Forexthai.in.th ย่อให้

  • Williams % R หรือ WPR Indicator ที่ช่วยบ่งชี้สภาวะ Overbought/Oversold ในตลาด Forex
  • ใช้สูตรคำนวณจากราคาสูงสุด ต่ำสุด และราคาปิดใน 14 แท่งล่าสุด แสดงค่าตั้งแต่ 0 ถึง -100
  • สัญญาณซื้อเกิดเมื่อ WPR ต่ำกว่า -80 สัญญาณขายเกิดเมื่อสูงกว่า -20
  • ควรใช้ WPR ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ ไม่ควรใช้เพียงตัวเดียว
  • ควรใช้ WPR เทรดตามแนวโน้มหลักของตลาดจะปลอดภัยที่สุด รอให้สัญญาณครบตามระบบก่อนเข้าเทรด

WPR Indicator ใช้เป็นเห็นกำไร ได้ทุกสภาวะตลาด

Williams Percent Range หรือ WPR คือ อินดิเคเตอร์ (indicator) ในโปรแกรม MetaTrader ซึ่งมีให้ใช้ทั้ง MT4 และ MT5 อีกชื่อหนึ่งที่หลายคนชอบเรียกเครื่องมือตัวนี้ก็คือ Williams % R


การกำเนิดขึ้นของ WPR

Williams Percent Range หรือ WPR บางคนอาจรู้จักในชื่อ Williams % R แต่ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร มันก็คือเครื่องมือตัวหนึ่งที่จะช่วยให้มองเห็นจังหวะเข้าเทรดได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

อินดิเคเตอร์ตัวนี้ ถูกคิดค้นโดย Larry Williams นักลงทุนชาวอเมริกันที่โด่งดังมาก ๆ ในยุคนั้น เขาสามารถทำกำไรได้มากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์ภายในเวลาแค่ปีเดียว! ทั้ง ๆ ที่เริ่มต้นด้วยเงินทุนแค่ 10,000 ดอลลาร์เท่านั้น

Larry Williams ไม่ได้แค่เก่งเรื่องการเทรดเท่านั้น แต่เขายังมีความสามารถในการสร้างตัวบ่งชี้ที่เหมาะกับวิธีการลงทุนและการเทรดด้วย จนกระทั่งเขาได้พัฒนา Williams % R หรือ Williams Percent Range ขึ้นมา และมันก็ยังคงเป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้

 

ไม่มีใครวางแผนที่จะล้มเหลว แต่คนล้มเหลวส่วนใหญ่ มักไม่ได้วางแผน

 

 WPR มีวิธีการใช้งานอย่างไร

ภาพแสดงให้เห็นถึงเครื่องมือ WPR

อินดิเคเตอร์ WPR ทำงาน โดยแสดงให้เห็นสภาวะ Overbought (สภาวะการซื้อที่มากเกินไป) และ Oversold (การขายที่มากเกินไป) ซึ่งจะช่วยให้เห็นถึงจุดเข้า Buy และจุดเข้า Sell ได้แบบง่าย ๆ

ค่าที่ WPR แสดงจะอยู่ระหว่าง 0 ถึง -100 โดยเทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะใช้ระดับ -20 และ -80 เป็นจุดสำคัญ ที่แสดงให้เห็นถึงสภาวะซื้อหรือขายมากจนเกินไป

สูตรคำนวณ WPR หรือ Williams %R

%R = (Highest High – Close) / (Highest High – Lowest Low) * -100

อธิบายแบบบ้าน ๆ ก็คือ

  • Highest High คือ ราคาสูงสุดในช่วงเวลาที่เรากำหนด
  • Lowest Low คือ ราคาต่ำสุดในช่วงเวลาเดียวกัน
  • Close คือ ราคาปิดในปัจจุบัน

โดยระยะเวลาย้อนหลังที่นำมาคำนวณนั่นก็คือ 14 วันย้อนหลัง หรือ 14 แท่งเทียน แล้วแต่ว่าคุณจะตั้งค่าไว้ยังไง

อินดิเคเตอร์ WPR ใช้ราคาปิดในการนำมาคำนวณ นั่นแสดงว่าการวิ่งของอินดิเคเตอร์ มันอาจจะวิ่งช้ากว่าราคาปัจจุบัน หรือเป็นการวิ่งย้อนหลังเป็นค่าเฉลี่ย ดังนั้นควรใช้เครื่องมือนี้ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ ด้วย เพื่อความแม่นยำมากขึ้น

สัญญาณการซื้อขายจาก WPR

แสดงให้เห็นจุดที่มีนัยสำคัญ ที่เป็นสัญญาณในการ Buy หรือ Sell
  • เส้น WPR อยู่เหนือระดับ -20 เป็นสัญญาณ Sell
  • เส้น WPR อยู่ใต้ระดับ -80 เป็นสัญญาณ Buy

เงื่อนไขการเทรด ควรอยู่ภายใต้ระบบเทรด หรือการทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ เช่น

  • ถ้าตลาดเป็นไซต์เวย์หรือวิ่งอยู่ในกรอบ สามารถเทรดได้ทั้ง Buy และ Sell ตามสัญญาณ WPR เลย
  • ถ้าตลาดเป็นแนวโน้มขาขึ้น ให้ทำการ Buy เมื่อเกิดสัญญาณ ขายมากเกินไป หรือเส้น WPR อยู่ใต้ระดับ -80
  • ถ้าตลาดเป็นแนวโน้มขาลง ให้ทำการ Sell เมื่อเกิดสัญญาณ ซื้อมากเกินไป หรือเส้น WPR อยู่เหนือระดับ -20

และที่สำคัญ ไม่ควรเทรดสวนเทรนด์หรือแนวโน้มครับ

ทำไม WPR ถึงเป็นอินดี้ที่น่าใช้?

เป็นเครื่องมือหรืออินดิเคเตอร์ตัวหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความซับซ้อน แต่มีความชัดเจนเช่น การให้สัญญาณ Overbought และ Oversold เป็นสัญญาณยืนยันที่ใช้ได้จริง ไม่จำเป็นที่จะต้องตีความอะไรมากมาย

ซึ่งแตกต่างจากเครื่องมือบางตัว ที่ตัวเดียวใช้หลายความหมาย จึงอาจจะทำให้เกิดความสับสนและมีผลต่อการตัดสินใจ เพียงนำเครื่องมือตัวนี้มาใช้ยืนยันกับระบบที่ใช้อยู่ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเทรด หรือการวิเคราะห์ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น

 

ชีวิตคนเรา จะไปได้ไกลตราบเท่าที่เขาเชื่อมั่นใจตัวเอง

 

ตัวอย่างใช้ยืนยันการเข้าซื้อ/ขายด้วย WPR

  • ราคาวิ่งอยู่ในกรอบไซต์เวย์: สมมติว่าราคากำลังวิ่งอยู่ในกรอบ คุณอาจจะใช้แท่งเทียนกลับตัวร่วมกับแนวรับแนวต้านในการเทรดอยู่แล้ว ให้ลองเพิ่มเครื่องมือ WPR เข้าไปช่วยยืนยัน ถ้าเกิดสัญญาณแท่งเทียนกลับตัวที่แนวรับหรือแนวต้าน และ WPR ก็อยู่ในโซนที่เหมาะสม (เหนือ -20 หรือใต้ -80) ถือว่าเป็นสัญญาณที่ครบถ้วนตามระบบ สามารถทำการเข้าออเดอร์ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
  • ในตลาดที่มีเทรนด์: ให้มองหาจุดที่ราคาพักตัวแล้วมีสัญญาณกลับตัวใกล้ ๆ เส้นเทรนด์ ถ้า WPR ก็ให้สัญญาณ Overbought หรือ Oversold พอดี นั่นแหละ นับว่าเป็นจุดเข้าออเดอร์ตามแนวโน้มเช่นเดียวกัน
  • เทรดตามเทรนด์จะปลอดภัยที่สุด อย่าพยายามสวนเทรนด์แม้ว่า WPR จะบอกว่าโอเคก็ตาม
  • ถ้าสัญญาณไม่ครบตามระบบของคุณ อย่าเพิ่งเทรด! ระบบคือระบบ ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
  • อย่าใช้ WPR เพียงอย่างเดียว มันเป็นเครื่องมือที่ดี แต่ก็ไม่ได้วิเศษขนาดการันตีกำไรได้ทุกครั้ง ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ จะดีกว่า

ข้อควรระวัง

  • สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคือการเทรดทางเดียวกับแนวโน้ม แม้จะมีเครื่องมือที่ดีแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะเทรดสวนกับแนวโน้ม
  • ถ้าสัญญาณไม่ครบตามระบบของคุณ ไม่ควรเทรด! ไม่ว่าระบบเทรดใดก็ตาม ถ้าไม่มีสัญญาณครบตามระบบก็จะถือว่าไม่เป็นระบบ ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดไม่ควรเทรดด้วยว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
  • ไม่ควรใช้ WRP ในการเข้าเทรดเพียงอย่างเดียว แม้จะเป็นการยืนยันสภาวะซื้อมากเกินไป หรือขายมากเกินไป แต่ไม่ว่าทฤษฎีไหนก็ไม่สามารถที่จะการันตีผลตอบแทนหรือกำไรได้ เครื่องมือตัวนี้ก็เช่นกัน ไม่ควรที่จะใช้เทรดเพียงตัวเดียว แนะนำว่าให้ใช้ประกอบการเทรดหรือเพื่อยืนยันสัญญาณอื่น ๆ เพียงเท่านั้น

วิธีเปิดใช้โปรแกรม WPR

ภาพแสดงถึงขั้นตอนการการเปิดใช้งานของอินดิเคเตอร์ WPR
  1. มองไปทางซ้าย แล้วหาคำว่า indicator แล้วกด + เพื่อขยายตัวเลือก
  2. มองหาคำว่า Examples กด + ข้างหน้าเพื่อขยายตัวเลือก
  3. เลื่อนหาคำว่า WPR และทำการแดรกเมาส์เข้ามาในกราฟ
  4. จะมีหน้าต่างขึ้นมา สามารถปรับการตั้งค่าได้ตามต้องการ
  5. WPR พร้อมใช้งาน

 

ล้มเหลวมา 100 ครั้ง อาจจะไม่สู้สำเร็จได้เพียง 1 ครั้ง

 

สรุป วิธีใช้ WPR Indicator ใช้เป็นเห็นกำไร

WPR คือ Indicator อีกตัวที่น่าใช้ และควรนำไปประกอบกับระบบอื่น ๆ เพื่อยืนยันจุดเข้าซื้อหรือขาย เพราะการเทรดที่ดี จะต้องมีระบบ เมื่อมีสัญญาณครบจึงเข้า ไม่เทรดเพราะอยากเทรด แต่เทรดเมื่อเป็นไปตามระบบเท่านั้น เพื่อการเทรดเกิดขึ้นอย่างปลอดภัยเป็นไปตามแผน

เพียงเท่านี้ เทรดเดอร์ก็จะสามารถมีกำไร จากการใช้เครื่องมือที่เรียบง่าย มาประกอบกันจนเป็นระบบของตัวเอง ที่เหลือคือการทำซ้ำ ๆ อย่างมีวินัย

 

กำแพงเมืองจีน ไม่ได้สร้างเสร็จในเจ็ดวัน ความสำเร็จในชีวิตก็เช่นกัน

 

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments