ในตลาด Forex มีสินทรัพย์มากมายหลายชนิดที่ Broker เปิดให้เลือกเทรด เทรดเดอร์สามารถเลือกเทรดได้ตามที่ตนเองชื่นชอบ แต่มีสินทรัพย์ที่น่าลงทุน 3 ชนิด ในตลาด Forex ที่อยากนำเสนอ คือ

  • USD: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัยและสภาพคล่อง
  • GOLD: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความผันผวนของตลาด
  • BRENT: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาน้ำมัน

สินทรัพย์น่าลงทุน Forex

สินทรัพย์ทั้งสามอย่างนี้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนที่เทรดกันในตลาด Forex แม้ในปัจจุบันนี้มีค่าเงินดิจิทัล Cryptocurrency ให้เลือกเทรดด้วย แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก

จะลงทุนกับ USD ต้องรู้ว่า DXY คืออะไร?

ในตลาด Forex สกุลเงิน USD มีบทบาทสำคัญมาก การที่จะลงทุนกับ USD ก็ต้องรู้ว่า DXY คืออะไร DXY คือค่าเงินดัชนีดอลลาร์สหรัฐ เป็นมาตรวัดค่าเงิน USD เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุล ได้แก่

  • EUR: ค่าเงินของกลุ่มยูโรโซน
  • JPY: ค่าเงินเยนญี่ปุ่น
  • GBP: ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ
  • CAD: ค่าเงินดอลลาร์แคนาดา
  • SEK: ค่าเงินโครนาสวีเดน
  • CHF: ค่าเงินฟรังก์สวิส

DXY ได้รับการคำนวณโดย Intercontinental Exchange (ICE) และเผยแพร่ครั้งแรกในปี 1973 ดัชนี DXY มีค่า 100 ในวันที่เริ่มต้น และตั้งแต่นั้นมา การวัดค่า USD ว่าแข็งค่าหรืออ่อนค่าก็เทียบจากตัวเลขนี้

DXY
DXY เป็นดัชนีวัดค่าเงิน USD เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุล มีน้ำหนักตามความสำคัญในการค้า

วัตถุประสงค์ของ DXY

ดัชนี DXY ของค่าเงิน USD เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้โดยนักลงทุน เทรดเดอร์ และนักวิเคราะห์เพื่อติดตามความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ รวมถึง:

  • วัดผลการลงทุน: การวัดผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนที่มีสินทรัพย์ที่ตั้งราคาเป็น USD
  • ป้องกันความเสี่ยง: การป้องกันความเสี่ยงจากความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • เก็งกำไร: การเก็งกำไรเกี่ยวกับทิศทางของ USD

ปริมาณค่าเงินหลัก 6 สกุลกับ DXY

DXY เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนัก ซึ่งหมายความว่า สกุลเงินแต่ละสกุลในตะกร้ามีน้ำหนักตามความสำคัญในการค้าต่างประเทศของสหรัฐฯ น้ำหนักปัจจุบันของสกุลเงินใน DXY มีดังนี้:

  • EUR: 57.6%
  • JPY: 13.6%
  • GBP: 11.9%
  • CAD: 9.1%
  • SEK: 4.2%
  • CHF: 3.6%

DXY มีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และสามารถซื้อขายได้ผ่านฟิวเจอร์ส ออปชั่น และสวอป

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ DXY

มีปัจจัยหลายประการที่สามารถส่งผลต่อค่าของ DXY ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด จะเพิ่มขึ้นหรือจะลดลง มีปัจจัยที่ส่งผล ดังนี้

  • นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
  • สภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
  • ความเสี่ยงทางการเมืองทั่วโลก
  • อุปสงค์และอุปทานของ USD

DXY เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการติดตามความแข็งแกร่งของ USD อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าดัชนีเป็นเพียงมาตรวัดเดียว และควรใช้ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เมื่อตัดสินใจลงทุน

DXY เครื่องมือติดตามเงินดอลลาร์
DXY เป็นเครื่องมือติดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ EUR, JPY, GBP, CAD, SEK, และ CHF

จะอ่านค่า DXY อย่างไร

DXY เป็นเครื่องมือติดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ได้แก่ EUR, JPY, GBP, CAD, SEK, และ CHF มีวิธีการอ่านค่า DXY ดังนี้

  • ค่า DXY เพิ่มขึ้นมากกว่า 100: หมายความว่า USD แข็งค่าขึ้นเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน
  • ค่า DXY ลดลงต่ำกว่า 100: หมายความว่า USD อ่อนค่าลงเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน

ตัวอย่างเช่น:

  • DXY อยู่ที่ 110: หมายถึง USD แข็งค่าขึ้น 10%
  • DXY อยู่ที่ 90: หมายถึง USD อ่อนค่าลง 10%

การตีความหมายค่า DXY:

  • DXY แข็งค่า: ดีต่อนักลงทุนที่ถือสินทรัพย์ USD, ไม่ดีต่อนักส่งออก
  • DXY อ่อนค่า: ดีต่อนักส่งออก, ไม่ดีต่อนักลงทุนที่ถือสินทรัพย์ USD

การใช้ ดัชนี DXY ในการเทรด Forex

ดัชนี DXY บางครั้งนักลงทุนก็จะเรียกกันว่า ดัชนี USDX (US Dollar Index) ซึ่งจะหมายถึงดัชนีตัวเดียวกันนี่เอง สำหรับการใช้ ดัชนี DXY ในการเทรด Forex นั้น มีเทคนิค ดังนี้

วิเคราะห์แนวโน้ม:

  • ดูว่า DXY อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
  • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Moving Averages, MACD, RSI
  • พิจารณาปัจจัยพื้นฐาน เช่น นโยบายการเงิน เศรษฐกิจ ความเสี่ยงทางการเมือง

หาคู่สกุลเงินที่สัมพันธ์กับ DXY:

  • คู่สกุลเงินที่มี USD อยู่ เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY
  • คู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์ทางอ้อม เช่น AUD/USD, NZD/USD, USD/CHF

เข้าซื้อหรือขายตามแนวโน้ม:

  • ซื้อคู่สกุลเงินที่มี USD อยู่ เมื่อ DXY อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
  • ขายคู่สกุลเงินที่มี USD อยู่ เมื่อ DXY อยู่ในแนวโน้มขาลง
  • ซื้อคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์ทางอ้อม เมื่อ DXY อยู่ในแนวโน้มขาลง
  • ขายคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์ทางอ้อม เมื่อ DXY อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น

ตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit:

  • เพื่อจำกัดความเสี่ยง
  • เพื่อกำหนดเป้าหมายผลกำไร

บริหารจัดการความเสี่ยง:

  • ไม่ควรลงทุนเงินทั้งหมดในเทรดเดียว
  • กระจายความเสี่ยงโดยเทรดหลายคู่สกุลเงิน
  • ใช้ Margin อย่างระมัดระวัง
GOLD สินทรัพย์ Forex
การเทรด GOLD ในตลาด Forex จะเทรดผ่าน CFD เป็นการซื้อขายสัญญาส่วนต่าง โดยไม่ต้องรับหรือส่งมอบทองคำจริง

GOLD เทรดทองคำในตลาด Forex

Gold หรือ ทองคำ เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในการเทรด การเทรดทองในตลาด Forex มี 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

เทรดทองคำผ่าน CFD (Contract for Difference):

  • เป็นการซื้อขายสัญญาส่วนต่าง โดยไม่ต้องรับหรือส่งมอบทองคำจริง
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากราคาทองคำ
  • มีความเสี่ยงสูง

เทรดทองคำผ่าน Spot Market:

  • เป็นการซื้อขายทองคำจริง
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว
  • มีความเสี่ยงปานกลาง

ทั้งสองวิธีการเทรดทองคำ สามารถทำได้ผ่านโบรกเกอร์ Forex ที่มีบริการทั่วไป ซึ่งมีเทรดเดอร์หลายคนที่ยึดการลงทุนกับ GOLD เป็นหลัก

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อราคา GOLD

การวิเคราะห์แนวโน้มของราคา GOLD สามารถทำได้ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งเป็นวิธีการคาดการณ์ทิศทางของราคาทองคำโดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

นโยบายการเงิน:

  • การปรับอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลาง
  • นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (QE) หรือ ตึงตัว (QT)
  • ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และ ราคาน้ำมัน

สภาวะเศรษฐกิจ:

  • ภาวะเศรษฐกิจโลก
  • อัตราเงินเฟ้อ
  • อัตราการว่างงาน
  • ส่งผลต่อความต้องการทองคำ

ความเสี่ยงทางการเมือง:

  • สงคราม
  • เหตุการณ์ทางการเมือง
  • ภัยพิบัติธรรมชาติ
  • ส่งผลต่อความต้องการทองคำ
GOLD ราคาสวนทางกับ USD
GOLD มีราคาผันผวนสวนทางกับ USD เมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็ง ทองคำจะมีราคาอ่อนตัว

อุปสงค์และอุปทาน:

  • อุปสงค์ทองคำจากธนาคารกลาง
  • อุปสงค์ทองคำจากภาคเครื่องประดับ
  • อุปทานทองคำจากเหมือง
  • ส่งผลต่อราคาทองคำ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ:

  • ทองคำมีราคาผันผวนสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์
  • ค่าเงินดอลลาร์แข็ง ทองคำมีราคาอ่อนตัว
  • ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ทองคำมีราคาแข็ง

ราคาน้ำมัน:

  • ราคาน้ำมันและราคาทองคำมักมีแนวโน้มเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
  • ราคาน้ำมันขึ้น ทองคำมีราคาขึ้น
  • ราคาน้ำมันลง ทองคำมีราคาลง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถนำมาช่วยในการวิเคราะห์ร่วมด้วย เช่น ความเชื่อมั่นของนักลงทุน, สภาพคล่องในตลาด, หรือความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เป็นต้น

BRENT
BRENT เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีสีดำ จึงถูกเรียกว่าทองคำสีดำในตลาด Forex

BRENT ทองคำสีดำในตลาด Forex

ในตลาด Forex มีสินทรัพย์ล่วงหน้าของราคา Oil (น้ำมัน) และ Brent (น้ำมันดิบ) ให้เลือกลงทุน แต่การเลือกเทรดกับ BRENT ทองคำสีดำในตลาด Forex จะมีความเสถียรกว่า ด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้

  • BRENT เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีสีดำ
  • BRENT มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
  • BRENT ถูกขนส่งและซื้อขายทั่วโลก
  • BRENT ราคาผันผวนตามอุปสงค์และอุปทาน

การเทรด BRENT ในตลาด Forex

การเทรดน้ำมันในตลาด Forex นั้นสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความชอบและกลยุทธ์ของเทรดเดอร์แต่ละคน ซึ่งมีวิธีการเทรด ดังนี้

Futures การเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า:

  • ซื้อหรือขายสัญญาเพื่อรับหรือส่งมอบน้ำมันในอนาคต
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไร หรือ ป้องกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมัน
  • มีความเสี่ยงสูง

CFD (Contract for Difference):

  • ซื้อหรือขายสัญญาโดยไม่ต้องรับหรือส่งมอบน้ำมัน
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากราคาน้ำมัน
  • มีความเสี่ยงสูง

ETF (Exchange Traded Fund):

  • ลงทุนในกองทุนที่ติดตามราคาน้ำมัน
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว
  • มีความเสี่ยงปานกลาง

Options การเทรดแบบออปชั่น:

  • ซื้อหรือขายสิทธิ์ แต่ไม่ใช่ภาระผูกพัน ในการซื้อหรือขายน้ำมัน
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไร หรือ ป้องกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมัน
  • มีความซับซ้อน

การเทรด BRENT ในตลาด Forex เป็นการเทรดผ่านโบรกเกอร์ โดยควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ แล้วเปิดบัญชีซื้อขาย ฝากเงิน วิเคราะห์ราคาน้ำมัน แล้ววางคำสั่งซื้อขาย

BRENT CFD
การเทรด BRENT ในตลาด Forex โดยมากจะเทรดแบบ CFD (Contract for Difference)

เทคนิคและวิธีในการเทรด Brent

ทางด้านเทคนิคในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา Brent ก่อนตัดสินใจเปิดออเดอร์ซื้อขายนั้น มีเทคนิค ดังนี้

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน:

  • ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ OPEC+
  • วิเคราะห์ GDP ของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภค
  • วิเคราะห์สภาพอากาศ

การวิเคราะห์กราฟราคา:

  • ใช้กราฟ candlestick chart เพื่อดูรูปแบบแท่งเทียน
  • ใช้ Moving Average (MA) เพื่อดูแนวโน้ม
  • ใช้ Relative Strength Index (RSI) เพื่อดูภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป

กลยุทธ์การเทรด:

  • กลยุทธ์ Scalping: ซื้อขายระยะสั้น ทำกำไรเล็กน้อย
  • กลยุทธ์ Day Trading: ซื้อขายภายในวัน ปิดสถานะก่อนสิ้นวัน
  • กลยุทธ์ Swing Trading: ซื้อขายระยะกลาง ถือสถานะ 2-3 วัน
  • กลยุทธ์ Position Trading: ซื้อขายระยะยาว ถือสถานะเป็นสัปดาห์หรือเดือน

การจัดการความเสี่ยง:

  • ใช้ Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง
  • ใช้ Money Management เพื่อควบคุมความเสี่ยง

การพยายามฝึกฝนด้วยการเทรดบนบัญชีทดลอง นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดี เพราะจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรงเสมือนจริงได้

Brent กับการวิเคราะห์แนวโน้มทางเทคนิค
การเทรด Brent ในตลาด Forex สามารถใช้การวิเคราะห์แนวโน้มทางเทคนิค เช่น กราฟแท่งเทียน และอินดิเคเตอร์ได้

วิธีการเทรด Brent ในตลาด Forex

เลือกโบรกเกอร์:

  • เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต
  • เปรียบเทียบสเปรด ค่าธรรมเนียม และแพลตฟอร์มการเทรด

เปิดบัญชี:

  • เลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสม
  • ฝากเงิน

วิเคราะห์ตลาด:

  • วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น อุปทานและอุปสงค์ นโยบายการเงิน สภาพเศรษฐกิจ
  • วิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เช่น กราฟ รูปแบบแท่งเทียน อินดิเคเตอร์

วางแผนการเทรด:

  • กำหนดจุดเข้าซื้อ/ขาย
  • กำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit
  • กำหนดขนาดการเทรด

Trading:

  • เลือกประเภทคำสั่งซื้อขาย
  • ตรวจสอบราคาและสเปรด
  • คลิกซื้อหรือขาย
Bond Market
ตัวอย่างคุณสมบัติของ Bond Market ตลาดพันธบัตร ตราสารหนี้ ที่เปิดให้ลงทุน

ตลาดพันธบัตร ตราสารหนี้ และตลาด Forex

มีช่องทางในการลงทุนหลายช่องทาง สำหรับผู้ที่สนใจจะลงทุน เรามาเปรียบเทียบความน่าสนใจในการลงทุนระหว่างตลาดพันธบัตร ตราสารหนี้ และตลาด Forex ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ดังนี้

ตลาดพันธบัตร:

  • ความเสี่ยง: ต่ำ
  • ผลตอบแทน: ปานกลาง
  • สภาพคล่อง: สูง
  • เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ ต้องการรายได้สม่ำเสมอ

ตราสารหนี้:

  • ความเสี่ยง: หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของตราสารหนี้
  • ผลตอบแทน: หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของตราสารหนี้
  • สภาพคล่อง: หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของตราสารหนี้
  • เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงปานกลาง ต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าพันธบัตร

ตลาดฟอร์เร็กซ์:

  • ความเสี่ยง: สูง
  • ผลตอบแทน: สูง
  • สภาพคล่อง: สูง
  • เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง ต้องการเก็งกำไร

ปัจจัยที่ควรพิจารณา

ในการเปรียบเทียบความน่าสนใจในการลงทุนกับตลาดพันธบัตร ตราสารหนี้ และตลาด Forex นั้น เราใช้ปัจจัยที่ควรพิจารณา ดังนี้

ระดับความเสี่ยงที่รับได้:

  • ตลาดพันธบัตร เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงต่ำ
  • ตราสารหนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง
  • ตลาดฟอร์เร็กซ์ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง

เป้าหมายการลงทุน:

  • ต้องการรายได้สม่ำเสมอ: เลือกตลาดพันธบัตร หรือ ตราสารหนี้
  • ต้องการผลตอบแทนสูง: เลือกตราสารหนี้ หรือ ตลาดฟอร์เร็กซ์
  • ต้องการเก็งกำไร: เลือกตลาดฟอร์เร็กซ์

ระยะเวลาการลงทุน:

  • ระยะสั้น: เลือกตลาดฟอร์เร็กซ์
  • ระยะยาว: เลือกตลาดพันธบัตร หรือ ตราสารหนี้
ตลาดพันธบัตร
ตลาดพันธบัตรเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ Forex เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง

สรุปแล้วเหมาะกับใครบ้าง

  • ตลาดพันธบัตร: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ ต้องการรายได้สม่ำเสมอ
  • ตราสารหนี้: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงปานกลาง ต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าพันธบัตร
  • ตลาดฟอร์เร็กซ์: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง ต้องการเก็งกำไรที่สูงตามไปด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นกับค่าเงิน

ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นกับค่าเงินนั้นมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยทั่วไปแล้วเมื่อค่าเงินแข็งค่า หุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น และเมื่อค่าเงินอ่อน ค่าหุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้หุ้นกับค่าเงินมีความสัมพันธ์กัน ดังนี้

  • การลงทุนจากต่างประเทศ: นักลงทุนต่างชาติมักลงทุนในหุ้นโดยแลกเงินสกุลท้องถิ่น เมื่อค่าเงินแข็งค่า นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อหุ้นได้มากขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
  • การส่งออก: บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยมีรายได้จากการส่งออก เมื่อค่าเงินแข็งค่า รายได้จากการส่งออกจะเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อผลประกอบการและราคาหุ้น
  • เงินทุนไหลเข้า: เมื่อค่าเงินแข็งค่า นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะนำเงินทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
ค่าเงินแข็งค่า หุ้นจะปรับตัวขึ้น
เมื่อค่าเงินแข็งค่า หุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น และเมื่อค่าเงินอ่อนค่าหุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง

หุ้นที่สวนทางกับค่าเงิน

ดังที่กล่าวเอาไว้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นกับค่าเงินมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางครั้งหุ้นกับค่าเงินก็มีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามเช่นกัน หมายความว่าดังนี้

เมื่อค่าเงินแข็งค่า

  • หุ้นที่ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจะมีราคาสูงขึ้น เพราะนักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อหุ้นได้มากขึ้น
  • แต่หุ้นที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศจะมีราคาต่ำลง เพราะต้นทุนการนำเข้าสินค้าลดลง

เมื่อค่าเงินอ่อนค่า

  • หุ้นที่ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจะมีราคาต่ำลง เพราะนักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อหุ้นได้น้อยลง
  • แต่หุ้นที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศจะมีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น

ตัวอย่าง:

กรณีค่าเงินบาทแข็งค่า

  • หุ้นกลุ่มส่งออก เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา มีราคาสูงขึ้น
  • หุ้นกลุ่มนำเข้า เช่น ค้าปลีก น้ำมัน มีราคาต่ำลง

กรณีค่าเงินบาทอ่อนค่า

  • หุ้นกลุ่มส่งออก เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา มีราคาต่ำลง
  • หุ้นกลุ่มนำเข้า เช่น ค้าปลีก น้ำมัน มีราคาสูงขึ้น
Set Index Level
ตัวอย่าง Set Index Level ของหุ้นไทย เปรียบเทียบกับ Dollar / Bath ค่าเงินบาทไทย

บทสรุป

แม้ว่าในตลาด Forex จะมีสินทรัพย์มากมายหลายชนิดให้เลือกลงทุน แต่ก็มีสินทรัพย์ 3 ชนิดที่น่าลงทุนในตลาด Forex

  • USD: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัยและสภาพคล่อง
  • GOLD: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความผันผวนของตลาด
  • BRENT: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาน้ำมัน

การอ่านค่า DXY:

  • DXY > 100: USD แข็งค่า
  • DXY < 100: USD อ่อนค่า

กลยุทธ์การเทรด DXY:

  • วิเคราะห์แนวโน้ม
  • หาคู่สกุลเงินที่สัมพันธ์กับ DXY
  • เข้าซื้อหรือขายตามแนวโน้ม
  • ตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit
  • บริหารจัดการความเสี่ยง

การเทรดทองคำ (GOLD) ในตลาด Forex:

มี 2 วิธีหลัก:

  • CFD (Contract for Difference)
  • Spot Market

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน:

  • นโยบายการเงิน
  • สภาวะเศรษฐกิจ
  • ความเสี่ยงทางการเมือง
  • อุปสงค์และอุปทาน
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
  • ราคาน้ำมัน

การเทรด BRENT (น้ำมันดิบ) ในตลาด Forex:

มี 4 วิธีหลัก:

  • Futures
  • CFD (Contract for Difference)
  • ETF (Exchange Traded Fund)
  • Options

เทคนิคและวิธีการเทรด:

  • วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
  • วิเคราะห์กราฟราคา
  • กลยุทธ์การเทรด
  • การจัดการความเสี่ยง
ตารางเปรียบเทียบตลาดพันธบัตร ตราสารหนี้ และตลาด Forex

ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นกับค่าเงิน:

โดยทั่วไป:

  • ค่าเงินแข็งค่า -> หุ้นปรับตัวขึ้น
  • ค่าเงินอ่อนค่า -> หุ้นปรับตัวลง

กรณีพิเศษ:

หุ้นส่งออก:

  • ค่าเงินแข็งค่า -> ราคาสูงขึ้น (นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นได้มากขึ้น)
  • ค่าเงินอ่อนค่า -> ราคาต่ำลง (นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นได้น้อยลง)

หุ้นนำเข้า:

  • ค่าเงินแข็งค่า -> ราคาต่ำลง (ต้นทุนการนำเข้าลดลง)
  • ค่าเงินอ่อนค่า -> ราคาสูงขึ้น (ต้นทุนการนำเข้าเพิ่มขึ้น)

 

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง:

Safe Haven: สินทรัพย์ปลอดภัย

Inflation: อัตราเงินเฟ้อ

Bond: พันธบัตร

Debt Instrument: ตราสารหนี้

Equity: ตราสารทุน

Risk: ความเสี่ยง

Return: ผลตอบแทน

Investment Horizon: ระยะเวลาการลงทุน

Monetary Policy: นโยบายการเงิน

Political Risk: ความเสี่ยงทางการเมือง

Diversification: การกระจายความเสี่ยง

ทีมงาน Forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments