Forexthai.in.th ย่อให้
- หลักการของระบบ: เป็นระบบเทรดแบบ Trend Following เน้นเทรดตามแนวโน้มบน Timeframe H4
- เครื่องมือที่ใช้: ใช้ EMA 30 ตรวจสอบแนวโน้มและ Engulfing Candle หาสัญญาณเทรด
- เงื่อนไขการเข้าออเดอร์: ซื้อที่ราคาปิดเหนือ EMA 30 พร้อมกับการเกิด Bullish Engulfing ขายที่ราคาปิดใต้ EMA 30 พร้อมกับการเกิด Bearish Engulfing
- การตั้งค่า SL และ TP: ใช้ Fibonacci Retracement กำหนด SL แล้วใช้ Fibonacci Extension วาง TP
- จุดแข็งและจุดอ่อนของระบบ: จุดแข็งอยู่ที่ใช้งานง่ายบนมือถือ ส่วนจุดอ่อน SL จะค่อนข้างกว้าง
Simple H4 Mobile Trading System ระบบเทรดตัวนี้ใกล้เคียงกับการเทรดแบบ Position Trading โดยใช้กรอบเวลา H4 จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเทรดบนมือถือและไม่ต้องการเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา แต่ยังต้องการความแม่นยำในการเข้าออกออเดอร์ทุกครั้ง ไปดูกันเลยว่ามันมีวิธีการอย่างไรบ้าง
ข้อมูลเบื้องต้น
Simple H4 Mobile Trading System เป็นระบบเทรดที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้สะดวกบนมือถือ โดยเน้นที่ความเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพบนกรอบเวลา H4 เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดแบบไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา ซึ่งระบบนี้ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
- สัญญาณเข้าเทรด (Entry Signal) ด้วยแท่งเทียน Engulfing:
-
- หาสัญญาณการกลับตัวหรือสัญญาณการเทรนด์ต่อเนื่องจากแท่งเทียน Engulfing
- Bullish Engulfing ใช้เป็นสัญญาณซื้อ (Long Entry)
- Bearish Engulfing ใช้เป็นสัญญาณขาย (Short Entry)
- มองแนวโน้มตลาด (Trend Direction) ด้วย EMA 30:
-
- ใช้ EMA 30 ในการระบุแนวโน้มหลักโดยที่
- ราคาอยู่เหนือ EMA 30 ถือว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Long Bias)
- ราคาอยู่ต่ำกว่า EMA 30 ถือว่าเป็นแนวโน้มขาลง (Short Bias)
- การตั้งค่า Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) ด้วย Fibonacci:
-
- ใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement วัดจากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุดล่าสุด (ในขาขึ้น) หรือจากจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดล่าสุด (ในขาลง)
- ตั้ง SL ไว้ที่ระดับ 618 หรือ 0.786 เพื่อป้องกันการโดน Stop Out ง่ายเกินไป
- ตั้ง TP ที่ระดับ 272 หรือ 1.618 เพื่อให้ได้ RR ที่คุ้มค่า
- การบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk-Reward Management):
-
- เน้นให้ RR ไม่น้อยกว่า 1:2 เพื่อให้การเทรดมีกำไรแม้ชนะน้อยกว่า 50%
- วางแผนการเทรดโดยเสี่ยงไม่เกิน 2-3% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

Engulfing คืออะไร?
แท่งเทียน Engulfing เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick Pattern) ที่ได้รับความนิยมสูงในการเทรด Forex โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบหลัก ได้แก่:
1. Bullish Engulfing
ลักษณะ:
- เกิดขึ้นที่แนวโน้มขาลง (Downtrend) หรือในจุด Pullback ของแนวโน้มขาขึ้น
- แท่งเทียนแท่งที่สอง (แท่งเขียว) ต้องมีขนาดใหญ่กว่าแท่งแรก (แท่งแดง) โดยปิดราคาสูงกว่า High ของแท่งก่อนหน้าและเปิดราคาต่ำกว่า Low ของแท่งก่อนหน้า (กลืนกินแท่งแรกทั้งหมด)
- รูปแบบที่เกิดขึ้นนี้บ่งบอกถึงแรงซื้อ (Buy Pressure) ที่กลับมาอย่างรุนแรง
สัญญาณที่มีคุณภาพสูง:
- เกิดขึ้นบริเวณแนวรับ (Support) สำคัญ หรือบริเวณ Fibonacci Retracement (เช่น 0.618)
- มีปริมาณการซื้อขาย (Volume) สูงขึ้นเมื่อเกิดสัญญาณ
- แท่ง Engulfing มีขนาดใหญ่กว่าแท่งก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด

2. Bearish Engulfing
ลักษณะ:
- เกิดขึ้นที่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หรือในจุด Pullback ของแนวโน้มขาลง
- แท่งเทียนแท่งที่สอง (แท่งแดง) ต้องมีขนาดใหญ่กว่าแท่งแรก (แท่งเขียว) โดยปิดราคาต่ำกว่า Low ของแท่งก่อนหน้าและเปิดราคาสูงกว่า High ของแท่งก่อนหน้า (กลืนกินแท่งแรกทั้งหมด)
- บ่งบอกถึงแรงขาย (Sell Pressure) ที่เข้ามาอย่างรุนแรง
สัญญาณที่มีคุณภาพสูง:
- เกิดขึ้นบริเวณแนวต้าน (Resistance) สำคัญ หรือบริเวณ Fibonacci Retracement (เช่น 0.618)
- มีปริมาณการขาย (Volume) สูงขึ้นเมื่อเกิดสัญญาณ
- แท่ง Engulfing มีขนาดใหญ่กว่าแท่งก่อนหน้าอย่างชัดเจน

ทำไมต้องใช้ EMA 30
การเลือกใช้ EMA 30 ในระบบเทรดนี้มีเหตุผลที่ชัดเจนและเหมาะสมกับลักษณะของระบบเทรด ดังนี้
- ตอบโจทย์การวิเคราะห์แนวโน้มระยะกลาง (Medium-Term Trend Analysis)
-
- การใช้ EMA 30 บนกรอบเวลา H4 จะช่วยให้มองเห็นแนวโน้มระยะกลางได้ชัดเจน
- เหมาะสำหรับ Position Trading ที่เน้นการถือครองออเดอร์นาน 1-3 วันหรือหลายสัปดาห์
- กรองสัญญาณหลอก (Filter Out Noise) ได้ดี
- EMA 30 ช่วยกรองสัญญาณหลอกและการแกว่งของราคาที่ไม่สำคัญได้ดีในตลาดที่มีความผันผวน
- ไม่ไวเกินไปเหมือน EMA 10 หรือ EMA 20 ซึ่งมักให้สัญญาณบ่อยเกินไป (เยอะจนสับสน)
- ไม่ช้าเกินไปเหมือน EMA 50 หรือ EMA 100 ที่มักให้สัญญาณล่าช้า (เข้าเทรดไม่ทัน)
- ใช้ร่วมกับ Engulfing Candle ได้มีประสิทธิภาพ
- ช่วยยืนยันแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้นว่ากำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
- ผ่านการทดสอบแล้วว่าเหมาะสม (Proven Effectiveness)
- จากการ Backtest ระบบ พบว่า EMA 30 บน H4 ให้สัญญาณที่แม่นยำและเป็นกลางระหว่างการจับเทรนด์ระยะกลางและการเข้า-ออกที่ไม่ช้าเกินไป

การวัด Fibonacci Retracement
- กรณี Buy (แนวโน้มขาขึ้น):
-
- หาจุด Swing Low (จุดต่ำสุด) และ Swing High (จุดสูงสุด) ล่าสุดในแนวโน้มขาขึ้น
- ลาก Fibonacci จากจุด Swing Low (0%) ไปยังจุด Swing High (100%)
- จะได้เส้นแนวรับ (Support) ต่าง ๆ ที่ระดับ 0.236, 0.382, 0.500, 0.618 และ 0.786
- กรณี Sell (แนวโน้มขาลง):
-
- หาจุด Swing High (จุดสูงสุด) และ Swing Low (จุดต่ำสุด) ล่าสุดในแนวโน้มขาลง
- ลาก Fibonacci จาก จุด Swing High (0%) ไปยัง จุด Swing Low (100%)
- จะได้เส้นแนวต้าน (Resistance) ต่าง ๆ ที่ระดับ 236, 0.382, 0.500, 0.618 และ 0.786
การตั้งค่า SL และ TP
- กรณี Buy (แนวโน้มขาขึ้น)
- Stop Loss (SL): ตั้งไว้ที่ระดับ 0.618 หรือ 0.786 ของ Fibonacci Retracement เพื่อป้องกันการถูก Stop Out ง่ายเกินไป แต่ยังปลอดภัยจากการแกว่งตัวปกติ
- Take Profit (TP): ตั้งไว้ที่ระดับ 1.272 หรือ 1.618 ของ Fibonacci Extension (เหนือ 100%) ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ปลอดภัยและคุ้มค่าต่อ RR (Risk-Reward)
- กรณี Sell (แนวโน้มขาลง)
- Stop Loss (SL): ตั้งไว้ที่ระดับ 0.618 หรือ 0.786 ของ Fibonacci Retracement ช่วยลดการโดน Stop Out จากการย่อปกติ
- Take Profit (TP): ตั้งไว้ที่ระดับ 1.272 หรือ 1.618 ของ Fibonacci Extension (ต่ำกว่า 100%) เป้าหมายที่มั่นคงและมี RR ที่ดี
แนวคิดพื้นฐานของ RR
Risk-Reward Ratio (RR) หมายถึง สัดส่วนระหว่าง ผลตอบแทนที่คาดหวัง (Reward) และ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk) คือ
- RR = ผลตอบแทน / ความเสี่ยง: เช่น RR = 1:2 หมายความว่า ถ้าคุณเสี่ยง 1 USD คุณคาดหวังผลตอบแทน 2 USD
- ยิ่ง RR สูง ยิ่งดี: เพราะแม้จะชนะการเทรดไม่บ่อย แต่กำไรก็ยังชดเชยการขาดทุนได้
การบริหาร Risk-Reward ในการเทรดแต่ละไม้
1. กำหนดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง (Risk per Trade)
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเปิดออเดอร์ คือกำหนดว่าเราจะยอมเสี่ยงเงินเท่าไรจากพอร์ตการลงทุน แนะนำเสี่ยง 1-3% ของพอร์ตการลงทุนต่อการเทรดแต่ละไม้

ตัวอย่างการบริหาร Risk-Reward ในการเทรดจริง
- สมมุติว่าพอร์ตในบัญชีมีอยู่ 10,000 USD
- ยอมรับความเสี่ยงที่ 2% = 200 USD
- ตั้ง SL = 50 pips, ตั้ง TP = 100 pips (RR = 1:2)
- ค่า Pip Value = 10 USD
- ขนาด Position Size = 0.4 Lot
- หากเทรดนี้เป็นไปตามเป้าหมาย จะได้กำไร = 100 x 10 x 0.4 = 400 USD
- หากเทรดนี้ผิดทาง จะขาดทุน = 50 x 10 x 0.4 = 200 USD
- เมื่อต้องเทรดที่จำนวน 10 ไม้ จะเห็นได้ว่ามีกำไร แม้จะชนะเพียง 40-50% ของการเทรด
2. คำนวณขนาดออเดอร์ (Position Size) ให้เหมาะสม
การคำนวณขนาดออเดอร์ (Position Size) เป็นการวัดว่าเราควรเปิดออเดอร์ใหญ่แค่ไหน เพื่อให้ความเสี่ยงอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้

ตัวอย่าง:
- สมมุติว่าเงินในพอร์ตมีอยู่ 10,000 USD และยอมรับความเสี่ยงได้ที่ 2% = 200 USD
- หากต้องการตั้ง Stop Loss (SL) = 50 pips
- ค่า Pip Value = 10 USD (สำหรับคู่เงินที่มีค่า Pip Value คงที่ เช่น EUR/USD)
- จะสามารถเปิดออเดอร์ได้ที่ 0.4 Lot เพื่อให้ความเสี่ยงตรงตามที่กำหนด
3. ตรวจสอบ RR Ratio ก่อนเปิดออเดอร์
ควรมีการคำนวณ RR Ratio เพื่อให้มั่นใจว่าสัญญาณเข้าเทรดที่ได้นั้น มีความคุ้มค่าหรือไม่

ตัวอย่าง:
- เลือกเทรดเฉพาะสัญญาณที่คำนวณออเดอร์ที่มี RR Ratio ไม่น้อยกว่า 1:5 ขึ้นไป
- ยิ่งได้ค่า RR สูงเท่าไร ยิ่งมีโอกาสทำกำไรในระยะยาวได้มากขึ้นเท่านั้น
เงื่อนไขการเทรด
เงื่อนไขการเปิดและปิดออเดอร์ (Entry & Exit Conditions) มีดังนี้

กรณี Buy (Long Position)
- แนวโน้มตลาดเป็นขาขึ้น (Uptrend Confirmation):
- ราคาปิด (Candle Close) อยู่เหนือ EMA 30 บนกรอบเวลา H4
- แนวโน้มชัดเจนว่ากำลังขึ้น (Higher High, Higher Low)
- มีสัญญาณ Engulfing Candle แบบ Bullish (Bullish Engulfing):
- เกิดแท่งเทียน Bullish Engulfing ที่ระดับแนวรับ (Support) หรือหลังจากการย่อพักตัว (Pullback)
- ใช้ Fibonacci กำหนดจุดเข้า (Entry Point):
- ลาก Fibonacci Retracement จาก Swing Low (0%) ไป Swing High (100%)
- รอให้เกิด Bullish Engulfing ใกล้ระดับ 0.382, 0.500 หรือ 0.618 ของ Fibonacci
- เปิด Buy Order ที่โซนราคาปิดของ Bullish Engulfing
- เงื่อนไขการปิดออเดอร์ (Buy Exit Conditions):
- SL วางที่ ต่ำกว่า 0.618 หรือ 0.786 ของ Fibonacci Retracement
- TP1 วางที่ระดับ 1.272 ของ Fibonacci Extension
- TP2 วางที่เกินกว่าระดับ 1.618 ของ Fibonacci Extension (กรณีต้องการถือลากกำไร)

กรณี Sell (Short Position)
- แนวโน้มตลาดเป็นขาลง (Downtrend Confirmation)
- ราคาปิด (Candle Close) อยู่ใต้ EMA 30 บนกรอบเวลา H4
- แนวโน้มชัดเจนว่ากำลังลง (Lower High, Lower Low)
- มีสัญญาณ Engulfing Candle แบบ Bearish (Bearish Engulfing)
- เกิดแท่งเทียน Bearish Engulfing ที่ระดับแนวต้าน (Resistance) หรือหลังจากการดีดตัวขึ้น (Pullback)
- ใช้ Fibonacci กำหนดจุดเข้า (Entry Point)
- ลาก Fibonacci Retracement จาก Swing High (0%) ไป Swing Low (100%)
- รอให้เกิด Bearish Engulfing ใกล้ระดับ 0.382, 0.500 หรือ 0.618 ของ Fibonacci
- เปิด Sell Order ที่ราคาปิดของ Bearish Engulfing
- เงื่อนไขการปิดออเดอร์ (Sell Exit Conditions)
- SL วางที่สูงกว่า 0.618 หรือ 0.786 ของ Fibonacci Retracement
- TP1 วางที่ระดับ 1.272 ของ Fibonacci Extension
- TP2 วางที่เกินกว่าระดับ 1.618 ของ Fibonacci Extension (กรณีต้องการถือลากกำไร)
จุดอ่อนของระบบ
แม้ระบบเทรดตัวนี้จะถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพบนมือถือ แต่ก็มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ของตัวเองครับ ซึ่งจุดอ่อนที่ควรใส่ใจมีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเทรดในตลาด Sideway และช่วงข่าวสำคัญ
- ใช้ตัวกรองสัญญาณเพิ่มเติม (Confirmation Indicator)
- ตั้ง Position Size ให้เหมาะสมกับ SL ที่กว้าง
- ตั้ง Alert แจ้งเตือน และฝึกวินัยในการเข้าออกออเดอร์
- ควรปรับปรุงแผนการเทรดอย่างต่อเนื่อง

สรุป
ระบบ “Simple H4 Mobile Trading System” เป็นระบบเทรดที่เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ ด้วยวิธีการเทรดที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และเน้นการบริหารความเสี่ยงที่ดี เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดตามแนวโน้มโดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
เทรดเดอร์ท่านใดที่มีงานประจำอยู่แล้ว ระบบเทรดตัวนี่น่าจะตอบโจทย์ได้ดี หากมีวินัยในการเทรดและทำตามระบบอย่างต่อเนื่อง ผลลัพภ์ที่ได้คุ้มค่าแน่นอน เพียงแต่ต้องศึกษาทำความเข้าใจและทดสอบระบบดูก่อนนะครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th