หลังจากที่ทราบหน้าตาพื้นฐานของ Price action กันไปใน “Price action ใน Forex ตอนที่ 1” แล้ว ต่อมาเราจะมาดูวิธีการนำหลักการเหล่านั้นมาใช้เทรดในตลาด Forex เพื่อสร้างกำไรให้กับเทรดเดอร์ได้อย่างไรกันบ้าง
การศึกษาพฤติกรรมราคา (Price Pattern)
การสังเกตพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบต่างๆ คือการศึกษาพฤติกรรมราคา หรือที่เรียกว่า Price Pattern นั่นเอง วิธีนี้เป็นการมองหา “สัญญาณ” ว่าในอนาคต ราคามีโอกาสไปในทิศทางไหนมากกว่ากัน ซึ่ง Price Action ก็เปรียบเสมือนตัวพยากรณ์ว่าราคาจะขึ้นหรือลงนั่นเอง
สิ่งที่เราต้องการเพื่อนำไปสู่การคาดการณ์และส่งคำสั่งในการเทรด ประกอบด้วยพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาต่าง ๆ ทั้งรูปแบบ:
- รูปแบบแท่งเทียน
- แนวโน้มราคา
- แนวรับแนวต้าน
- และปัจจัยอื่นๆ
ถ้าทุกอย่างบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันหมด โอกาสที่ราคาจะเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ก็จะสูงขึ้น
ตัวอย่างของการใช้ Price action
มาดูตัวอย่างการใช้ Price Action กันดีกว่า โดยเราจะเน้นที่รูปแบบ Pinbar ซึ่งเป็นหนึ่งใน Price Pattern ที่นิยมใช้กัน
Price Action รูปแบบ Pinbar
Pinbar หรือ Pin Bar reversal มักจะเป็นจุดกลับตัวของแนวโน้ม แต่ก็ต้องระวังนะครับ บางครั้งก็มี Pinbar หลอกเกิดขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณเทรดที่ผิดพลาด

จากภาพตัวอย่างด้านบน ชี้จุดเฉพาะสัญญาณ pinbar ที่บอกจุดกลับตัว
- 2 สัญญาณแรกเป็นตัวอย่างของสัญญาณที่ถูกต้อง
- ขณะที่ 2 สัญญาณหลัง คือ สัญญาณ Pinbar ที่เป็นสัญญาณหลอก
การที่จะพิจารณาว่าเป็นสัญญาณ PinBar หลอกนั้น สามารถพิจารณาองค์ประกอบเสริม ณ การเทรด จุดนี้ได้ไม่ยาก เพราะว่า PinBar ที่เกิดขึ้น เกิดย้อนกับเทรนด์หรือก็คอเป็นการเทรดที่สวนเทรนด์ เทรดเดอร์ที่ดีต้องพิจารณาทิศทางของเทรนด์ประกอบด้วย ไม่ใช่เทรดตาม Pinbar แบบตรงไปตรงมา ยิ่งถ้า Pinbar เกิดขึ้นย้อนกับเทรนด์ ยิ่งต้องระวังให้มากๆ
ช่วงที่โอกาสชนะมากที่สุด
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ถ้าทั้งรูปแบบแท่งเทียน แนวโน้มราคา แนวรับแนวต้าน และปัจจัยอื่นๆ บ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันหมด โอกาสชนะในการเทรดครั้งนั้นก็จะมากขึ้นตามจำนวนสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ณ ขณะนั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราต้องพิจารณา คือ สัญญาณประกอบต่าง ๆ ในตัวอย่างผมได้ยกตัวอย่างของการใช้เทรนด์ในการประกอบทิศทางการเทรด เราจะไม่เทรดสัญญาณ Pinbar ที่สวนทางกับเทรนด์ และเราจะไม่เทรดสัญญาณ Pinbar ที่ไม่มีการยืนยันสัญญาณ
ตัวอย่างการเปรียบเทียบสถานการณ์
- รูปแบบแท่งเทียนบอกให้ซื้อ แต่แนวโน้มยังลงอยู่
- รูปแบบแท่งเทียนบอกให้ซื้อ และแนวโน้มเป็นขาขึ้น
แบบไหนน่าซื้อกว่ากัน? แน่นอนว่าต้องเป็นแบบที่ 2 ใช่ไหมครับ นั่นแหละครับตัวอย่างที่เรายกในภาพ นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้สัญญาณ Price Action ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ หรือใช้สัญญาณอื่น ๆ อีกด้วย แต่ก่อนอื่นเรามาดูตัวอย่างเกี่ยวกับการใช้สัญญาณยืนยันอีกสักตัวอย่างกันครับ

Review Broker Forex
วิเคราะห์ วิจารย์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อมูลจากการเทรดด้วยบัญชีจริง โดยทีมงานหลายคน ...
ตัวอย่างการวิเคราะห์ด้วย Price Action
ลองมาดูตัวอย่างการใช้ Price Action ในการวิเคราะห์กันครับ โดยใช้ 3 ปัจจัยในการคาดการณ์ทิศทางว่าช่วงนั้นราคามีโอกาสปรับตัวลงต่อ นั่นคือ:
- แนวโน้มขาลง
- แนวต้าน
- Pinbar
ถ้าทั้ง 3 อย่างนี้เกิดขึ้นพร้อมกัน (วงกลมสีแดง) นั่นคือจังหวะที่น่าเข้าเทรดมากๆ และมักจะเห็นว่าราคาปรับตัวลงต่อตามที่คาดการณ์ไว้

อันนี้เป็นตัวอย่างการใช้ Price action ในการเทรด Forex เบื้องต้น เทรดเดอร์ท่านใดสนใจที่จะศึกษาโดยการวิเคราะห์โดยใช้ Price Action หรือ การวิเคราะห์พฤติกรรมราคา ก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมต่อกันได้ในเว็บนี้นะครับ เราจะนำเอาข้อมูลและวิธีการต่างๆ มานำเสนอ จะคอยเป็นเพื่อนร่วมทางในการต่อสู่กับตลาด Forex แห่งนี้กันนะครับ
ข้อควรระวังในการใช้ Price Action
- อย่าเทรดสวนเทรนด์: แม้จะเห็น Price Action Pattern เกิดขึ้นแล้วคันมืออยากจะเข้าเทรดซักแค่ไหน แต่ถ้ามันสวนกับเทรนด์หลัก ก็ควรหลีกเลี่ยง
- รอการยืนยัน: อย่ารีบร้อนเข้าเทรดทันทีที่เห็น Pattern โดยปกติการเทรดรูปแบบ Price Action จะต้องมีการรอให้แท่งเทียนปิดและมีการยืนยันจากแท่งถัดไปก่อน
- ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจประกอบด้วย เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
- บริหารความเสี่ยง: ไม่มีระบบไหนที่ชนะ 100% เสมอไป อย่าลืมใช้ Stop Loss และบริหาร Position Size อย่างเหมาะสม
บทความแนะนำสำหรับผู้เริ่มเทรด Forex 
5 อันดับ Indicators Price action ยอดนิยม
Price action indicators คือ เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับผู้ซื้อขาย Forex เพื่อช่วยวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาด และหาโอกาสในการออก order ครับ ซึ่ง เราได้ทำการรวบรวม 5 อันดับ indicator ที่ช่วยในการวิเคราะห์ Price Action ยอดนิยมมาฝากกันครับ
1. Moving Averages
เป็นเครื่องมือยอดนิยมในหมู่ Trader เพราะมันจะช่วยระบุแนวโน้ม และแนวรับ/แนวต้าน ซึ่งคำนวณโดยใช้ราคาเฉลี่ยของคู่สกุลเงินในช่วงเวลาที่กำหนด ส่งผลให้ Trader เห็นภาพแนวโน้มได้ดีขึ้นนั่นเอง
2. Relative Strength Index (RSI)
สามารถระบุภาวะโซน overbuy/oversell ได้ โดยการดูเส้น RSI ที่จะแกว่งระหว่าง 0 ถึง 100 โดยค่าที่ต่ำกว่า 30 บ่งชี้สภาวะการขายมากเกินไป และการอ่านค่าที่สูงกว่า 70 บ่งชี้สภาวะการซื้อมากเกินไป
3. Bollinger Bands
Bollinger Bands เป็น indicator ที่ประกอบด้วยสามแถบ – แถบบน แถบล่าง และแถบกลาง – ซึ่งคำนวณจากส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของข้อมูลราคาในช่วงเวลาที่กำหนด
4. Fibonacci retracements
- Fibonacci retracements เป็นเครื่องมือยอดนิยมในหมู่ Trader ตัวหนึ่งเลย เพราะมันช่วยระบุแนวรับ/แนวต้านได้
- Fibonacci จะถูกคำนวณโดยการวาดเส้นแนวนอนระหว่างจุดสูง และจุดต่ำสุดของแนวโน้ม และหารระยะทางแนวตั้งด้วยอัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ เช่น 2%, 50% และ 61.8% เป็นต้น
5. Pivot points
Pivot point เป็น Indicator อีกตัวที่ช่วยระบุแนวรับ/แนวต้านได้ โดยพิจารณาจากพฤติกรรมราคาของวันก่อนหน้า โดยคำนวณจากราคาสูงสุด ต่ำสุด และราคาปิดของวันก่อนหน้า และสามารถให้แนวคิดแก่ Trader ว่าตลาดจะผันผวนที่ใดในวันถัดไป
อย่างไรก็ตาม Trader ควรศึกษาการทำงานของ Indicators เหล่านี้ให้ชำนาญก่อน จึงจะลงเทรดด้วยเงินจริงครับ เงินของท่าน จงบริหารความเสี่ยงให้ดีที่สุดครับ
สรุป
Price Action เป็นเครื่องมือที่ดีในการวิเคราะห์ตลาด Forex แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์ และการใช้งาน Price Action ร่วมกับ Indicators และการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการเทรดได้มาก
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรศึกษาการทำงานของเครื่องมือเหล่านี้ให้ชำนาญก่อนลงเทรดด้วยเงินจริง และที่สำคัญที่สุด อย่าลืมบริหารความเสี่ยงให้ดีที่สุดนะครับ เงินของท่านมีค่า อย่าเสี่ยงเกินกว่าที่รับได้

Nakrob Seareechon
บรรณาธิการ/Web master
ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเงิน พัฒนาระบบเทรดอัตโนมัติและพัฒนาเว็บไซต์ควบคู่การเทรดด้วยตนเอง
อ่านประวัติเพิ่มเติม
Krisorn Himmapan
Content Writer
ประสบการณ์เทรด Forex 12+ ปี จากพนักงานบริษัทสู่เทรดเดอร์อาชีพ เน้นกลยุทธ์ Long-term Trading
อ่านประวัติเพิ่มเติมทีมงาน: forexthai.in.th