Forexthai.in.th ย่อให้
- Bid Price คือราคาที่เราขายได้ ส่วน Ask Price คือราคาที่เราต้องจ่ายเมื่อซื้อ
- Spread คือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Ask) และราคาขาย (Bid) ในตลาด Forex
- Spread ในตลาด Forex แบ่งเป็น Fixed Spread คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง และ Variable Spread แปรผันตามสภาพตลาด
- เลือก Broker ที่มี Spread ต่ำ ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะยาว
Bid, Ask, และ Spread เป็นกลุ่มคำศัพท์ที่ใช้ในตลาด Forex บ่อยมากที่สุดสำหรับการเทรด Forex ชุดคำศัพท์ Bid Price, Ask Price, bid/ask spread (spread) ในบทความนี้จะพูดถึงความแตกต่าง ประโยชน์ และข้อควรระวังในการเทรด Forex ซึ่งจะเป็นอย่างไร บอกอะไรเราได้บ้าง คำศัพท์เหล่านี้เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเทรดนะครับ
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
Ask Price คืออะไร
คำแรกที่เราจะต้องศึกษาความหมายกันก่อนคือคำว่า Ask price คือ ราคาที่คุณจะซื้อ (buy) ที่โบรกเกอร์เสนอให้เรา ask ใช้กับการเปิดการซื้อ-ขายแบบ long หรือ buy ราคานี้จะมีค่าอยู่ในช่องทางขวามือของราคา
เช่น EUR/USD เป็น 1.31176/1.31233 Ask Price คือ ราคา 1.31233 นั่นเอง ความหมายของตัวอย่างนี้คือ เราสามารถ buy 1 ยูโรโดยใช้เงิน 1.31233 ดอลล่าร์ บางทีเราก็เรียกราคาตรงนี้ว่า offer price ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นถนัดในการเรียกราคาแบบไหน
ข้อสังเกตุง่าย ๆ ของ Ask Price ดังภาพข้างต้นจะเห็นว่า มีราคาอยู่ 2 ช่อง แต่เราได้ราคาที่แพงกว่าเสมอ ทำไมมันเป็นแบบนั้น ก็เพราะว่า คนที่ขาย เขาอยากขายราคาแพงยังไงหล่ะ เพราะว่าถ้าขายราคาถูกกว่านี้ โบรคเกอร์ก็ไม่ได้ค่าธรรมเนียมสิ เอ๊ย! ราคาก็จะไป Match กับออเดอร์ที่ราคาถูกทางด้านซ้ายหน่ะสิ
Bid Price คืออะไร
คำที่สอง คือคำว่า Bid price โดย Bid price คือ ราคาตลาด หรือ ราคาที่เราใช้ในการซื้อกันในตลาด forex ที่เป็นราคาปัจจุบัน โดยราคานี้จะอยู่ทางด้านซ้ายมือของราคาที่มีการโชว์ให้เราเห็น
เช่น ถ้าเป็น EUR/USD เป็น 1.31176/1.31233 ราคา Bid price คือตัวเลข 1.31176 นั่นก็คือ ราคาที่คุณจะขาย(sell) ที่โบรกเกอร์เสนอให้เรา Bid ใช้กับการเปิดการซื้อ-ขายแบบ short หรือ sell ความหมายของตัวอย่างนี้คือ เรา sell 1 ยูโรแล้วเราจะได้เงิน 1.31176 ดอลล่าร์
ถ้าหากว่าราคา Bid แพงกว่า Ask Price เมื่อไหร่เราก็ซื้อแล้วก็ขายได้เลย โดยได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาทันที แต่มันไม่มีหรอกครับ เงื่อนไขนี้เกิดขึ้นไม่ได้ และไม่มีทางเป็นไปได้ ราคา Bid จะต่ำกว่าราคา Ask เสมอ
spread หรือ bid/ask spread คืออะไร
คำนี้จริง ๆ แล้วมักจะเรียกว่า Spread มากกว่า bid/ask spread ความหมายคือ “ส่วนต่างระหว่างราคา ซื้อกับราคาขาย” (คือ bid และราคา ask) โดยปกติแล้วเราจะเอาตัวที่อยู่หลังทศนิยมมาใช้ในการพูด เพราะว่ามันง่ายต่อการที่เราจะพูดและเขียนเพื่อใช้เป็นราคาอ้างอิง
ยกตัวอย่างเช่น AUD/JPY 96.145/96.162 ก็จะนำมาเขียนให้อยู่ในรูปแบบนี้คือ 145/162 เป็นต้น
การนับ Spread จะนับค่าเป็น pip และเปรียบเหมือน “ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายค่าอัตราแลกเปลี่ยนแต่ละครั้ง” โบรกเกอร์จะได้เงินจากส่วนต่างระหว่าง bid และ ask เพราะเราต้องเปิดการซื้อ(แบบ long) ที่ ask แต่เมื่อจะขายปิดการซื้อจะต้องขายที่ bid ครับ
ส่วนการซื้อ-ขายแบบ short ก็ตรงข้ามกัน เช่น GBP/USD เป็น1.7445/1.7448 ราคา bid ของ GBP/USD คือ 1.7445 และ ราคา ask คือ 1.7448 ถ้าเราจะซื้อต้องซื้อที่ 1.7448 และถ้าจะขายปิดออเดอร์ต้องขายที่ 1.7445 แปลว่าเราต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 3 pips และต้องจ่ายทุกๆครั้งในการเปิดออเดอร์ครับ
การเข้าออเดอร์ไม่ว่าจะ BUY หรือจะ SELL ในตอนแรกออเดอร์ของเราจะติดลบก่อน ซึ่งนั่นมาจากค่า Spread หรือช่องกว้างระหว่าง Bid และ Ask โดยเราจะต้องเสียค่า Spread เป็นค่าคอมมิชชั่นให้กับทางโบรกเกอร์ นี่คือสิ่งที่ทำให้โบรกเกอร์รวย
ดังนั้น การเปิดการซื้อขายแต่ละครั้งต้องคิดเผื่อการจ่ายค่าสเปรดด้วย ยิ่งสเปรดต่ำจะยิ่งดี
ในการเทรดนั้น เราต้องคัดเลือกโบรคเกอร์ที่มี Spread ต่ำสุด เพราะว่ามันคือ “ต้นทุน” ของเทรดเดอร์ การเลือก Spread นั้น เดี๋ยวนี้เราก็ไม่ต้องไปเปิดบัญชีทุกโบรกเกอร์แล้วครับ (เมื่อก่อนอาจจะมีการทำอย่างนั้นจริงๆ นะ) แต่เดี๋ยวนี้เพียงแค่คุณไปหาอ่านตามเว็บ Reviews Broker คุณก็ได้ข้อมูลมาเป็นกะตั๊กแล้ว ไม่ต้องไปลองเปิดบัญชีทุกโบรคเกอร์ให้เสียเวลา
Spread สำคัญถึงขนาดกำหนดกำไรขาดทุนของคุณได้ นอกจากนี้การมี spread ที่น้อยอาจจะประหยัดต้นทุนการเทรดไปได้มหาศาลในแต่ละปี จึงควรต้องคำนึงถึงการเลือก Broker ให้ดี
ประเภทของ Spread ในตลาด Forex
Spread ในตลาด Forex นั้นมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ครับ นั่นก็คือ
- Fixed Spread (สเปรดคงที่)
- Variable Spread (สเปรดแปรผัน)
Fixed Spread (สเปรดคงที่)
Fixed Spread ก็คือ สเปรดที่ไม่เปลี่ยนแปลง มีค่าคงที่ตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณ์ของตลาดขณะนั้นจะเป็นยังไง ซึ่งข้อดีก็คือ เราสามารถคำนวณต้นทุนและกำไรได้ง่าย ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการเจอสเปรดถ่างในช่วงที่ราคาวิ่งแรง ๆ แต่ก็มีข้อเสียนะครับ นั่นคือมีโอกาส Requote สูง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมากๆ
Variable Spread (สเปรดแปรผัน)
ส่วน Variable Spread นั้น “จะเปลี่ยนไปตามสภาพตลาด” เหมือนกับอารมณ์ของเทรดเดอร์ (Bid และ Ask ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย) บางทีก็แคบ บางทีก็กว้าง ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดในขณะนั้น ข้อดีของ Spread แบบนี้คือ มักจะไม่เจอปัญหา Requote แต่เราจะต้องมาระวังเรื่อง Slippage แทน
แล้วควรเลือกแบบไหนดี? คำตอบคือ “แล้วแต่” ครับ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของแต่ละคน ถ้าเป็นคนชอบความแน่นอน วางแผนล่วงหน้าได้ Spread แบบคงที่อาจจะเหมาะกว่า แต่ Variable Spread อาจจะเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ชอบความท้าทาย และต้องการความเร็วในการส่งคำสั่งมากกว่าครับ
ประโยชน์ของการอ่านค่าเหล่านี้เป็น
เมื่อคุณสามารถอ่านค่าและเรียกความหมายของคำข้างต้นนี้ได้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้คุณนั้นสามารถอ่านค่าที่มีการทำนายต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตของคู่เงินตามเว็บไซต์ดัง ๆ เช่น เว็บไซต์ forexfactory.com ได้ ซึ่งถ้าเรานั้นไม่เข้าใจความหมายเลยก็จะส่งผลให้เราไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง จนอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการทำเงินได้อย่างเหลือเชื่อเลยก็ได้นะครับ
ข้อควรระวัง
1.อย่าจำตำแหน่งของการใช้คำสับสน: คำว่า bid และ ask นั้นอาจทำให้คุณมีความสับสนขึ้นมาได้ว่ามันคืออะไร หรือว่ามันจะต้องดูจากทางช่องทางซ้ายหรือช่องทางขวาอย่างนี้เป็นต้น ให้จำว่า “ bid/ask ” และ “ sell/buy ”
2.จงเรียนรู้ความหมายจากประสบการณ์จริง: เพื่อให้คุณสามารถเทรดและเข้าใจความหมายได้ดีขึ้น ผมแนะนำให้คุณนั้นทำการทดลองเทรดจริงและเรียนรู้จากประสบการณ์ของจริงเลยน่าจะดีที่สุด ไม่นานประเดี๋ยวก็ชำนาญเองครับ แต่ถ้าหากไม่เข้าใจ แนะนำอ่านบทความของเราอีกสักรอบครับ หรืออ่านบทความอื่นในนี้ประกอบครับ
เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์เหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นมากขึ้นแล้ว ผู้เขียนเชื่อว่าถ้าคุณสามารถแปลความหมายของคำเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องมันก็จะสามารถช่วยให้คุณนั้นทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ และแนวทางในการเทรด forex ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากครับ เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำเงินของคุณอย่างง่าย ๆ เลยครับ เพียงแค่หา Broker ที่ต้นทุนการเทรด หรือ Spread ต่ำ ๆ เท่านั้น
สรุป
Bid คือ ราคาที่เราจะได้เมื่อเปิด order Sell ส่วน Ask คือ ราคาที่เราจะได้เมื่อเปิด order Buy และ Spread คือ ส่วนต่างระหว่างค่า Bid-Ask นั่นเองครับ… โบรกเกอร์ไหนมีค่าส่วนต่างนี้มากๆ ก็จะทำกำไรแบบเก็บกินสั้นได้น้อยลง มันจึงเหมาะสำหรับการเทรดยาวๆ นั่นเองครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th