Forexthai.in.th ย่อให้
- การลงทุนที่ดีต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความรู้ในการใช้เครื่องมือเทรด, การบริหารจัดการเงินทุน (Money Management), และจิตวิทยาการลงทุน (Psychology Investment)
- จิตวิทยาการลงทุน คือ การรับรู้ เข้าใจและฝึกฝนจัดการกับอารมณ์ที่ส่งผลต่อการเทรด ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาด Forex
- การไม่ใช้จิตวิทยาการลงทุนและการขาดการควบคุมอารมณ์ในการเทรด อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น การ Overtrade ที่ทำให้พอร์ตถูกล้างได้
- วิธีการฝึกฝนจิตวิทยาการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมคือ เปิดบัญชีสำหรับการฝึกฝนโดยเฉพาะ การควบคุมอารมณ์และปฏิบัติตามแผนการเทรดเดิมอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงขาดทุดติดต่อกันหรือช่วงโอกาสกำไรงาม
เราพักเรื่องเทคนิคการเทรด อินดิเคเตอร์กันบ้างนะครับ โดยบทความนี้เราจะมาเน้นในเรื่องของ “จิตวิทยาการลงทุน” ที่เทรดเดอร์หลายคนมองว่าไม่สำคัญเท่าการวิเคราะห์ แต่ขอบอกก่อนเลยว่าในตลาด Forex เราต้องรับมือทางจิตวิทยามากพอๆ กับการใช้ตรรกะในการวิเคราะห์เลยล่ะ
การลงทุนที่ดีเป็นยังไง?
พูดถึงการลงทุนแบบภาพรวมที่ดีนั้นต้องมีปงค์ประกอบอะไรบ้าง เพื่อให้เราประสบความสำเร็จและลดความเสี่ยงในการขาดทุน ผมก็ตกผลึกและคิดออกมาได้ 3 ปัจจัยหลักที่จะช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพที่ดีคือ…
1.คุณรู้จักเครื่องมือเทรดดีแค่ไหน (Indicator / Fundamental)
- เครื่องมือเทรดที่เราใช้ในการวิเคราะห์และรู้จักกันดีก็มี 2 ชนิดหลักๆ คือ เครื่องมือทางเทคนิคและเครื่องทางปัจจัยพื้นฐาน
- 2 เครื่องมือนี้ถ้าเรารู้จักการใช้งานของมันอย่างครบถ้วน มันจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของเราอย่างมาก ประโยชน์ที่ว่าก็คือการมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการวิเคราะห์คาดการณ์แนวโน้ม
2.การบริหารจัดการเงินทุน (Money Management)
- การบริหารเงินทุนเป็นอีกปัจจัยหลักที่จะทำให้การลงทุนของเรานั้นเกิดประสิทธิภาพที่ดีเพราะจะทำให้เราสามารถควบคุมความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมั่นคง
- การบริหารเงินทุนเราจำเป็นต้องทบทวนและปรับปรุงแผนการลงทุนอยู่เสมอเพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันให้ได้มากที่สุด
- อย่าลืมที่จะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เป็นหนึ่งในวิธีบริหารเงินและบริหารความเสี่ยงไปพร้อมกัน
3.จิตวิทยาการลงทุน (Psychology Investment)
- จิตวิทยาการลงทุนจะว่าด้วยเรื่องของอารมณ์และผลกระทบต่อการเทรดในเชิงจิตวิทยา
- ในบทความนี้เราจะเน้นข้อนี้เป็นพิเศษครับเพราะมันคือหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะตัดสินการลงทุนของเราได้เลยว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่
- ความสำคัญของจิตวิทยาการลงทุนนี้มันส่งผลชนิดที่ว่าถ้าขาดข้อนี้ไป ข้อที่ 1 และ 2 ก็แทบจะไม่ส่งผลอะไรต่อการลงทุนของเราเลยครับ

จิตวิทยาการลงทุนคืออะไร?
- จิตวิทยาการลงทุน หรือ จิตวิทยาการเทรด คือการทำความเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ที่ส่งผลต่อการเทรด โดยเฉพาะอารมณ์ “โลภ” และ “โกรธ” ซึ่งเป็นปัจจัยที่รุนแรงทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ล้มเหลว
- ความโลภในการเทรด Forex: เมื่อเห็นโอกาสในการทำกำไร ความโลภจะทำให้เราตัดสินใจเข้าเทรดแบบไม่รอบคอมหรือบางครั้งก็ Overtrade จนสร้างความเสี่ยงให้แก่พอร์ตซะอย่างนั้น
- ความโกรธในการเทรด: ส่วนใหญ่มักจะเกิดหลังจากเทรดแล้วขาดทุน จิตใจจึงสั่งให้เอาคืนเพราะมองว่าการเทรดขาดทุนนั้นไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของตัวเอง
- ความกลัวในการเทรดน่ากังวลไหม? น่ากังวลอยู่ครับ! แต่ถ้าเทียบกับความโลภและความโกรธแล้ว ความกลัวยังมีระดับความเสียหายน้อยกว่าเพราะอย่างน้อยก็แค่พลาดโอกาสทำกำไรไป

การฝึกหลักจิตวิทยาการเทรด
ก่อนจะมีแนวคิดในเชิงจิตวิทยการลงทุนได้เราต้องสร้างมันขึ้นมาก่อนครับ ซึ่งการเทรดที่ไร้แบบแผนจะทำให้เราไม่สามารถฝึกฝนจิตวิทยาในการลงทุนได้ครับเพราะเราไม่มีแนวทางให้ยึดเหนี่ยวในการเทรด มีหลักการง่ายๆ ที่ทีมงานอยากจะแนะนำการฝึกจิตใจต่อแผนการลงทุนที่มั่นคงและชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น
- เปิดบัญชีสำหรับการฝึกจิตวิทยาการลงทุนโดยเฉพาะ โดยลงเงินทุนไม่เกิน 5,000 บาท (หรือตามสะดวก) ให้สามารถฝึกฝนเทรดได้
- ฝึกการเทรดในบัญชีนี้ ดังนี้
- หากขาดทุนต่อเนื่อง ต้องเทรดในกลยุทธ์เดิมให้ครบ 5 ครั้ง อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยนแผนเทรด จะเปลี่ยน/ปรับปรุงแผนได้ก็ต่อเมื่อขาดทุนจนถึงระดับที่กำหนดไว้ เช่น ขาดทุน 20% ของพอร์ต
- หรือหากมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงการทำกำไรที่มากขึ้น ให้ใช้วิธีการเทรดแบบปกติ ไม่เพิ่ม Lot ไม่ Overtrade
- หากสามารถทำตามข้อ 2 ได้อย่างสม่ำเสมอ เชื่อว่าเทรดเดอร์จะเริ่มมีจิตวิทยาการลงทุนที่มั่นคงแล้วเพราะเราเริ่มต้านทานอารมณ์ในการเทรดได้
- นอกเหนือจากนี้เราสามารถฝึกฝนได้ด้านอื่นๆ ที่จะช่วยยกระดับในเชิงจิตวิทยาของเราได้ เช่น การฝึกฝนสมาธิในชีวิตประจำวัน จนสามารถรู้เท่าทันอารมณ์ต่างๆ และควบคุมได้

อันตรายจากการไม่ใช้จิตวิทยาการลงทุน
ในเมื่อเรารู้แล้วว่าจิตวิทยาการลงทุนนั้นมันสำคัญยังไงและถ้าเราขาดมันไปจะส่งผลยังไง? ก็พอจะมีตัวอย่างให้ดูคร่าวๆ ดังนี้ครับ
- หนึ่งในผลกระทบที่รุนแรงที่สุดคือการ”ล้างพอร์ต” ผมไม่ได้พูดเกินจริงหรือพยายามขู่ให้กลัวนะครับ แต่มันคือผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
- เมื่อเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์และไม่มีแผนการเทรดที่ชัดเจน โอกาสในการขาดทุนติดต่อกันก็จะตามมา จากนั้นก็จะหนักขึ้นไปอีกถ้าเราพยายามที่จะคืนทุนด้วยการ Overtrade และหลายคนก็ล้างพอร์ตจากการ Overtrade มาเยอะแล้วครับ
- ผลลัพธ์ต่อเนื่องจากการล้างพอร์ตคือเมื่อสถิติการเทรดของเราถูกบันทึกใน Track Record เครดิตความน่าเชื่อถือในการเทรดก็จะเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะคนที่เป็น Mentor
- และผลลัพธ์ที่จะตามมาอีกก็คือภาวะความเครียด+สุขภาพจิต ของเทรดเดอร์จนอาจจะส่งผลให้ วิตกกังวล นอนไม่หลับจนถึงการ Burn Out หมดไฟในการและล้มเลิกเส้นทางนี้ไปเลย

วิดีโอเกี่ยวกับจิตวิทยาของเงิน
“จิตวิทยาของเงิน” สรุปหนังสือ “The Psychology of Money” เครดิต By Escaping Ordinary (B.C Marx) Focus นาทีที่ 2:52-20:15
ชื่อหัวข้ออาจจะไม่ตรงกับเนื้อหาในบทความแบบเป๊ะๆ แต่วิดีโอนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องราว “จิตวิทยาของเงิน” วิดีโอนี้สรุปหนังสือ “The Psychology of Money” โดย Morgan Housel ซึ่งเน้นด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมมนุษย์ที่มีผลต่อการเงิน
- Focus นาทีที่ 2:52 ความมหัศจรรย์ของการทบต้น (เงินดอกเบี้ย)
- Focus นาทีที่ 5:53 การมองโลกในแง่ดี
- Focus นาทีที่ 7:41 โชคและความเสี่ยง
- Focus นาทีที่ 9:58 ความสุขที่แท้จริง
- Focus นาทีที่ 11:22 ความสำเร็จมักมาจากเหตุการณ์สำคัญเพียงไม่กี่เหตุการณ์
- Focus นาทีที่ 16:24 ราคาที่แท้จริงของการลงทุน
- Focus นาทีที่ 19:14 การตั้งเป้าหมายที่มั่นคง
สรุป
หากเปรียบเทียบความสำคัญของจิตวิทยาการลงทุนเป็นโดมิโนบนขั้นบันได มันก็คงจะอยู่บนขั้นบันได้สูงสุดเลยล่ะครับเพราะถ้าโดมิโนตัวนี้ล้มโดมิโนตัวอื่นๆ ก็จะรับผลกระทบไปด้วย (ก็คือด้านเครื่องมือการเทรดและ Money Management) ดังนั้นจึงแนะนำให้เทรดเดอร์จัดลำดับความสำคัญให้แก่ตัวเอง ว่าสิ่งไหนจำเป็นทีเราจะต้องฝึกฝนให้มากๆ
ซึ่งการฝึกจิตวิทยาการลงทุนอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เรามีความมั่นคงทางจิตใจและประสบความสำเร็จในตลาด Forex ระยะยาวได้ครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th