Forexthai.in.th ย่อให้
- Bringin sexy back – stochastics: คือระบบเทรดที่พัฒนาจากระบบ slingshot system โดยเน้นความง่ายในการใช้งาน โดยมีเครื่องมือหลักคือ Stochastic Oscillator
- หลักการทำงาน: สร้างสัญญาณซื้อขายจากค่า Stochastic Oscillator มีการตั้งค่า 3 ระดับให้เลือกใช้ มีการปรับค่า %K, %D เพื่อให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรด
- เงื่อนไขการเข้าเทรด: เกิดสัญญาณซื้อเมื่อ Stochastic ตัดขึ้นจากระดับ Oversold, เกิดสัญญาณขายเมื่อ Stochastic ตัดลงจากระดับ Overbought หรือ เกิด Divergence
- ข้อดีและข้อเสียของระบบ: ข้อดีคือง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งานเหมาะกับ Scalping ส่วนข้อเสียคือสัญญาณอาจล่าช้าและระบุจุดกลับตัวยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่
ระบบการเทรด Bringin sexy back – stochastics มีพื้นฐานมาจากการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ง่ายขึ้นจากระบบ slingshot system โดยผู้สร้างระบบเรียกมันว่า “B line” ในเวอร์ชันของตัวเอง ระบบนี้ใช้ได้กับทุกกรอบเวลา แต่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้นใน M5 หรือ M15 มาก ๆ ใครที่เป็นเทรดเดอร์สาย Scalping ไม่ควรพพลาดเป็นอย่างยิ่ง ไปทำความรู้จักกับระบบเทรดตัวนี้กันเลย
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
ข้อมูลเบื้องต้น
boxingislife คือผู้คิดค้นระบบเทรด “Bringin sexy back – stochastics” นะครับ ระบบเทรดนี้เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาโดยอาศัยหลักการของ Stochastic Oscillator ซึ่งเป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้วัดโมเมนตัมของราคา โดยได้นำมาปรับใช้และพัฒนาเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับการเทรดในตลาด Forex
จุดเด่นของระบบนี้:
- เน้นความง่าย: ระบบนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ที่มีประสบการณ์
- ยืดหยุ่น: สามารถปรับใช้กับคู่สกุลเงินและกรอบเวลาที่แตกต่างกันได้
- มีประสิทธิภาพ: จากการทดสอบย้อนหลัง พบว่าระบบนี้สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้ดีทีเดียว
หลักการทำงานเบื้องต้น:
- หลักการทำงานโดยรวมของระบบนี้คือการใช้ค่า Stochastic Oscillator ในการสร้างสัญญาณซื้อขาย โดยเมื่อค่า Stochastic Oscillator เข้าสู่เขต Oversold หรือ Overbought จะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโอกาสในการทำกำไร
ตัวอย่างสัญญาณซื้อ:
- เมื่อค่า Stochastic Oscillator ตัดขึ้นจากเส้น Oversold (เช่น 20)
- เมื่อค่า Stochastic Oscillator อยู่ในเขต Oversold และเกิดการ Divergence
ตัวอย่างสัญญาณขาย:
- เมื่อค่า Stochastic Oscillator ตัดลงจากเส้น Overbought (เช่น 80)
- เมื่อค่า Stochastic Oscillator อยู่ในเขต Overbought และเกิดการ Divergence
การปรับแต่งระบบ:
- การตั้งค่า Stochastic Oscillator: เปลี่ยนค่า %K, %D และช่วงเวลา เพื่อให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคล
- การใช้ตัวชี้วัดเพิ่มเติม: สามารถนำตัวชี้วัดอื่น ๆ มาประกอบการตัดสินใจได้ เช่น RSI, Moving Average เป็นต้น
เครื่องมือที่ใช้
ระบบเทรดนี้ จะใช้เครื่องมืออย่าง Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือหลัก ซึ่งก่อนที่เราจะไปลงรายละเอียดในการปรับค่า %K และ %D ในระบบเทรดตัวนี้ ขอให้เข้าใจก่อนว่าค่าเหล่านี้มีผลต่อการทำงานของตัวบ่งชี้โดยตรงอย่างไรบ้าง ดังนี้
- %K: เป็นเส้นที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาที่สุด เมื่อค่า %K สูงขึ้น แสดงว่าราคาปิดล่าสุดอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด และเมื่อค่า %K ต่ำลง แสดงว่าราคาปิดล่าสุดอยู่ใกล้ระดับต่ำสุด
- %D: เป็นเส้นค่าเฉลี่ยของ %K ทำหน้าที่เป็นเส้นสัญญาณ ช่วยลดสัญญาณรบกวนและทำให้สัญญาณซื้อขายมีความชัดเจนมากขึ้น
การปรับค่า %K และ %D
การปรับค่า %K และ %D ในระบบ “Bringin sexy back – stochastics” ได้ผ่านการทดสอบมาจากปัจจัยหลายอย่างเพื่อค้นหาค่าที่ได้ผลดีที่สุด โดยมีปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้
- คู่สกุลเงิน: คู่สกุลเงินแต่ละคู่มีความผันผวนแตกต่างกัน การตั้งค่าที่เหมาะสมสำหรับคู่สกุลเงินหนึ่ง อาจไม่เหมาะสมกับอีกคู่หนึ่ง
- กรอบเวลา: กรอบเวลาที่ใช้ในการวิเคราะห์ก็มีผลต่อการเลือกค่า %K และ %D เช่นกัน กรอบเวลาที่สั้นกว่า อาจต้องใช้ค่าที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงมากกว่า
- สไตล์การเทรด: นักเทรดแต่ละคนมีสไตล์การเทรดที่แตกต่างกัน บางคนชอบสัญญาณที่ชัดเจนและน้อยครั้ง บางคนชอบสัญญาณที่บ่อยขึ้น แต่มีความเสี่ยงสูงกว่า
การทดลองและปรับแต่ง
วิธีที่ดีที่สุดในการหาค่าที่เหมาะสมกับระบบเทรดของคุณ คือการทดลองและปรับแต่งค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง คุณสามารถลองปรับค่า %K และ %D ในช่วงที่กล่าวมาข้างต้น และสังเกตผลลัพธ์ที่ได้ว่าสัญญาณที่เกิดขึ้นมีความชัดเจนและแม่นยำมากน้อยเพียงใด ตามเงื่อนไขดังนี้
- หากต้องการสัญญาณที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น: ลดค่า %K และ %D
- หากต้องการสัญญาณที่ชัดเจนและน้อยครั้ง: เพิ่มค่า %K และ %D
ค่าที่ใช้ที่ใช้กับระบบเทรดนี้:
การ setup ค่าต่าง ๆ ของ stochastics ที่ได้ผ่านการทดสอบและใช้กับระบบเทรดตัวนี้ มีการตั้งค่าอยู่ 3 ระดับ ดังนี้
- ระดับที่หนึ่ง = %k:20, %d:10, slowing:20
- ระดับที่สอง = %k:50, %d:10, slowing:20
- ระดับที่สาม = %k:5, %d:3, slowing:3
วิธีการตั้งค่าใน MT4 หรือ MT5
Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือที่นักเทรดนิยมใช้ในการวิเคราะห์โมเมนตัมของราคา การปรับค่าต่าง ๆ จะส่งผลต่อความไวของตัวบ่งชี้ต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา ขั้นตอนการตั้งค่าใน MT4 มีดังนี้
- เปิดกราฟ: เปิดกราฟของคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่คุณต้องการวิเคราะห์
- แทรกตัวบ่งชี้:
- MT4: คลิกที่เมนู Insert > Indicators > Oscillators > Stochastic Oscillator
- MT5: คลิกที่เมนู Insert > Indicators > Custom > Stochastic Oscillator
- ปรับค่า: หน้าต่างการตั้งค่า Stochastic Oscillator จะปรากฏขึ้น ให้คุณปรับค่าต่าง ๆ ตามที่ต้องการ
- %K Period: คือค่า %K ที่คุณต้องการ (เช่น 20, 50, หรือ 5)
- %D Period: คือค่า %D ที่คุณต้องการ (เช่น 10 หรือ 3)
- Slowing: คือค่า Slowing ที่คุณต้องการ (เช่น 20 หรือ 3)
- Price: เลือกประเภทของราคาที่ใช้คำนวณ (เช่น Close, High/Low)
- Method: เลือกวิธีการคำนวณ (โดยทั่วไปใช้ Simple)
- MA Method: เลือกวิธีการคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำหรับ %D (เช่น Simple, Exponential, Smoothed)
- Apply to: เลือกช่วงเวลาที่ต้องการนำมาคำนวณ (เช่น Close)
- Levels: ปรับค่าระดับ Overbought และ Oversold (โดยทั่วไปใช้ 80 และ 20)
- Color settings: ปรับสีของเส้นต่าง ๆ ตามต้องการ
เงื่อนไขการเข้าเทรด
เงื่อนไขในการเข้าเทรดตามระบบโดยทั่วไปแล้ว ระบบเทรดที่ใช้ Stochastic Oscillator เป็นหลักมักจะมีเงื่อนไขการเข้าเทรดดังต่อไปนี้
เงื่อนไขการเข้า Buy
- Stochastic ตัดขึ้นจากระดับ Oversold: เมื่อเส้น %K ตัดเส้น %D ขึ้นมาจากบริเวณใต้ระดับ 20 (ซึ่งเป็นระดับ Oversold ทั่วไป) ถือว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น
- Divergence: เมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ Stochastic Oscillator ทำจุดต่ำสุดไม่ใหม่ เป็นสัญญาณ Divergence ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้น
เงื่อนไขการเข้า Sell
- Stochastic ตัดลงจากระดับ Overbought: เมื่อเส้น %K ตัดเส้น %D ลงมาจากบริเวณเหนือระดับ 80 (ซึ่งเป็นระดับ Overbought ทั่วไป) นับว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาลง
- Divergence: เมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ Stochastic Oscillator ทำจุดสูงสุดไม่ใหม่ เป็นสัญญาณ Divergence ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาลง
เงื่อนไขเพิ่มเติมที่มี
- การใช้ตัวบ่งชี้ร่วม: อาจมีการใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น Moving Average, RSI, หรือ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณ
- รูปแบบกราฟ: อาจมีการพิจารณารูปแบบกราฟ เช่น Head and Shoulders, Double Top/Bottom เพื่อยืนยันสัญญาณ
- ข่าวสาร: อาจมีการพิจารณาข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์นั้น ๆ เพิ่มเติมในเงื่อนไขด้วย
ตัวอย่างเงื่อนไขการเข้าซื้อ
- เส้น %K ตัดเส้น %D ขึ้นมาจากใต้ระดับ 20
- มีการ Divergence บวก
- Stop Loss: วางไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดล่าสุดเล็กน้อย
- Take Profit: วางไว้ที่ระดับเป้าหมายที่คำนวณได้จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ
ตัวอย่างเงื่อนไขการเข้าขาย
- เส้น %K ตัดเส้น %D ลงมาจากเหนือระดับ 80
- มีการ Divergence ลบ
- Stop Loss: วางไว้สูงกว่าจุดสูงสุดล่าสุดเล็กน้อย
- Take Profit: วางไว้ที่ระดับเป้าหมายที่คำนวณได้จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ
หลักในการพิจารณาการตัดกันของเส้น
- เส้น 20 และ 50 ตัดกัน: การตัดกันของสองเส้นนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าใดนัก แต่ก็เป็นการดีที่จะดูเพราะจะช่วยให้หลีกเลี่ยงการเทรดที่ไม่ดีได้
- เมื่อเส้น 20 ตัดเส้นสัญญาณ: ให้ดูว่าเส้นจะขึ้นหรือลงชันแค่ไหน และดูช่องว่างระหว่างเส้นหลักและสัญญาณด้วย ยิ่งช่องว่างมากการเทรดก็จะดีขึ้นและยิ่งชันมากก็ยิ่งดีด้วย
- เส้น 5: จะต้องไม่กลับลงไปในเขตขายมากเกินไปหรือกลับขึ้นไปในเขตซื้อมากเกินไป รอให้ราคารวมตัวหรือรอให้ Stoch ตัดกันก่อน แล้วจึงเข้าออเดอร์
จุดอ่อนของระบบ
ระบบ Bringin sexy back – stochastics มีจุดอ่อนที่อาจพบได้ทั่วไปในระบบที่ใช้เครื่องมือ Stochastic Oscillator เป็นหลัก ได้แก่
ความล่าช้าของสัญญาณ:
- Stochastic เป็นตัวบ่งชี้ที่ตามหลังราคา ซึ่งหมายความว่าสัญญาณเทรดที่ได้มานั้นอาจเกิดขึ้นหลังจากที่ราคาได้เคลื่อนไหวไปแล้วบางส่วน ทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรสูงสุด
สัญญาณปลอม:
- ในช่วงที่ตลาด Sideways เครื่องมือ Stochastic Oscillator อาจสร้างสัญญาณปลอมบ่อยครั้ง ทำให้เกิดการเข้าซื้อขายที่ไม่จำเป็น และขาดทุนได้
สรุป
สรุปภาพโดยรวมระบบ “Bringin sexy back – stochastics” เป็นระบบเทรดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดระยะสั้น ที่ต้องการทำกำไรหลายครั้งต่อวัน แต่ควรศึกษาและทดลองใช้ให้เข้าใจก่อนนำไปใช้จริง เนื่องจากมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณา
ระบบเทรดตัวนี้เน้นที่ความง่ายในการใช้งาน โดยมีจุดเด่นคือมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ส่วนข้อเสียคืออาจเกิดสัญญาณปลอมในช่วงตลาดไม่ค่อยวิ่งชัดเจน เพราะไม่สามารถทำนายจุดกลับตัวได้อย่างแม่นยำ
คำแนะนำในการใช้งานคือควรทดลองและปรับแต่งเพื่อหาค่าที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเองหรือใช้เครื่องมืออื่น ๆ ประกอบในการตัดสินใจ หรือพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย จะได้ผลการเทรด Forex ที่ดีที่สุดครับ
อ้างอิง
สำหรับเทรดเดอร์ท่านใดที่อยากจะเรียนรู้เพิ่มเติม ติดตามได้จากฟอรัมของ “Boxingislife” ใน Forexfactory.com ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th