Forexthai.in.th ย่อให้

  • ในตลาด Forex มี volatility แต่ละช่วงต่างกัน ต้องเลือกเทรดให้ตรงช่วง
  • คู่เงินแต่ละคู่มีช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น คู่ JPY ควรเทรดช่วงตลาด Tokyo เปิด
  • ช่วงที่ตลาดหลัก overlap กัน เช่น London-New York (19.00-23.00 น.) มักมี volatility สูง เหมาะแก่การเทรด
  • ใช้ correlation ระหว่างคู่เงินและ Dollar Index ช่วยยืนยันจังหวะเทรด เพิ่มโอกาสทำกำไร

การเลือก คู่เงิน Forex

แม้ว่าตลาด Forex จะเปิด 5 วัน เทรดได้ทั้งวันจนกว่าตลาดปิด แต่การเปิดเทรดไม่ได้หมายความว่าจะมีโอกาสทำกำไรเสมอไป เพราะ คู่เงิน Forex ไม่ได้วิ่งตลอดเวลาที่ตลาดเปิด “สิ่งที่เราต้องการเวลาเทรดแต่ละคู่เงินคือ volatility (ความผันผวนของราคา)” ซึ่งจะทำให้ราคาวิ่งและเกิดโอกาสทำกำไรขึ้นมา

ราคาวิ่งเพราะมีเทรดเดอร์อยากเทรดเยอะ ทำให้ market orders มีมากขึ้น หรือก็คือ…เกิดความไม่สมดุลระหว่างออเดอร์ซื้อและขาย โอกาสการทำกำไรจึงเกิดขึ้น ไม่มีเทรดเดอร์คนไหนอยากให้ราคาวิ่งอยู่ในกรอบแคบ ๆ (ยกเว้นว่าจำเป็นต้องถือ position ที่เปิดไว้แล้ว)

แม้ว่าการทำกำไรจะมาจากการเปิดเทรดตอนราคาขึ้นหรือลงก็ตาม แต่ถ้าตลาดไม่ไปไหนเลยหรือวิ่งอยู่ในกรอบแคบๆ เป็นเวลานาน ก็จะยากที่จะทำกำไรได้

ตลาดกำหนดเวลาแต่ละช่วง แต่ละวัน

แม้ว่าเราจะสามารถเทรด forex ทั้ง 5 วันได้ตลอดก็ตาม แต่เมื่อแบ่งช่วงตลาดการเงินก็จะได้แค่ 4 ช่วงหลัก ๆ (ข้อมูลจาก forexfactory) ได้แก่

  • Sydney: 04.00-13.00
  • Tokyo: 07.00-16.00
  • London: 14.00-23.00
  • New York: 19.00-04.00

โดยแต่ละตลาดก็จะเกี่ยวกับค่าเงินหลัก ซึ่งพอตลาดเปิด ก็จะเพิ่ม volatility ยิ่งถ้ามีตลาดอื่นเปิดมาช่วงเวลาเดียวกันด้วย volatility ก็ยิ่งพุ่ง เราจะเรียกช่วงเวลาแบบนี้ว่า “ช่วง “overlapping”

คลังคำศัพท์ เกี่ยวกับ Forex และการลงทุน ที่ควรรู้ เรียงตามลำดับอักษร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เราตั้งใจทำให้ง่ายต่อการค้นหา...

รีวิวโบรกเกอร์ Forex จากการทดสอบระบบในแง่มุมต่างๆด้วยบัญชีจริง เทรดจริง เราตั้งใจทำเพื่อเคียงข้างเทรดเดอร์อย่างแท้จริง...

แต่ละคู่เงินที่จะเทรดก็จะมี “ช่วงทอง” ของมัน ต้องเลือกเทรดให้ถูก เช่น

  • คู่เงินที่เกี่ยวกับ AUD NZD JPY (อย่าง AUDUSD NZDUSD AUDJPY) จะเทรดได้ดีช่วง Sydney + Tokyo ยิ่งเป็นช่วง overlap กัน volatility ก็จะเพิ่มขึ้น
  • EUR GBP CHF (เช่น EURUSD GBPUSD) ก็จะวิ่งดีช่วงตลาดยุโรปเปิด (14.00)
  • USD CAD XAU ก็จะวิ่งแรงช่วงที่ตลาดอเมริกาเปิด (19.00) เช่น USDJPY EURUSD GBPUSD USDCAD CADJPY เป็นต้น

เนื่องจากตลาดการเงินยุโรปและตลาดอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ของโลก ก็เลยทำให้ volatility มีเยอะ ราคาจะวิ่งค่อนข้างแรง ยิ่งเป็นช่วงที่ overlap กันด้วย

เลือกคู่เงินให้สัมพันธ์กับช่วงเวลาเปิดปิดตลาด Forex

การเลือก คู่เงิน Forex
ช่วงเวลาที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์คเปิด สังเกตว่าวอลุ่มและเทรนด์จะมากกว่าช่วงเวลาปกติ

แม้ตลาด Forex จะเปิดให้เทรดได้ทั้ง 5 วัน แต่วอลุ่มการเทรดจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาที่ตลาดแต่ละที่เปิด-ปิด เมื่อช่วงไหนตลาดเปิด วอลุ่มการเทรดก็จะมากขึ้น เช่น EURUSD กับ GBPUSD จะเห็นว่าวอลุ่มและเทรนด์มักจะชัดช่วงตลาด London และ New York  volatility ไม่ได้เยอะตลอดวัน และแต่ละช่วงก็ต่างกันออกไปด้วย

เลยทำให้การเทรดแต่ละช่วงเวลาเปิด-ปิดตลาดของแต่ละ คู่เงิน Forex ต่างกันออกไป

  • ช่วงตลาดเอเชีย: คู่เงินที่เกี่ยวกับค่าเงิน AUD NZD JPY เช่น USDJPY AUDJPY NZDUSD EURAUD
  • ช่วงตลาด London: คู่เงินที่เกี่ยวกับค่าเงิน EUR GBP CHF เช่น GBPUSD, EURCHF, USDCHF, GBPJPY, EURUSD เป็นต้น
  • ช่วงตลาด New York: คู่เงินที่เกี่ยวกับค่าเงิน USD CAD XAU เช่น EURUSD, USDCAD, EURCAD จะมาแรง

Volatility แต่ละวันไม่เหมือนกัน

สำหรับตลาด Forex เรื่อง volatility แต่ละวันนั้นไม่เหมือนกันเลย บางวันก็เงียบ บางวันก็คึกคัก และที่สำคัญคือ ได้รับผลกระทบจากข่าวสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานหรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของค่าเงินประเทศนั้น เช่น ข่าว Non-Farm Employment ที่ออกทุกศุกร์แรกของเดือน คู่เงินที่เกี่ยวกับ USD อย่าง EURUSD ทั้งสัปดาห์ก็จะไม่ค่อยมี volatility เท่าไร แต่พอข่าวออกปุ๊บ ตลาดก็กลับมาวิ่งแรงทันที!

ผมเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า “การวิ่งรอข่าว” คือราคาจะไม่เลือกทาง และ sideway อยู่ในกรอบจนกว่าข่าวจะประกาศ

บทความแนะนำสำหรับผู้เริ่มเทรด Forex 

นอกจากเรื่องช่วงเวลาเปิด-ปิดของตลาด ต้องดูเรื่อง volatility ที่เกิดแต่ละวันด้วยว่าเกิดขึ้นมากพอที่จะเทรดหรือเปล่า นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่า เทรดเดอร์ชอบดูว่า “ขาใหญ่” เข้าเทรดหรือยัง? แล้วจึงเปิดเทรดตาม เพราะถ้ามี volatility มาก ราคาก็มีโอกาสวิ่งแรงไปทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่แค่วิ่งวนๆ อยู่ในกรอบแคบๆ หรือ sideway

ช่วงเวลาไหน เทรด คู่เงิน Forex ไหนดี?

กรอบของแต่ละช่วงเวลาที่ตลาดแต่ละแห่งเปิด

อย่างที่บอกไปว่า volatility ไม่ได้มีมาตลอด ดังนั้นการเลือกคู่เงินให้เข้ากับช่วงเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก เช่น

  • ช่วงตลาด London + New York: คู่เงิน EURUSD GBPUSD USDCAD ลองสังเกตกรอบเวลาตลาดที่ชาร์ตประกอบกับ volume ที่อยู่ด้านล่างของแต่ละช่วง
  • ช่วง Asia (Sydney + Tokyo): คู่เงิน AUDUSD AUDJPY NZDUSD NZDJPY AUDNZD ที่เกี่ยวกับค่าเงิน AUD NZD JPY

ช่วงที่เหมาะกับการเทรดมากที่สุด คือช่วงที่ตลาด 2 แห่ง overlap กัน เช่น

  • Sydney กับ Tokyo (07.00-13.00 เวลาไทย)
  • Tokyo กับ London (14.00-16.00)
  • London กับ New York (19.00-23.00)

จากภาพ จะเห็นว่าแต่ละคู่เงินที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 ช่วงตลาดก็จะมี volatility มากขึ้น เป็นช่วงที่เทรดเดอร์ชอบเทรดกันเพราะราคาวิ่งดี  ดังนั้นการเลือกเทรดต้องดูช่วงเวลาเปิด-ปิดตลาดของแต่ละคู่เงิน ยิ่งมีการ overlap เข้ามาด้วยยิ่งดี

London breakout “จังหวะทอง” ช่วงเปิดตลาดยุโรป

ตลาดยุโรปและอเมริกาถือว่าเป็นตลาดการเงินหลักที่ใหญ่ที่สุด พอเปิดปุ๊บ volatility ก็พุ่งเยอะเป็นเรื่องปกติ ในหนึ่งวันจะเริ่มด้วยตลาด Sydney ตอน 04.00 น. คู่เงินที่เกี่ยวกับ AUD NZD จะเริ่มขยับ แต่ยังไม่แรงมาก ที่เห็นก็คือ spread เริ่มถ่างมากขึ้น

พอตลาด Tokyo เปิด (เวลา 07.00) ขึ้นมาคาบเกี่ยวกัน ก็จะเริ่มมี volatility จากทางตลาด Asia เข้าไป แต่ก็ยังไม่สู้ London กับ New York

ดังนั้น พอตลาด London เปิด นักเทรดที่รู้จังหวะ จะใช้ “กลยุทธ์การเทรด London Breakout” คือดู 1-3 ชั่วโมงแรกว่า GBPUSD เบรคช่วง Asia ไปทางไหน แล้วก็เทรดตามทิศทางนั้นทั้งวัน เพราะช่วงนี้ volatility สูงกว่าตลาด Asia มาก ราคามักจะวิ่งแรงไปทางใดทางหนึ่ง

ข่าวกระทบต่อเรื่อง volatility แต่ละคู่เงิน

ตัวอย่างช่วงข่าว Non-Farm Employment และการวิ่งของราคา ในแต่ละคู่เงิน (USD)

แม้ว่าตลาด Forex จะให้เทรดได้ 5 วัน แต่ข่าวเศรษฐกิจและการเมืองสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับค่าเงินวันนั้น สามารถสร้าง high volatility กระทบแต่ละคู่เงินได้ แต่เรื่องของข่าวก็มีข้อดีคือเมื่อ volatility เกิดขึ้นมาก ก็จะทำให้ราคาวิ่งได้เร็วขึ้น ก็จะเป็นโอกาสเมื่อเห็น trade setup ที่เข้ากับช่วงข่าว

ถ้าเข้าใจเรื่องออเดอร์ทำงานอย่างไร ก็จะช่วยให้เทรดตามแบบ “ขาใหญ่” ได้ ข่าวและผลกระทบสามารถดูได้จาก forexfactory ที่มีการนำเสนอทุกวันพร้อมทั้งบอกว่าแต่ละข่าวมีผลกระทบระดับไหน หรือดูผลที่ชาร์ตย้อนหลังเพื่อทำความเข้าใจ

ยกตัวอย่างเช่น ข่าว Non-Farm Employment ของเดือนกรกฏาคม ที่ส่งผลโดยตรงต่อค่าเงิน USD คู่เงินที่เกี่ยวข้อง เช่น EURUSD GBPUSD USDJPY USDCAD จะมีโอกาสทำกำไรเพราะราคาวิ่งเป็นพันจุดในเวลาสั้น ๆ  ถ้าถูกทางก็กำไร ถ้าผิดทางก็เจ็บหนักถ้าไม่มี stop loss

 Review Broker Forex

วิเคราะห์ วิจารย์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อมูลจากการเทรดด้วยบัญชีจริง โดยทีมงานหลายคน ...

ใช้เรื่อง correlation ช่วย

ข้อดีเมื่อเราใช้ประโยชน์จากเวลาเปิดปิดตลาด คือ “เราสามารถใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างคู่เงินต่างๆ ได้” ด้วยความที่มีหลายสินค้าให้เลือกเทรด คุณสามารถใช้ประโยชน์จากการ correlation กับ Dollar Index ได้ เดี๋ยวนี้โบรกเกอร์ส่วนมากก็จะมี Dollar Index มาให้เทรดด้วย สามารถเอามาใช้เปรียบเทียบได้

price level ที่เกิดใน EURUSD และ USDCHF เป็นแบบเดียวกัน DXY แสดงว่ามีการเข้าเทรด ณ จุดนั้นจริง

ถ้าเราเห็น price level ของคู่เงิน USD เคลื่อนไหวเหมือนกับ Dollar Index นั่นหมายถึงการบอกว่า “จุดนั้นมีการเข้าเทรดจริง” เช่นภาพตัวอย่างด้านบน price level ที่เกิดใน EURUSD และ USDCHF เป็นแบบเดียวกัน DXY ถ้า price structure คล้ายกัน ในเวลาเดียวกัน แสดงว่ามีการเข้าเทรดจริงที่จุดนั้น ช่วยให้เห็นภาพรวม และเทรดคู่เงินได้ง่ายขึ้น

หรือเป็นการ correlation คู่เงินด้วยกัน (ตัวอย่างภาพด้านล่าง) คู่เงินที่เกี่ยวกับ GBP ด้วยการดูว่า price structure แบบเดียวกันเกิดขึ้นหรือเปล่า และ reaction เกิดขึ้นเป็นอย่างไรก็จะช่วยให้มองเห็นภาพรวมในการเข้าเทรดได้ว่าว่าแต่ละวัน หรือแต่ละช่วงได้ง่าย ด้วยการดู correlation ประกอบกัน

 correlation
การดู correlation ของคู่เงิน GBP

สรุปก็คือ ถ้าคุณรู้และเข้าใจเวลาเปิดปิดตลาดและความสัมพันธ์ของคู่เงินต่างๆ ก็จะสามารถประยุกต์เพื่อนำมาเลือกใช้วิธีการเทรด เพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้มากขึ้นได้

แนะนำ EA Forex ที่ใช้กลยุทธ์ London Breakout

เอาล่ะครับ… เทรดเดอร์หลาย ๆ คนอาจจะไม่สะดวกเทรดในช่วงเวลาที่ตลาดลอนดอน-ญี่ปุ่นเปิดปิด แต่ก็ยังอยากทำกำไรจากเทคนิคนี้อยู่ เราจึงขอแนะนำ Soulution ในการแก้ปัญหาแบบง่าย ๆ ครับ ในเมื่อคนไม่สะดวกเทรดก็ให้ EA ทำให้ซะสิครับ…

โดย EA ตัวนี้มีชื่อว่า KT London Breakout ครับ มันตรงตามชื่อเลยเพราะมันใช้กลยุทธ์ London Breakout เอาเขียนเป็น EA ที่สามารถใช้ได้ MT4 และ MT5 ซึ่งข้อดีของ EA ตัวนี้คือมันมีตัว Filter ที่ช่วยควบคุมความเสี่ยงอยู่ 4 ตัวด้วยกัน ได้แก่

  1. Trend Filter: ถ้าใส่ true, EA จะไม่เทรดในตลาดที่เป็นเทรน
  2. Volatility Filter: อ้างอิงจากค่า volatility coefficient, EA จะไม่เทรดเมื่อเราตั้งค่า volatility เท่านี้ เท่านี้ (แล้วแต่เราจะตั้ง).
  3. Vortex Filter:  ถ้าใส่ true, EA จะเทรดก็ต่อเมื่อตลาดเป็นไปตาม bullish หรือ bearish bias.
  4. MMI Filter: The Market Meanness Index สามารถวัดความเสี่ยงในตลาดได้ ถ้าใส่ true, EA จะไม่เทรดถ้าตลาดดูแล้ววิ่งแบบจับทางไม่ได้

หากอ่านแล้วสนใจเนี่ย สามารถเข้าไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

สรุป

การเลือก “คู่เงิน forex” เทรดตามช่วงเวลาที่ตลาดเปิด-ปิด จะทำให้มีโอกาสทำกำไรจาก Volatillity ของตลาด Forex ได้ ทั้งนี้มันก็จะมีความเสี่ยงตามเทคนิคที่ใช้เทรด แต่ข้อดีคือมันค่อนข้างจะทำกำไรได้ไว ซึ่งเหมาะกับการเทรดแบบ Breakout หรือ Scalping ครับ… ปัจจุบันก็มี EA ประเภทนี้ออกมาให้เห็นหลายตัว เช่น London Breakout ที่กล่าวมาเป็นต้น

Nakrob Seareechon

บรรณาธิการ/Web master

ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเงิน พัฒนาระบบเทรดอัตโนมัติและพัฒนาเว็บไซต์ควบคู่การเทรดด้วยตนเอง

Krisorn Himmapan

Content Writer

ประสบการณ์เทรด Forex 12+ ปี จากพนักงานบริษัทสู่เทรดเดอร์อาชีพ เน้นกลยุทธ์ Long-term Trading

Nakrob Seareechon
บรรณาธิการ/Web master

ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเงิน พัฒนาระบบเทรดอัตโนมัติและพัฒนาเว็บไซต์ควบคู่การเทรดด้วยตนเอง

อ่านประวัติเพิ่มเติม

Krisorn Himmapan
Content Writer

ประสบการณ์เทรด Forex 12+ ปี จากพนักงานบริษัทสู่เทรดเดอร์อาชีพ เน้นกลยุทธ์ Long-term Trading

อ่านประวัติเพิ่มเติม

ทีมงาน: forexthai.in.th

 

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments