Forexthai.in.th ย่อให้
- พื้นฐานของระบบ: ระบบเทรดตัวนี้ จะมองหาจุดเข้าเทรดแค่ครั้งเดียวในแต่ละวัน
- กรอบเวลาและอินดิเคเตอร์ที่ใช้: ใช้กราฟ H1 และ M1 โดยมีอินดิเคเตอร์หลักคือ MACD และ RSI ใช้เพื่อช่วยกรองจุดสูงสุดต่ำสุดที่แท้จริง
- กฎการเทรด: Buy เมื่อถึงจุด Low ของวัน Sell เมื่อถึงจุด High ของวัน ไม่เข้าเพิ่ม ไม่แก้ไม้
- จุดแข็งของระบบ: เป็นระบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มีกรอบเวลาและจำนวนครั้งในการเทรดที่ชัดเจน เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
- จุดอ่อน/ข้อควรระวัง: อาศัยวินัยสูงในการ “รอ” จุดเข้า อาจตีความ High/Low ผิดหากใจร้อน
AMAZING Strategy!!! ระบบนี้สร้างขึ้นจากแนวคิดที่ว่า “ตลาดมีแนวโน้มที่จะกลับตัวเมื่อแตะจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของวัน” โดยใช้เวลาเปิดตลาด Forex เป็นจุดตั้งต้นของการมองหาจุดเทรดและเน้นการเทรดเพียงวันละครั้ง เพื่อลดความเครียดจากการเทรดมากเกินไป ไปดูรายละเอียดของระบบกันเลยว่าจะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
ข้อมูลเบื้องต้น
ระบบเทรด AMAZING Strategy!!! มีส่วนประกอบสำคัญของระบบ ดังนี้
- คู่เงินที่ใช้: เทรดเฉพาะ EUR/USD เท่านั้น เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและต้นทุนสเปรดต่ำ
- ช่วงเวลาของวันในการเทรด: วันใหม่ของระบบจะเริ่มเวลา ตี 5 ของทุกวัน และสิ้นสุดในเวลา 16:59 น. (ประมาณก่อนตลาดลอนดอนเปิดเล็กน้อย)
- แผนภูมิที่ใช้: แผนภูมิหลักใช้ Timeframe 60 นาที (H1) แต่เพื่อการยืนยันสัญญาณจะใช้ Timeframe 1 นาที (M1)
- อินดิเคเตอร์: MACD และ RSI บน H1 เพื่อช่วยประเมินสภาวะของตลาด (ไม่ใช้เป็นสัญญาณเข้าออกหลัก แต่เพื่อประกอบการตัดสินใจ)
จุดเด่นของระบบ
- เน้น คุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยจะเข้าเทรดแค่วันละ 1 ออเดอร์เท่านั้น
- ใช้หลักการ “กลับตัวจากจุดสุดขั้วของวัน” ซึ่งเป็น behavior ที่พบได้บ่อยในตลาด Forex
- ใช้การยืนยันด้วยกรอบเวลาเล็ก เพื่อลดสัญญาณหลอก
- สามารถพัฒนาให้เป็นกึ่งอัตโนมัติหรือเขียน EA ได้ง่าย เพราะกฎชัดเจน

การหาจุด High/Low ของวัน
การเทรดด้วยระบบนี้ ต้องมีเทคนิคที่ ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพื่อแยกแยะให้ได้อย่างแม่นยำว่าจุดที่เห็นคือ High/Low ของวันจริง หรือยังเป็นแค่จุดพักตัวชั่วคราว วิธีการหาจุดสูงสุดต่ำสุดของวัน มีดังนี้
- ใช้เส้นแนวนอนวัด High/Low ตั้งแต่เปิดวัน
-
- เมื่อเวลาในระบบเริ่มต้น (เวลาไทย: 05:00 น.)
- ให้เริ่มลากเส้นแนวนอนที่ High และ Low ของแท่งเทียน ณ เวลานั้นเป็นจุดเริ่มต้น
- จากนั้นในระหว่างวัน ให้ปรับจุด High และ Low นี้ทุกครั้งที่มีแท่งเทียนที่ทำ High หรือ Low ใหม่
จุดสังเกต:
-
- ถ้าหลังจากเวลา 12:00–14:00 น. (ตามเวลาไทย) ราคายังไม่สามารถทำ High หรือ Low ใหม่ได้เกินกว่าแนวที่ลากไว้ แสดงว่าอาจใกล้ถึงจุดสุดขั้วของวันแล้ว
- ใช้รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick Pattern) บน H1
-
- เมื่อราคาเข้าใกล้ High/Low ของวัน ให้หาจังหวะแท่งกลับตัว เช่น:
- Pin Bar
- Engulfing
- Doji หรือ Spinning Top
- Bearish/Bullish Outside Bar
- หากรูปแบบเหล่านี้เกิด ใกล้แนว High/Low ที่ลากไว้ ให้เฝ้าระวังว่านี่อาจคือจุดกลับตัวของวัน
- เมื่อราคาเข้าใกล้ High/Low ของวัน ให้หาจังหวะแท่งกลับตัว เช่น:
- ดูพฤติกรรมของ MACD และ RSI
-
- เครื่องมือทั้งสองตัวนี้ไม่ใช่ตัวกำหนดจุดเข้าโดยตรง แต่ช่วยยืนยันได้:
- RSI >70: เมื่อราคาทำ High ใหม่ มีโอกาสเป็นจุดกลับตัว
- RSI <30: เมื่อราคาทำ Low ใหม่ มีโอกาสเป็นจุดกลับตัวเช่นเดียวกัน
- ถ้า MACD เริ่มแสดง Divergence กับราคา (เช่น ราคาทำ High ใหม่ แต่ MACD ไม่ทำ High ใหม่) สัญญาณเตือนว่าแรงอาจหมดแล้ว
- เครื่องมือทั้งสองตัวนี้ไม่ใช่ตัวกำหนดจุดเข้าโดยตรง แต่ช่วยยืนยันได้:
- เทคนิคเสริม ใช้อินดิเคเตอร์ High/Low Tracker
- ใน TradingView หรือ MT4/MT5 สามารถใช้ indicator ต่อไปนี้เพื่อช่วย:
- Previous Day High/Low
- Session High/Low Indicator
- Daily High-Low Boxes
- อินดิเคเตอร์พวกนี้ จะช่วยแสดงขอบเขตราคา สูงสุด/ต่ำสุด ของวันก่อนและวันปัจจุบันแบบอัตโนมัติ

การใช้คำสั่งซื้อขายล่วงหน้า
เมื่อคุณต้องการเทรดอย่างมีวินัยและลดการตัดสินใจตามอารมณ์ สามารถใช้คำสั่งซื้อขายล่วงหน้าประเภทต่าง ๆ ได้ แต่ต้องเข้าใจความหมายและสถานการณ์ที่เหมาะสมในการใช้แต่ละคำสั่งก่อน การประยุกต์ใช้กับระบบนี้
Limit Order (Buy Limit / Sell Limit)
คือคำสั่งที่ตั้งรอซื้อที่ราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน หรือขายที่ราคาสูงกว่าราคาปัจจุบัน ใช้ได้ เมื่อ:
- คุณระบุแนว High/Low ของวันชัดเจนแล้ว
- ตั้ง Sell Limit ที่ High ของวัน
- หรือ Buy Limit ที่ Low ของวัน
Stop Order (Buy Stop / Sell Stop)
เป็นคำสั่งที่รอให้ราคาทะลุจุดที่กำหนดแล้วค่อยเข้าออเดอร์
- เหมาะกับระบบ ตามเทรนด์ หรือเมื่อคาดว่าเมื่อราคา ทะลุระดับสำคัญ จะไปต่อ
- กับระบบ AMAZING Strategy ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพราะระบบนี้คือ “เทรดจุดกลับตัว” ไม่ใช่เทรดทะลุแนวต้าน/แนวรับ
Stop-Limit Order
เป็นคำสั่งลูกผสมระหว่าง Stop และ Limit เป็นการรอให้ราคาทะลุระดับหนึ่งก่อน (trigger) จากนั้นตั้ง Limit Order เข้าเทรดอีกครั้งในราคาที่ดีขึ้น ใช้ในกรณีที่ต้องการ “รอให้สัญญาณเกิด” แต่ก็อยากเข้าในราคาที่ดี โดยใช้แบบนี้:
- ตั้ง Stop-Limit Buy เมื่อราคาทะลุ Low ของวันเล็กน้อย แล้วตั้ง Limit เพื่อเข้า Buy ที่ Low เดิม
- หรือ ตั้ง Stop-Limit Sell เมื่อราคาทะลุ High แล้วกลับมาขายที่ High
- ต้องแม่นยำมากและเหมาะกับการเขียนเป็น EA หรือระบบอัตโนมัติ เพราะการจัดการราคาซับซ้อนขึ้น

เครื่องมือที่ใช้
MACD (Moving Average Convergence Divergence)
ค่าที่แนะนำ:
- MACD Line (12, 26, 9) – ค่า default ก็เพียงพอ
วิธีใช้ในระบบนี้:
- ใช้ดูสัญญาณ Divergence ระหว่างราคาและ MACD
-
- ถ้าราคาทำ Higher High แต่ MACD ทำ Lower High นี่คือรูปแบบ Bearish Divergence ราคาอาจกลับตัวลง ให้พิจารณา Sell
- ถ้าราคาทำ Lower Low แต่ MACD ทำ Higher Low นี่คือรูปแบบ Bullish Divergence ราคาอาจกลับตัวขึ้น ให้พิจารณา Buy
- เมื่อเส้น MACD ตัดเส้น Signal Line หากอยู่ใกล้ High/Low ของวัน จะเป็นการยืนยันแรงกลับตัว
-
- ถ้าราคาเข้าเขตสุดขั้วแล้ว MACD ตัดจากบนลงล่าง พิจารณา Sell
- ถ้าตัดจากล่างขึ้นบน ให้พิจารณา Buy
เทคนิคพิเศษ:
- Divergence ให้ความแม่นยำสูงสุดเมื่อใช้คู่กับแท่งเทียนกลับตัว เช่น Pin Bar หรือ Engulfing บน H1

RSI (Relative Strength Index)
ค่าที่แนะนำ:
- RSI (14) ให้ใช้ค่ามาตรฐาน เหมาะสำหรับกราฟ H1 อยู่แล้ว
วิธีใช้ในระบบนี้:
- ตรวจสอบภาวะ Overbought / Oversold
-
- RSI > 70 แสดงว่าตลาดอยู่ในภาวะ Overbought ราคามีแนวโน้มกลับตัวลง เป็นโอกาส Sell
- RSI < 30 แสดงว่าตลาดอยู่ในภาวะ Oversold ราคามีแนวโน้มกลับตัวขึ้น เป็นโอกาส Buy
- ใช้สำหรับดู RSI Divergence
-
- ราคาทำ High ใหม่ แต่ RSI ทำ High ต่ำลง นี่คือ Bearish Divergence เป็นสัญญาณกลับตัวลง
- ราคาทำ Low ใหม่ แต่ RSI ทำ Low สูงขึ้น นี่คือ Bullish Divergence เป็นสัญญาณกลับตัวขึ้น
- ใช้สังเกต RSI Reversal จากขอบสุด
-
- หาก RSI แตะ 70 แล้ว “พลิกกลับ” ลง ยืนยันแรงขาย
- หรือ RSI แตะ 30 แล้ว “เด้งกลับ” ขึ้น ยืนยันแรงซื้อ
เทคนิคพิเศษ:
- ดูการ Breakout ของ RSI จากเทรนด์ไลน์ของตัวมันเอง เป็นการคาดการณ์แรงกลับตัวล่วงหน้าได้เร็วขึ้น
- ใช้ RSI Histogram หรือ RSI Slope Indicator เพื่อดูแรงเปลี่ยนแปลงของ RSI
เงื่อนไขการเทรด

การเทรดฝั่ง Buy
- เวลาอยู่ในช่วงวันใหม่ของระบบ (17:00 EST ถึง 04:59 EST = 05:00 ถึง 16:59 ตามเวลาไทย)
- ราคาทำ Low ใหม่ของวัน บนกราฟ H1 (60 นาที) ให้ตีเส้นแนวนอนไว้ที่จุดต่ำสุดล่าสุด
- ดูพฤติกรรมของแท่งเทียนกลับตัวบริเวณ Low
- อินดิเคเตอร์ MACD และ RSI ยืนยัน
- สลับไปดูกราฟ M1 (1 นาที) ต้องเห็นว่าราคาแตะจุด Low เดียวกัน มีสัญญาณกลับตัวชัดเจนบน
- เข้า Buy ทันที เมื่อสัญญาณยืนยันครบ
จุดเข้า – ออก:
- Entry: ที่ราคาปิดของแท่ง M1 เมื่อยืนยัน
- Stop Loss: ห่างจากจุด Low ที่เข้าเทรด 15 pip
- Take Profit: เหนือจุดเข้าทำกำไร 25 pip

การเทรดฝั่ง Sell
- อยู่ในช่วงวันใหม่ของระบบ (05:00–16:59 ไทย)
- ราคาทำ High ใหม่ของวัน บนกราฟ H1 ให้ตีเส้นแนวนอนไว้ที่จุดสูงสุดล่าสุด
- ดูพฤติกรรมของแท่งเทียนกลับตัวบริเวณ High
- อินดิเคเตอร์ MACD และ RSI ยืนยัน
- สลับไปดูกราฟ M1 ต้องเห็นว่าราคาแตะจุด High เดียวกัน มีสัญญาณกลับตัวบน M1
- เข้า Sell ทันที เมื่อยืนยันครบ
จุดเข้า – ออก:
- Entry: ที่ราคาปิดของแท่ง M1 ยืนยัน
- Stop Loss: เหนือจุด High ที่เข้าเทรด 15 pip
- Take Profit: ต่ำกว่าจุดเข้าทำกำไร 25 pip

จุดอ่อนของระบบ
ข้อควรระวังที่เป็นจุดอ่อนของระบบ มีดังนี้
- ช่วงเวลาการเทรด:
มีช่วงตลาดบาง (low liquidity) โดยเฉพาะช่วงต้น (17:00–20:00 EST) และช่วงท้าย (หลัง 04:00 EST) สเปรดอาจกว้าง จุดเข้าที่ดูดีบนกราฟ อาจไม่คุ้มจริงเพราะเข้าได้ด้วยราคาที่ไม่ดี
- การตีความ High / Low:
การมองหาจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของวันใน H1 อาจไม่ชัดเจนทันที ไม่มีตัวชี้วัดชัดเจนว่า “ตรงนี้คือ High/Low ของวัน” จนกระทั่ง “ผ่านไปแล้ว” ทำให้บางครั้งอาจเข้าช้าหรือเร็วเกินไป
- ต้องอดทนในการรออย่างมีคุณภาพ:
ระบบให้รอจนกระทั่ง “High/Low ของวัน” เกิดขึ้น บางวันอาจไม่มี หรือเกิดตอนดึก เทรดเดอร์ใจร้อนอาจหลุดแผนได้ง่าย

สรุป
ระบบเทรด AMAZING Strategy!!! เป็นระบบที่ออกแบบมาให้เทรดเพียงวันละครั้งในคู่เงิน EURUSD โดยเริ่มวันใหม่ที่ตรงกับเวลาไทย 05:00 – 16:59 น.ใช้กราฟ H1 เพื่อดูจุดสูงสุด (High) หรือจุดต่ำสุด (Low) ของวันนั้นหรือยัง จากนั้นจึงเข้า Buy หรือ Sell ตามตำแหน่งที่ราคาแตะ Low หรือ High ของวัน
ระบบมีจุดแข็งที่เรียบง่าย เทรดไม่ถี่ เน้นคุณภาพสัญญาณ แต่ก็มีจุดอ่อน เช่น ต้องใช้วินัยในการรอ จุดเข้าอาจไม่ชัดเจน การใช้งานระบบนี้อย่างมีประสิทธิภาพจึงควรมีวินัยสูง เสริมด้วยการฝึกฝนดูพฤติกรรมราคาจริง และเก็บบันทึกผลการเทรดเพื่อวัดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง.
ทีมงาน: forexthai.in.th