Forexthai.in.th ย่อให้
- ROC Indicator คืออินดิเคเตอร์วัดโมเมนตัมที่ช่วยมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาได้ชัดเจน โดยคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์
- ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและโอกาสกลับตัว โดยดูการตัดเส้น 0 เป็นสัญญาณซื้อ-ขาย
- สามารถใช้เพื่อเทรดตามเทรนด์ หรือใช้หาจุด Overbought/Oversold และ Divergence เพื่อคาดการณ์การกลับตัวของราคาก็ได้
- มีประโยชน์หลากหลาย ใช้ง่าย ใช้ตัวเดียวได้ แต่การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณก็จะมีความแม่นยำมากขึ้น
- สามารถใช้งานได้ทั้งใน Tradingview และ MT5
อินดิเคเตอร์ Rate Of Change หรือ ROC คือ อินดิเคเตอร์วัดโมเมนตัม ที่ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาได้อย่างชัดเจน ด้วยการคำนวณอัตราการเปลี่ยนแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ ตามช่วงเวลาที่กำหนด ใช้วัดโมเมนตัมความแข็งแกร่งของแนวโน้ม โอกาสกลับตัวที่จะเกิดขึ้น นับว่าเป็นเครื่องมือเดียวสารพัดประโยชน์ก็ว่าได้
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
ROC indicator คืออะไร? ทำงานยังไง?
ROC เป็นอินดิเคเตอร์ประเภทโมเมนตัมที่วัดอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด โดยแสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์ ช่วยให้เรามองเห็น:
- แนวโน้มของตลาด
- ความแข็งแกร่งของเทรนด์
- โอกาสในการกลับตัวของราคา
การทำงานของ ROC นั้นจะตรงไปตรงมาเลยครับ คือ เส้น 0 เป็นเส้นกลางของเครื่องมือ เมื่อไหร่ก็ตามที่เส้นตัดขึ้นไปอยู่เหนือ 0 แสดงว่ามีแรง Buy และกราฟมีโอกาสขึ้นมากกว่าลง และเมื่อเส้นขัดลงต่ำกว่า 0 แสดงว่ามีแรง Sell และกราฟมีโอกาสลงมากกว่าขึ้น
ค่าเริ่มต้นของ ROC มักใช้ 12 หรือ 14 แท่งเทียนย้อนหลังในการคำนวณ แต่เราสามารถปรับได้ตามต้องการ
สูตรคำนวณ ของ ROC Indicator
นับว่า ROC เป็นอินดิเคเตอร์ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่อย่างใด มีสูตรการคำนวณอย่างตรงไปตรงมา ดังต่อไปนี้
ROC = [(ราคาปิดปัจจุบัน – ราคาปิด n แท่งก่อนหน้า) / ราคาปิด n แท่งก่อนหน้า] x 100
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราใช้ ROC 14:
- ราคาปิดวันนี้ = 105
- ราคาปิดเมื่อ 14 วันก่อน = 100
ROC = [(105 – 100) / 100] x 100 = 5%
จะได้ว่า ค่า ROC เป็นบวก 5% แสดงว่าราคาเพิ่มขึ้น 5% ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
วิธีเข้าเทรดโดยใช้ ROC
1. เทรดตามเทรนด์
ให้สังเกตการเคลื่อนที่ของเส้น ROC เทียบกับเส้น 0 ดังนี้ครับ
- ROC อยู่เหนือเส้น 0 แสดงว่าตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
- เมื่อ ROC อยู่ใต้เส้น 0 แสดงว่าตลาดมีแนวโน้มเป็นขาลง
ตัวอย่างที่ 1 จากในภาพ แสดงให้เห็นว่าเส้น 0 เป็นจุดกึ่งกลางของค่าเฉลี่ย โดยค่าที่ให้มากับอินดิเคเตอร์ใน Tradingview คือ 9 ส่วนใน MT5 คือ 12 หมายความว่าใช้ 9 หรือ 12 แท่งย้อนหลังในการคำนวณ เป็นค่าเฉลี่ยของวันก่อนหน้า เทรดเดอร์สามารถปรับตั้งค่าเองได้
เมื่อใดที่เส้นอยู่เหนือ 0 แสดงว่าราคาฝั่งซื้อหรือ Buy มากกว่าฝั่ง Sell และเมื่อใดที่เส้นอยู่ต่ำกว่า 0 แสดงว่าราคาฝั่ง Sell มากกว่าฝั่ง Buy แน่นอนว่าการเทรดตามเทรนด์หรือแนวโน้ม จะปลอดภัยกว่าเทรดสวนเทรนด์
ดังนั้นเทรดเดอร์อาจจะใช้สิ่งนี้เพื่อประกอบการพิจารณา เช่น กราฟในแนวโน้มใหญ่มีทิศทางอะไร แล้วใช้แนวโน้มจากการตัดเส้น 0 เป็นจุดเข้า จากในภาพ
- เมื่อเทรนด์ใหญ่เป็นขาขึ้น ให้รอจังหวะที่ ROC ตัดขึ้นเหนือเส้น 0 เพราะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าโมเมนตัมกำลังเปลี่ยนเป็นบวก และเป็นจังหวะที่ดีในการเข้า Buy
- ในทางกลับกัน หากเทรนด์ใหญ่เป็นขาลง ให้รอ ROC ตัดลงใต้เส้น 0 เพื่อเข้า Sell
เทรนด์คือเพื่อนที่ดีที่สุด
2. จังหวะ Overbought/Oversold
ROC สามารถใช้ในการระบุสภาวะ Overbought (ซื้อมากเกินไป) และ Oversold (ขายมากเกินไป) ได้เหมือนกันครับ ซึ่งช่วยให้เราหาจุดกลับตัวของราคาได้ แม้ว่า ROC จะไม่มีค่ามาตรฐานเหมือน RSI แต่เราสามารถประยุกต์ใช้ได้โดยการสังเกตระดับสูงสุดและต่ำสุดของ ROC ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
- กำหนดระดับ Overbought และ Oversold โดยดูจากค่า ROC สูงสุดและต่ำสุดในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมา
- เมื่อ ROC เข้าใกล้หรือทะลุระดับ Overbought มีโอกาสที่ราคาจะปรับฐานลง ให้พิจารณาเข้า Sell
- เมื่อ ROC เข้าใกล้หรือทะลุระดับ Oversold มีโอกาสที่ราคาจะดีดตัวขึ้น ให้พิจารณาเข้า Buy
ตัวอย่างที่ 2 จากในภาพ สัญญาณ Overbought และ Oversold นับว่าเป็นสัญญาณที่เชื่อถือได้และเกิดขึ้นบ่อย เพราะทุกครั้งที่มีสัญญาณนี้ จะเกิดการกลับตัวอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าอินดิเคเตอร์นี้อาจจะไม่ได้มีเส้นกำหนดมาให้ แต่เทรดเดอร์สามารถเพิ่มเองได้
โดยการสังเกตระดับราคาว่ามีบริเวณใดบ้างที่เมื่อมีราคามาแตะบ่อย ๆ จากในภาพใช้ระดับโดยประมาณที่ 3.00 กับ -3.00 เพื่อใช้วัดสภาวะซื้อมากเกินไป หรือขายมากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม ในการเข้าเทรดในคู่เงินที่มีความผันผวนสูง การใช้ ROC เพื่อหาจุด Overbought/Oversold ควรจะต้องระวังเป็นพิเศษครับ และควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น แนวรับแนวต้านสำคัญหรือรูปแบบแท่งเทียน เพราะมีโอกาสที่จะการเกิดสัญญาณหลอกสูงเลยทีเดียว
3. หา Divergence
Divergence คือความไม่สอดคล้องกันระหว่างราคาและค่า ROC เราจะใช้เพื่อคาดการณ์การกลับตัวของราคา ยิ่งในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูง การใช้ ROC เพื่อหา Divergence จึงมีประโยชน์อย่างมากเลยครับ
- Bullish Divergence: ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) แต่ ROC กลับไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่
- Bearish Divergence: ราคาทำทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) แต่ ROC กลับไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้
เมื่อเจอสัญญาณ Divergence แบบนี้ กราฟมีโอกาสที่จะกลับตัวหรือพักตัวนั่นเองครับ
ตัวอย่างที่ 3 จากในภาพ สัญญาณ Divergence อีกหนึ่งสัญญาณที่เกิดขึ้นบ่อย และมีความเชื่อถือได้ โดยสังเกตุยอดสวิงของราคาและอินดิเคเตอร์ ว่ามีมีความสอดคล้องกันหรือไม่ และเมื่อใดที่มีสัญญาณเกิดขึ้น เทรดเดอร์เตรียมหาจังหวะในการเข้าเทรดได้เลย
ประโยชน์ของ ROC
- สามารถใช้งานได้สารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการบอกแนวโน้ม ความแข็งแกร่งของแนวโน้ม สภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
- ไม่จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์หลายตัวให้สับสน เพียงตัวเดียวจบ
- มีให้ใช้หลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Tradingview และ MT5
ข้อควรระวัง
- แม้จะให้สัญญาณได้หลากหลาย แต่สัญญาณเหล่านี้ควรใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อเป็นการยืนยันในการเข้าเทรด
- เทรดเดอร์ควรฝึกฝนให้ชำนาญเสียก่อน ที่จะใช้เทรดในตลาดจริง
วิธีเปิด ROC ขึ้นมาใช้
อินดิคเตอร์ส่วนใหญ่ มีให้ใช้ในโปรแกรมหรือกระดานเทรด ที่ได้รับความนิยม ROC ก็เช่นกัน มีให้ใช้ทั้งใน Tradingview และ MT5 และโปรแกรมเทรดอื่น ๆ อีกมากมาย
วิธีเปิดใช้ใน Tradingview
ใน Tradingview นับว่าเป็นกระดานเทรด หรือโปรแกรมเทรดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากใช้วิเคราะห์กราฟได้ทุกตลาด และในการเทรด Forex ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน วิธีการเปิดให้คลิกไปที่ อินดิเคเตอร์ จากนั้นจะมีหน้าต่างให้ค้นหา ให้ค้นหาคำว่า ROC จะมีตัวเลือกอินดิเคเตอร์ สามารถคลิกเลือกได้เลย
วิธีเปิดใช้ใน MT5
ในโปรแกรม MT4 จะยังไม่มีให้ใช้ แต่เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้โปรแกรมเทรด ที่รองรับในทุก ๆ โบรกเกอร์ได้ใน MT5 มีวิธีเปิดใช้งานดังต่อไปนี้
- มองไปทางซ้าย หาคำว่า Indicator จากนั้นให้กด + เพื่อขยายตัวเลือก
- มองหาคำว่า Examples จากนั้นให้กด + เพื่อขยายตัวเลือกอีกครั้ง
- หาคำว่า ROC ทำการแดรกเมาส์เข้าไปในกราฟ
- จะมีหน้าต่างให้ปรับตั้งค่า โดยค่าที่ให้มาคือ Period 12 หรือนำ 12 แท่งย้อนหลังมาคำนวณ เทรดเดอร์สามารถปรับตั้งค่าได้ตามต้องการ
- อินดิเคเตอร์พร้อมใช้งานในทันที
สรุป Rate Of Change (ROC) มีไว้ ทำกำไรทุกกระบวนท่า
ROC คือ อินดิเคเตอร์สารพัดประโยชน์ ที่เทรดเดอร์สายเทคนิคจะมองข้ามไม่ได้ บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์เลือกใช้อินดิเคเตอร์หลาย ๆ ตัว หวังเพียงว่าจะใช้ให้เกิดความแม่นยำ แต่ในความเป็นจริงแล้วเครื่องมือเหล่านั้น อาจจะกำลังทำงานทับซ้อนกันอยู่
จะดีกว่าไหม ใช้เพียงเครื่องมือเดียวแต่ให้ข้อมูลที่สำคัญและต่อการเทรด เพียงใช้ควบคู่กับทฤษฎีหรือเทคนิคใด ๆ ในการมองกราฟเท่านั้น ก็จะสามารถเทรดได้อย่างปลอดภัยและมีกำไรดี อย่างแน่นอน
ทีมงาน Forexthai.in.th
Pingback: การใช้ Rate Of Change ขั้นพื้นฐาน - ThaiForexBroker