Forexthai.in.th ย่อให้

  • หลักการพื้นฐานของระบบ: ระบบเทรด A very simple system ใช้ EMA และ CCI ในการวิเคราะห์แนวโน้มและความแข็งแกร่งของราคา
  • การสร้างและพัฒนาระบบ: สามารถกำหนดผลตอบแทนที่ต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยการนำระบบไปทดสอบกับข้อมูลในอดีต เพื่อปรับปรุงค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมได้
  • ข้อดีและข้อควรระวัง: ข้อดีคือเข้าใจง่าย, ปรับแต่งได้, ใช้ได้กับดีกับหลายคู่เงิน ข้อควรระวังคือต้องมีการจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสมด้วย
  • การนำไปใช้งานจริง: ให้เริ่มต้นด้วยกรอบเวลาที่ใหญ่ก่อน เช่น H4 แล้วค่อยลงมาดูในกรอบเวลาที่เล็กลง
  • คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรศึกษาต่อยอดและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพราะการเทรดต้องใช้ประสบการณ์และการเรียนรู้ตลอดเวลา

ระบบเทรด A very simple system

ระบบเทรด A very simple system น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเรียนรู้ สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างระบบเทรดของตัวเอง หากเรียนรู้จนทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเทรดตัวนี้ได้ดี ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ตามประสบการณ์ในการวิเคราะห์ด้วยระบบที่ตนเองชอบได้

ใครที่สามารถระบุแท่งเทียนและรูปแบบ แนวรับและแนวต้าน รวมถึงการเคลื่อนไหวของราคาพื้นฐานทั้งหมดได้ ก็สามารถสร้างระบบเทรดของตัวเองได้เลย


ข้อมูลเบื้องต้น

ระบบเทรด A very simple system เป็นระบบที่ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ราคาอย่าง EMA และ CCI เท่านั้น ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือที่เราจะนำมาใช้ในระบบเทรดตัวนี้ก่อนนะครับ

เครื่องมือวิเคราะห์ราคาที่ใช้ในระบบ

  • EMA (Exponential Moving Average): เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอกซ์โปเนนเชียล ใช้สำหรับวัดแนวโน้มราคา โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากกว่าข้อมูลเก่า เส้น EMA ที่เราจะใช้มี 3 ระดับ คือ 10EMA, 34EMA และ 102EMA ซึ่งแต่ละเส้นจะแสดงถึงแนวโน้มในระยะเวลาที่แตกต่างกัน
  • CCI (Commodity Channel Index): ตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและตรวจสอบสภาวะที่ราคาอาจจะเกิดการกลับตัว CCI จะบอกเราว่าราคาเคลื่อนที่ออกไปจากค่าเฉลี่ยมากน้อยแค่ไหน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ราคา
เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ราคา Forex ประกอบด้วย 10EMA, 34EMA, 102EMA, และ 50CCI

หลักการทำงานเบื้องต้น

ระบบ A very simple system จะใช้การตัดกันของเส้น EMA ต่าง ๆ และค่าของ CCI ในการสร้างสัญญาณซื้อขาย โดยหลักการเบื้องต้นเป็นดังนี้

  • สัญญาณซื้อ: เมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้น EMA ระยะยาว และค่า CCI อยู่ในเขตซื้อ (ค่าบวกที่สูง)
  • สัญญาณขาย: เมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดลงใต้เส้น EMA ระยะยาว และค่า CCI อยู่ในเขตขาย (ค่าลบที่ต่ำ)

ข้อดีของระบบ

  • เข้าใจง่าย: หลักการทำงานค่อนข้างตรงไปตรงมา เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ปรับแต่งได้: สามารถปรับเปลี่ยนค่าต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาของ EMA หรือค่าของ CCI เพื่อให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคล
  • ใช้ได้กับสินทรัพย์หลายประเภท: ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, ดัชนี, หรือคู่สกุลเงิน ตามที่โบรกเกอร์เปิดให้เทรด

ขั้นตอนการพัฒนาระบบ

  • กำหนดเป้าหมาย: ควรกำหนดก่อนว่าต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่ และมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน
  • ทดสอบย้อนหลัง: นำระบบไปทดสอบกับข้อมูลในอดีต เพื่อประเมินประสิทธิภาพและปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ให้ได้ตามความต้องการ
  • พัฒนาระบบ: เพิ่มเติมเงื่อนไขหรือตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ระบบมีความซับซ้อนมากขึ้น และมีความแม่นยำมากขึ้นด้วย
  • ทดลองเทรด: เมื่อมั่นใจในระบบแล้ว สามารถนำไปทดลองเทรดในบัญชีจริงได้ โดยเริ่มจากเงินทุนจำนวนน้อย ๆ ก่อน
EMA (Exponential Moving Average)
EMA (Exponential Moving Average) คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอกซ์โปเนนเชียล ใช้สำหรับวัดแนวโน้มราคา

เครื่องมือที่ใช้

ขออธิบายถึงเครื่องมือวิเคราะห์ราคาแต่ละตัวที่ใช้ในระบบ A very simple system พร้อมวิธีใช้และจุดเด่น ซึ่งเครื่องมือที่ใช้มีอยู่ 2 ตัว ดังนี้

EMA (Exponential Moving Average)

EMA คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอกซ์โปเนนเชียล ใช้สำหรับวัดแนวโน้มราคา โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากกว่าข้อมูลเก่า

วิธีใช้:

  • การระบุระยะเวลา ระยะเวลาของ EMA ที่ต้องการคือ 10 วัน, 34 วัน, 102 วัน

การตีความ:

  • เส้น EMA ตัดกัน: เมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้น EMA ระยะยาว มักบ่งบอกถึงสัญญาณซื้อ และเมื่อตัดลงใต้ มักบ่งบอกถึงสัญญาณขาย
  • แนวโน้มราคา: เส้น EMA สามารถใช้เป็นแนวรับแนวต้านของราคาได้

จุดเด่นของ EMA:

  • ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้เร็ว: เนื่องจากให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุด
  • ระบุแนวโน้มได้ชัดเจน: เส้น EMA มีความราบเรียบจึงช่วยให้มองเห็นทิศทางของราคาได้ง่ายขึ้น
  • ปรับแต่งได้: สามารถเลือกใช้ EMA ได้หลายระยะเวลาเพื่อวิเคราะห์ในมุมมองที่แตกต่างกัน
CCI (Commodity Channel Index)
CCI (Commodity Channel Index) เครื่องมือตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคา

CCI (Commodity Channel Index)

CCI คือตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและตรวจสอบสภาวะที่ราคาอาจจะเกิดการกลับตัว

วิธีใช้:

  • การตั้งค่าโดยทั่วไปใช้ค่ามาตรฐานคือ 14 แต่ระบบเทรดตัวนี้ ให้ปรับเปลี่ยน Period เป็น 50

การตีความ:

  • CCI > 100: บ่งบอกว่าราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก อาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะอ่อนตัวลง (Overbought)
  • CCI < -100: บ่งบอกว่าราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก อาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะปรับตัวขึ้น (Oversold)
  • การตัดระดับ: เมื่อ CCI ตัดผ่านระดับ 100 หรือ -100 อาจเป็นสัญญาณซื้อขาย

จุดเด่นของ CCI:

  • ช่วยบ่งชี้ Overbought และ Oversold: ช่วยระบุจุดที่ราคาอาจจะเกิดการกลับตัว
  • ช่วยวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม: บอกได้ว่าแนวโน้มปัจจุบันแข็งแกร่งแค่ไหน

การนำเครื่องมือทั้งสองมาใช้ร่วมกัน

  • สัญญาณซื้อ: เมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้น EMA ระยะยาว และค่า CCI อยู่ในเขตซื้อ (ค่าบวกที่สูง)
  • สัญญาณขาย: เมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดลงใต้เส้น EMA ระยะยาว และค่า CCI อยู่ในเขตขาย (ค่าลบที่ต่ำ)

เงื่อนไขการเข้าเทรด

เงื่อนไขในการเทรด BUY และ SELL ของระบบเทรดตัวนี้ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดที่คุณเลือกใช้ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้

สัญญาณซื้อ
เกิดสัญญาณซื้อ เมื่อ (10EMA และ 34EMA) ตัดขึ้นเหนือเส้นระยะยาว (102EMA) และ 50CCI อยู่ในแดนบวก

สัญญาณซื้อ (Buy):

  • การตัดกันของเส้น EMA: เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (10EMA และ 34EMA) ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (102EMA) ขึ้นไปยืนได้
  • ค่า CCI เป็นบวก: เมื่อตัวบ่งชี้อย่าง CCI ขึ้นเหนือ 0 และมีค่าเป็นบวก บ่งบอกว่าราคากำลังกลับตัวขึ้น
  • ระดับแนวรับ: เมื่อราคาดีดตัวขึ้นจากระดับแนวรับที่สำคัญ

จุดเข้าซื้อ:

  • ราคาเปิดของแท่งเทียนถัดไป: หลังจากได้รับสัญญาณซื้อ
  • ราคาที่ระดับแนวรับ: หากต้องการซื้อที่ราคาต่ำกว่า
  • คำสั่งซื้อแบบ Limit Order: กำหนดราคาที่ต้องการซื้อล่วงหน้า

จุดตั้ง Stop Loss:

  • ต่ำกว่าระดับต่ำสุดของแท่งเทียนที่เกิดสัญญาณซื้อเล็กน้อย เพื่อจำกัดความเสียหายหากราคาวิ่งผิดทาง

จุดตั้ง Take Profit:

  • ที่ระดับเป้าหมายที่ต้องการหรือคำนวณได้จากการวิเคราะห์ MM
สัญญาณขาย
เกิดสัญญาณขาย เมื่อ (10EMA และ 34EMA) ตัดลงต่ำกว่าเส้นระยะยาว (102EMA) และ 50CCI อยู่ในแดนลบ

สัญญาณขาย (Sell):

  • การตัดกันของเส้น EMA: เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (10EMA และ 34EMA) ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (102EMA) ลงไปยืนได้
  • ค่า CCI เป็นลบ: เมื่อตัวบ่งชี้อย่าง CCI ลงไปต่ำกว่า 0 และมีค่าเป็นลบ บ่งบอกว่าราคากำลังกลับตัวลง
  • ระดับแนวต้าน: เมื่อราคาดีดตัวลงจากระดับแนวต้านที่สำคัญ

จุดเข้าขาย:

  • ราคาเปิดของแท่งเทียนถัดไป: หลังจากได้รับสัญญาณขาย
  • ราคาที่ระดับแนวต้าน: หากต้องการขายที่ราคาสูงกว่า
  • คำสั่งขายแบบ Limit Order: กำหนดราคาที่ต้องการขายล่วงหน้า

จุดตั้ง Stop Loss:

  • สูงกว่าระดับสูงสุดของแท่งเทียนที่เกิดสัญญาณขายเล็กน้อย เพื่อจำกัดความเสียหายหากราคาวิ่งผิดทาง

จุดตั้ง Take Profit:

  • ที่ระดับเป้าหมายที่ต้องการหรือที่คำนวณได้จากการวิเคราะห์ MM

คำแนะนำเพิ่มเติม

โดยพื้นฐานแล้วระบบเทรดตัวนี้สามารถรับแนวโน้มได้ทุกตลาด ทุกกรอบเวลา แต่หากเป็นผู้เริ่มต้นในการใช้ระบบเทรดตัวนี้ ขอแนะนำให้เริ่มต้นที่ กรอบเวลา H4 แล้วหาจุดเข้าในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า โดยใช้กรอบเวลา 5 หรือ 15 นาที เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเปิดออเดอร์ตามขั้นตอน ดังนี้

  1. กำหนดจุด Pivot: สิ่งสำคัญคือคุณต้องเทรดออกจากจุดหมุนรายวัน
  2. H4 ดูที่ 10/34 EMA: หาก 10/34 ตัดขึ้น ถือเป็นสัญญาณซื้อ และในทางกลับกันหากตัดลงก็เป็นสัญญาณขาย
  3. 15m ดูที่ 102EMA: ควรใช้การมองแนวโน้ม 15 นาทีด้วยเส้น 102EMA
  4. ตรวจสอบ 50CCI: โดย 50CCI เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น 0 เพื่อซื้อ และต่ำกว่าเพื่อขาย

หากตรวจสอบทั้งหมดแล้ว มีแนวโน้มที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หมายความว่าทั้งกรอบเวลาที่สูงกว่าและกรอบเวลาสั้นแสดงทิศทางเดียวกัน สามารถเข้าเทรดตามระบบได้เลย

Pivot Points Standard
อินดิเคเตอร์ Pivot Points Standard เป็นเครื่องมือให้ใช้ฟรี ช่วยแสดงจุดหมุนของราคาพร้อมทั้งแนวรับและแนวต้าน

สรุป

ระบบเทรด A very simple system นี้ เป็นระบบเทรดพื้นฐานที่ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพียง 2 ตัว คือ EMA และ CCI เพื่อสร้างสัญญาณซื้อขาย โดยมีจุดเด่นของระบบคือเข้าใจง่าย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาการเทรด Forex อย่างมาก

ระบบเทรดตัวนี้สามารถปรับเปลี่ยนค่าต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของแต่ละคนได้ดี หลักการทำงานก็ง่าย สัญญาณซื้อเกิดขึ้นเมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้น EMA ระยะยาว และค่า CCI เป็นบวก สัญญาณขายก็ตรงข้ามกัน


การนำระบบเทรดตัวนี้ไปใช้จริง ควรกำหนดผลตอบแทนที่ต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ให้ชัดเจน หรือจะเพิ่มเติมเงื่อนไขการเข้าเทรดด้วยตัวบ่งชี้อื่น ๆ เข้ามาช่วยอีกแรงก็ได้ การเพิ่มเติมเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ และกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย ย่อมเพิ่มความแม่นยำและความมั่นใจได้มากขึ้น

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments