากขึ้น มักจะไม่กล้า Cut Loss ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนที่รุนแรงได้

Review Broker Forex
วิเคราะห์ วิจารย์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อมูลจากการเทรดด้วยบัญชีจริง โดยทีมงานหลายคน ...
สรุป
การเทรดโดยใช้ Overlay indicator เป็นการใช้เครื่องมือแบบวัดค่าความสัมพันธ์ของค่าเงิน โดยที่สามารถเลือกค่าเงินที่จะนำมาใส่ได้ และดูความสัมพันธ์ของมัน ถ้าหากมันไม่สัมพันธ์กันมาก ก็ให้ใช้ความได้เปรียบนั้นในการเทรด
อย่างไรก็ตาม การเทรดต้องมีการตั้ง Stop loss เพื่อป้องกันความผิดพลาดเสมอ ซึ่งกรณีนี้ไม่สามารถตั้ง Stop loss ในกราฟได้ เพราะการเคลื่อนไหวเป็นการเคลื่อนที่ของราคา 2 ค่าเงิน เราจึงควรใช้จำนวนเงินเป็นตัวตั้ง Stop loss เป็นหลัก… ปัจจุบันเราก็พอจะเห็นนักพัฒนา EA Forex เข้ามานำหลักการ Correlation มาทำเป็น EA กันอยู่บ้าง แต่น้อยคนที่จะทำออกมาได้ดี เนื่องจากมันมีหลาย ๆ ปัจจัยที่ไม่สามารถทำนายผลได้แม่นยำ 100% ครับ
อ้างอิง
ทีมงาน: forexthai.in.th