Custom Moving Average คือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ที่เทรดเดอร์สามารถกำหนดหรือปรับแต่งได้ตามต้องการ เพราะการเทรดของเทรดเดอร์แต่ละคน ล้วนมีเทคนิคหรือวิธีการที่แตกต่างกัน อินดิเคเตอร์ตัวนี้ออกแบบมาให้ สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
ทำไมจะต้องใช้ Custom Moving Average
เทรดเดอร์ที่ใช้เส้น Moving Average หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ จะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีวิธีการใช้งานมากมาย Custom Moving Average ก็เป็นอินดิเคเตอร์เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ที่ไม่ได้แตกต่างจากเครื่องมืออื่น ๆ มากนัก เพียงแค่จะมีอิสระในการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการเทรดมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว เส้น MA ที่พบบ่อยจะมี Simple Moving Average (SMA), Weighted Moving Average (WMA),และ แ Moving Average (EMA) แต่จะมีไม่กี่ตัวที่นิยมใช้นั่นก็คือ EMA
ระบบเทรดที่ดี ไม่ใช่ระบบที่ซับซ้อน แต่เป็นระบบที่เรียบง่ายต่างหาก
ข้อดีของการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
- เป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง จากค่าที่กำหนด เช่น ราคาปิด ใช้เพื่อเปรียบเทียบราคาปัจจุบัน
- ราคาปัจจุบันสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง แสดงให้เห็นถึงนัยสำคัญว่ากราฟอาจจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น เพราะแรงซื้อหรือ Buy มากกว่าค่าเฉลี่ยนั่นเอง
- ราคาปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง แสดงให้เห็นถึงนัยสำคัญว่ากราฟแจจะเป็นแนวโน้มขาลง เพราะแรงขายหรือ Sell มากกว่าค่าเฉลี่ยนั่นเอง
- เทรดเดอร์หลายคนใช้เป็นแนวรับแนวต้านเคลื่อนที่
- สามารถใช้หลายเส้นควบคู่กันเป็นระบบเทรด เช่น ใช้เส้นค่าเฉลี่ยน้อย 5 วัน เพื่อตัดเส้นค่าเฉลี่ยจำนวนมาก 20 วันเป็นต้น
- เทรดเดอร์หลายคนใช้ ราคาเปิดปิด ราคาสูงต่ำ เพื่อประกอบกันวิเคราะห์ก็ทำได้
ข้อควรระวัง
- เครื่องมือประเภทค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แน่นอนว่าสามารถตีความและใช้ได้ดีทุกตลาด แต่เทรดเดอร์จำนวนไม่น้อยใช้ผิด เช่น ในช่วงที่ตลาดไซต์เวย์ แน่นอนว่าอาจจะดูยาก ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตามการมองแนวโน้มควรมองในแนวโน้มใหญ่ หรือค่าเฉลี่ยจำนวนมากเป็นหลัก
- เส้นค่าเฉลี่ยย้อนหลังระยะสั้น ใช้เพื่อดูจังหวะในการซื้อหรือขายเท่านั้น
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ เพราะเครื่องมือไม่ว่าจะเป็นค่าเฉลี่ยราคาสูงหรือต่ำ ราคาเปิดหรือปิด ล้วนมีความหมายตรงตัว ไม่ควรตีความให้สับสน เพื่อลดกระบวนการตัดสินใจให้แน่นอน
เหรียญมักจะมี 2 ด้านเสมอ…
ตัวอย่างในการนำเส้น MA ไปปรับใช้
โดยการนำเส้นค่าเฉลี่ยมาใช้ ในตัวอย่างนี้จะใช้ EMA เป็นหลัก โดยใช้เส้น EMA 8 เพื่อแสดงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 วันหรือ 10 แท่งก่อนหน้า เป็นตัวเคลื่อนที่เร็วที่ใช้แสดงแทนค่าสองสัปดาห์หรือ 10 วัน
ตัวต่อมาที่ใช้นั่นก็คือ EMA 20 ใช้แสดงค่าแทนแท่งเทียน 1 เดือน และอีกตัวใช้ EMA 60 แทนค่าของแท่งเทียน 3 เดือน… แน่นอนว่าการนำไปใช้ ขึ้นอยู่กับแนวคิดของเทรดเดอร์แต่ละคน ไม่มีถูกไม่มีผิด
ตัวอย่างการใช้ Custom Moving Average
ตัวอย่างที่ 1
จากในภาพ ตัวอย่างที่ 1 จะเห็นได้ว่าเทรดเดอร์สามารถปรับตั้งค่าได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Simple Moving Average (SMA), Weighted Moving Average (WMA), อีกทั้งยังสามารถอ้างอิงประเภทของราคา เช่น ราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ปรับเลือกค่าเฉลี่ยย้อนหลังกี่แท่งหรือกี่วัน.. สีเส้น ขนาดเส้น ก็สามารถปรับได้ ดังเช่นในตลาดอย่าง ใช้เส้น EMA 10 EMA 20 และ EMA 60 เพื่อใช้เทรด
ตัวอย่างที่ 2
จากในภาพ ตัวอย่างที่ 2 การซื้อขายด้วยเส้น EMA เส้นสีแดง EMA 10 ตัดเส้นสีเหลือง EMA 20 และทั้ง 2 เส้นตัดขึ้นอยู่เหนือเส้น EMA 60 เป็นสัญญาณให้ทำการ Buy และเมื่อทุกเส้นตัดลงเป็นสัญญาณเริ่มเปลี่ยนแนวโน้ม ให้ทำการปิดทำกำไร และหาจังหวะในการเข้า Sell
เส้น EMA ทุกเส้นมีนัยสำคัญ แต่เส้นที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด จะเป็นตัวแสดงแนวโน้มใหญ่ เช่น EMA 60 ที่ใช้แสดงถึงค่าเฉลี่ย 3 เดือน นั่นจึงแสดงให้เห็นว่าค่าเฉลี่ยใน 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาในปัจจุบันกำลังทำแนวโน้มอะไร นับว่าเพียงพอต่อการตัดสินใจ
ในการตั้ง EMA ตามค่าดังกล่าว เป็นเพียงการแนะนำหรือตัวอย่างในการนำไปใช้เท่านั้น ไม่แนะนำให้เทรดเดอร์นำไปใช้โดยที่ไม่มีการทดสอบ หรือเทรดเดอร์สามารถปรับค่าได้ตามแนวคิด เหตุผล หรือตามที่เห็นสมควร และจะต้องมีการทำสอบอย่างเป็นระบบก่อนใช้งานจริง
ความเข้าใจคือหัวใจของการเรียนรู้ ไม่ใช่การท่องจำ
วิธีเปิดใช้งาน
แน่นอนว่า Custom Moving Average มีให้ใช้ได้ทั้งใน MT4 และ MT5 โดยมีวิธีเปิดใช้ดังต่อไปนี้
- มองไปทางซ้าย หาคำว่า Indicator กด + ด้านหน้าเพื่อขยายตัวเลือก
- มองหาคำว่า Examples กด + ด้านหน้า
- มองหาคำว่า Custom Moving Average ทำการแดรกเมาส์เข้าไปวางไว้ในกราฟ
- ปรับตั้งค่าได้ตามต้องการ
- อินดิเคเตอร์พร้อมใช้งาน
สรุป
อะไรจะดีไปกว่า การสร้างระบบการเทรดในแบบของตัวเอง Custom Moving Average คือ เครื่องมือแรก ๆ ที่เทรดเดอร์ควรศึกษา เสมือนหนึ่งเครื่องปรุง ที่จะใช้ปรุงระบบเทรดให้อร่อย และอยู่กับมันไปตราบนานเท่าที่ยังทำกำไรได้
เส้นที่ตัดกัน ไม่อาจจะทำกำไรได้ทุกครั้ง แต่ถ้ามันเกิดจากแนวคิดของเทรดเดอร์เอง และทดสอบจนกระทั่งมันสามารถทำกำไรได้จริง หรือหาเหตุผลให้มันไห้ว่าเพราะอะไรถึงยังทำกำไรไม่ได้ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการพัฒนา ในที่สุดมันจะเป็นระบบที่ดีที่สุด ในแบบที่เราสร้าง และทำให้มันเป็น
ของดีอะไร ก็ไม่สู้ ของที่เราปรับใช้ให้เหมาะกับเราเอง
ทีมงาน: forexthai.in.th
