Forexthai.in.th ย่อให้
- Parabolic SAR คือ indicator ที่แสดงผลเป็นจุดคล้ายไข่ปลา ใช้บ่งบอกทิศทางและความแข็งแรงของเทรนด์ ผ่านตำแหน่งจุดที่อยู่เหนือหรือใต้ราคา
- เมื่อจุดอยู่ใต้แท่งเทียน แสดงถึงเทรนด์ขาขึ้น เหมาะกับการเปิด Buy ส่วนเมื่อจุดอยู่เหนือแท่งเทียน บ่งบอกถึงเทรนด์ขาลง เหมาะกับการเปิด Sell
- ระยะห่างและความชันของจุด SAR บอกความแข็งแรงของเทรนด์ ยิ่งห่างและชันมาก แสดงว่าเทรนด์แข็งแรง ยิ่งชิดและแบนแสดงว่าเทรนด์อ่อนแรง
- การใช้งานควบคู่กับ Price Action และ Multiple Timeframe จะช่วยลด False Signal และเพิ่มความแม่นยำในการเทรด
- เมื่อ SAR เปลี่ยนทิศทาง มักเกิดแรงเทรดต่อเนื่องจาก Trapped Traders ที่ต้องปิดสถานะ ทำให้ราคาวิ่งต่อในทิศทางใหม่ได้แรงขึ้น
Parabolic SAR เป็นอินดิเคเตอร์ที่แสดงผลเป็นจุดคล้ายไข่ปลา วางตัวอยู่เหนือหรือใต้ราคา เพื่อบอกทิศทางและความแข็งแกร่งของเทรนด์ในขณะนั้น ช่วยให้เราสามารถจับจังหวะตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นการหาจุดเข้าเทรด จุดออก
Parabolic SAR คืออะไร? ทำไมถึงต้องรู้จัก?
SAR ย่อมาจาก Stop And Reversal ครับ เมื่อแปลตามตัว นั่นคือ “หยุดและกลับตัว” Parabolic SAR คือ indicator ตัวนึงที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเลยทีเดียว… สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากมันเป็น indicator ให้ข้อมูลเรื่องของเทรนด์ครับ เช่น ตอนนี้เป็นเทรนด์ขาขึ้น หรือ ขาลง และเป็นเทรนด์ที่ยังคงแข็งแรงดี หรือ เริ่มอ่อนตัวแล้ว เป็นต้น
ความพิเศษของ Parabolic SAR คือการทำงานที่เรียบง่าย และนอกจากนี้ เราสามารถเอาข้อมูลพวกนี้ไปใช้ร่วมกับ price action ได้เลย หรือ จะนำไปใช้ควบคู่กับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพื่อยืนยันการเข้าเทรด หรือ เป็นตัวกำหนด take profit และ stop loss ก็ย่อมได้ครับ
- เมื่อเทรนด์เริ่มอ่อนแรง เราสามารถใช้โอกาสนี้เทรด reversal เพื่อทำกำไรจากการกลับตัวของราคา
- ในกรณีที่ราคาเพิ่งเริ่มสร้างเทรนด์ใหม่ indicator จะช่วยให้เราหาจังหวะเทรดตามเทรนด์นั้นได้อย่างแม่นยำ
- หลังจากราคาวิ่งไปได้สักระยะ indicator จะช่วยบอกจุดที่เหมาะสมในการ:
- ปิดกำไร (take profit)
- เตรียมตัวหาโอกาสเทรดในเทรนด์ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ค่า Default ของ Parabolic SAR
เวลาเราเพิ่ง setup Parabolic SAR เข้าไปในชาร์ต มันจะมาพร้อมกับค่าเริ่มต้น (default) ที่สำคัญสองตัวคือ Stop และ Maximum ส่วนเรื่อง Style นั้นเป็นแค่การปรับแต่งการแสดงผลเท่านั้นครับ
การแสดงผลบนชาร์ต
- จะเห็นเป็นจุดคล้ายๆ ไข่ปลาวิ่งอยู่เหนือและใต้แท่งราคา
- แต่ละจุดจะมีระยะห่างไม่เท่ากัน
- เวลาต่อจุดกัน จะเห็นความชัน (slope) ที่บอกความแรงของเทรนด์ได้
วิธีอ่านค่าแบบเข้าใจง่ายๆ
เวลาดูกราฟ ให้สังเกตตำแหน่งของจุดเทียบกับแท่งเทียน ยกตัวอย่างเช่น
- เทรนด์ขาขึ้น: จุดไข่ปลาจะอยู่ใต้แท่งเทียน ราคาอยู่เหนือจุด SAR
- เทรนด์ขาลง: จุดไข่ปลาจะอยู่เหนือแท่งเทียน เหมาะกับการเปิด Sell หรือ Short ใช้เป็นแนวต้านของราคาได้
คลังคำศัพท์ เกี่ยวกับ Forex และการลงทุน ที่ควรรู้ เรียงตามลำดับอักษร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เราตั้งใจทำให้ง่ายต่อการค้นหา...
รีวิวโบรกเกอร์ Forex จากการทดสอบระบบในแง่มุมต่างๆด้วยบัญชีจริง เทรดจริง เราตั้งใจทำเพื่อเคียงข้างเทรดเดอร์อย่างแท้จริง...
เราจะออกจากการเทรดก็ต่อเมื่อ จุด SAR เปลี่ยนตำแหน่งจากล่างขึ้นบน (หรือบนลงล่าง) เป็นเหตุผลที่อินดิเคเตอร์ช่วยในการหาว่าจะออกที่ไหนได้ง่าย และทางกลับกันก็กลายเป็นหาจุดเข้าเมื่อเทรนด์เปลี่ยนได้ง่ายด้วย ข้อดีคือใช้ข้อมูลเดียวกันบอกได้ทั้งสถานะตลาดปัจจุบันและจุดเข้า-ออก
วิธีใช้ Parabolic SAR หาสัญญาณเข้า-ออกเทรดให้แม่นยำ
ถึงแม้ว่าเราจะเข้าใจการทำงานของ Parabolic SAR ดีแล้ว มุมมองจากอินดิเคเตอร์อย่างเดียวก็เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากอะไรนัก แต่อยากแนะนำให้ใช้ technical analysis อื่นไปประกอบด้วยมากกว่า โดยเฉพาะ price action หรือเรื่อง order flow เพื่อป้องกันการเกิด False signal หรือ สัญญาณหลอกครับ
บางเทคนิคก็สามารถใช้อินดิเคเตอร์อื่น ๆ ประกอบไปได้ด้วย เช่น RSI, และ CCI เป็นต้น หรือ บางทีอาจมีการรอให้เกิด จุดไข่ปลาขึ้น 2-3 จุดก่อนเพื่อเป็นการยืนยัน หรือ เพื่อป้องกันเรื่องพวก false signal ครับ
การทำแบบนี้ก็จะทำให้เรามั่นใจขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เวลาเห็นสัญญาณ Buy:
- ถ้าราคาทะลุแนวต้านสำคัญ หรือปิดเหนือจุด SAR
- คนที่ถือ Sell อยู่ จะกลายเป็น “Trapped Traders” ทันที ต้องรีบปิดสถานะ (Liquidation) เพื่อจำกัดการขาดทุน
- แรงซื้อจากการปิดออเดอร์ Sell พวกนี้จะผลักดันให้ราคาวิ่งขึ้นต่อ ทำให้โอกาสทำกำไรของอินดิเคเตอร์สูงขึ้น
การทำแบบนี้ก็จะทำให้เรามั่นใจขึ้นเพราะเทรดเดอร์ที่ถือ positions ถือว่ากลายมาเป็น trapped traders ที่จำต้องออกจากตลาด หรือ liquidation เพื่อจำกัดความเสี่ยงก็เลยจะทำให้การเปิดเทรดที่สัญญาณจาก อินดิเคเตอร์มีความเป็นไปได้สูงขึ้นมาทันที
Review Broker Forex
วิเคราะห์ วิจารย์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อมูลจากการเทรดด้วยบัญชีจริง โดยทีมงานหลายคน ...
Parabolic SAR วัดความแข็งแรงของเทรนด์
Parabolic SAR มีจุดเด่นตรงที่ทำงานได้ดีมากเวลาตลาดอยู่ในเทรนด์ชัดเจน ยิ่งเราเทรดถูกทาง โอกาสทำกำไรก็ยิ่งเร็ว แต่ก็ต้องระวังนะครับ เพราะถ้าเทรดผิดทิศทางก็จะติดลบเร็วเหมือนกัน
สังเกตความแรงของเทรนด์จาก Momentum
ลองดูช่วง Momentum Move ดูครับ ตรงที่ขาใหญ่เข้ามาเทรด จะเห็น swing highs/lows ชัดเจน นี่แหละครับคือการพัฒนาของเทรนด์ เราสามารถดูความแรงได้จาก:
- ระยะห่างระหว่างราคากับจุด SAR
- ระยะห่างระหว่างจุด SAR แต่ละจุด
- ความชันของเส้นที่ลากผ่านจุด SAR
เช่น จุด SAR ห่างจากแท่งเทียนมาก แต่ละจุดห่างกันมาก และมีความชันมาก ก็บอกถึงความแรงหรือแข็งของเทรนด์ตอนนั้น ๆ แต่ถ้าห่างจากราคาน้อย จุดใกล้ ๆ กัน และความชันน้อย ก็บอกเรื่องเทรนด์มีการชะลอตัวหรือเทรนด์อ่อนแรง
ตัวอย่างจากกราฟ สังเกตจุดที่ 1, 2 และ 3 ให้ดีครับ เทียบกับแท่งเทียนหรือ price action
- แท่งเทียนวิ่งอยู่ในโซนเดียวกัน ระยะ high/low ไม่ห่างกันมาก
- สาเหตุเพราะมี market orders เข้ามาน้อย
- แสดงว่าเทรนด์กำลังอ่อนแรงลง
เห็นไหมครับว่า Parabolic SAR เป็นเครื่องมือที่ดีมากในการวัดความแข็งแรงของเทรนด์ แค่สังเกตลักษณะและตำแหน่งของจุด SAR ก็บอกได้แล้วว่าเทรนด์ตอนนั้นแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน
Parabolic SAR กับการทำงานของออเดอร์ในตลาด
การเข้าใจว่าออเดอร์ในตลาดเคลื่อนไหวยังไงเป็นเรื่องสำคัญมากครับ เพราะมันจะช่วยให้เราใช้ Parabolic SAR ได้แม่นยำขึ้น เนื่องจากเทรนด์นั้นเกิดจากการต่อสู้กันระหว่างออเดอร์ซื้อและขาย
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ Parabolic SAR เปลี่ยนทาง
เวลาเราเห็น Parabolic SAR เปลี่ยนตำแหน่ง มันไม่ได้บอกแค่เรื่องเทรนด์อย่างเดียว แต่บอกถึงการเคลื่อนไหวของออเดอร์ด้วย:
- แรงซื้อ-ขายมาจากหลายแหล่ง
- เทรดเดอร์ที่เพิ่งเข้าใหม่
- คนที่ถือสถานะอยู่แล้วต้องรีบออก โดยเฉพาะพวกที่ติดลบเมื่อเห็น SAR ยืนยันทิศทางตรงข้าม
- เมื่อราคาทะลุจุดสำคัญ
- เทรดเดอร์ที่รอดูท่าทีจะเริ่มเข้ามาเทรด
- คนที่ถือสถานะผิดทางจะรีบออก ทำให้เกิดแรงเทรดต่อเนื่องในทิศทางเดียวกัน
ยกตัวอย่างจากกราฟที่จุด 1 และ 2:
- พอราคาปิดเหนือ Parabolic SAR คนที่ถือ Short positions เริ่มติดลบ ต้องรีบออกเพื่อจำกัดความเสี่ยง
- ยิ่งเพิ่มแรงซื้อให้ตลาดมากขึ้น ดึงดูดเทรดเดอร์รายใหม่ให้เข้ามาซื้อตาม
การเข้าใจเรื่องพวกนี้จะช่วยให้เราเทรดได้แม่นยำขึ้น เพราะเราจะเห็นภาพรวมว่าทำไมราคาถึงเคลื่อนไหวแบบนั้น ไม่ใช่แค่ดูสัญญาณจาก indicator อย่างเดียว นี่คือเหตุผลว่าทำไมสัญญาณจาก Parabolic SAR ถึงน่าเชื่อถือเมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของออเดอร์ในตลาด
เทคนิคการใช้ Parabolic SAR ร่วมกับ Indicator อื่นและ Multiple Timeframe
นอกจากการดู Price Action และทำความเข้าใจการทำงานของออเดอร์แล้ว ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นในการใช้ Parabolic SAR ให้แม่นยำขึ้น นั่นคือการใช้ร่วมกับ indicator ตัวอื่นและการดูหลาย timeframe ประกอบกัน
การใช้ Multiple Timeframe ให้เป็นประโยชน์
เวลาเราหา trade setup จาก timeframe ใหญ่อย่าง H1 เราสามารถใช้ timeframe เล็กลงมาอย่าง M15 เพื่อหาจุดเข้าที่แม่นยำขึ้นได้ วิธีนี้จะช่วยให้เราเห็นว่าสัญญาณที่เกิดขึ้นในแต่ละ timeframe นั้นสอดคล้องกันหรือไม่
ตัวอย่างเช่น:
- ถ้า H1 บอกว่าเป็นเทรนด์ขาขึ้น ให้ลงมาดู M15 เพื่อหาจุดรีบาวด์ที่ดี
- อาจจะดู swing high/low ประกอบ และยืนยันด้วย Divergence เพิ่มเติมก็ได้
การใช้ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
Parabolic SAR นั้นเป็นเครื่องมือที่ดีในการบอกเทรนด์และหาจุดกลับตัวของราคา แต่จะยิ่งแม่นยำขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับ indicator อื่น โดยเฉพาะการดู:
- Divergence เพื่อหาจุดกลับตัวที่สำคัญ
- CCI ยืนยันความแข็งแรงของเทรนด์
- Price Action เพื่อดูพฤติกรรมราคา
- แนวรับแนวต้านสำคัญ
บทความแนะนำสำหรับผู้เริ่มเทรด Forex 
บทความแนะนำสำหรับผู้เริ่มเทรด Forex สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อเราเห็น price structure เปลี่ยนไปพร้อมกับการยืนยันจาก Parabolic SAR เทรดเดอร์ที่ติดอยู่ในสถานะขาดทุนจะถูกบังคับให้ต้องออกจากตลาด ทำให้เกิด market order จำนวนมาก ซึ่งจะยิ่งผลักดันให้ราคาเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางนั้น
โอกาสทำกำไรจะยิ่งสูงขึ้นเมื่อ:
- มีเทรดเดอร์หลายกลุ่มเทรดไปทางเดียวกัน
- ทั้งคนที่เพิ่งเข้าใหม่และคนที่ต้องปิดสถานะเดิม
- ราคาเคลื่อนที่สอดคล้องกับสัญญาณของ SAR
สรุป
Parabolic SAR เป็น indicator ที่ได้รับความนิยมในการหาเทรนด์ของตลาด Forex แต่เพื่อป้องกัน False signal ควรใช้ควบคู่กับ Price Action หรือ indicator อื่นๆ เสมอ การผสมผสานเครื่องมือต่างๆ เข้าด้วยกันจะช่วยให้การเทรดของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากการเข้าออเดอร์ผิดทิศทางนั่นเองครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th
