Forexthai.in.th ย่อให้
- Sideway คือ ภาวะที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เกิดจากแรงซื้อและแรงขายที่สมดุลกัน
- มักเกิดก่อนและหลังเทรนด์ ทำให้เกิดแนวรับ-แนวต้านที่แข็งแรง
- เครื่องมือที่ช่วยในการเทรด เช่น Bollinger Bands ใช้ดูการกระจุกตัวของราคา และสามารถใช้ร่วมกับ RSI หรือ Stochastic เพื่อยืนยันจังหวะเข้า
- อย่าลืมตั้ง Stop Loss เพราะเมื่อเกิด Break out ราคามักวิ่งแรง และควรระวังเป็นพิเศษในช่วงข่าวสำคัญ
- ต้องมีความอดทน ไม่ใจร้อน รอจังหวะที่ใช่ ใช้ Lot Size ที่เหมาะสม และมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี จึงจะทำกำไรได้ในช่วงนี้
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
Sideway คืออะไร?
Sideway คือ การเคลื่อนไหวของกราฟแบบที่ไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าจะเป็นเทรนขาขึ้น หรือ เทรนขาลง จนในบางครั้งก็ถูกเรียกว่า Sideway drift ซึ่งหมายถึงราคาผันผวนช่วงแคบ ๆ ในช่วงเวลาหนึ่งครับ
ไซด์เวย์จะเกิดขึ้นเมื่อแรงซื้อ และแรงขายมีปริมาณที่ใกล้เคียงกัน และส่วนใหญ่มักจะเกิดก่อนและหลังเทรนด์ เนื่องจากแรงซื้อและแรงขายมีกำลังที่ใกล้ ๆ กันนั่นเอง และด้วยเหตุนี้เองมันจึงก่อเกิด “แนวรับ-แนวต้าน“ ที่แข็งแรงขึ้นมา ดังนั้นช่วงไซด์เวย์ แบบนี้อาจจะสามารถทำกำไรได้พอสมควร (แต่ต้องใช้เทคนิคเทรดช่วง Sideway โดยเฉพาะนะ)
วิธีเอาชนะตลาด Sideway
การก้าวผ่านช่วง Sideway นั้น เราต้องเข้าใจจังหวะการเทรดก่อนครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมสังเกตว่าใน 1 วัน จะมีโอกาสเทรดที่ดีเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น แม้ว่าจะดูเหมือนมีจังหวะให้เทรดเยอะ แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าเทรดทุกจังหวะครับ
ยกตัวอย่างคู่เงิน GBP/JPY ในกราฟ H4 (4 ชั่วโมง) นะครับ ปกติแล้วจะมีจังหวะให้เทรดแค่ 2-3 ครั้งต่อวัน ไม่เกิน 6 จังหวะแน่นอน ดังนั้นถึงแม้เราจะพลาดบ้าง ก็ไม่ควรพลาดเกิน 2-3 ออเดอร์ต่อวัน
ในกราฟ H4 ราคาจะมีทิศทางชัดเจนว่าจะขึ้นหรือลง ถ้าเราเทรดผิดทาง ก็ต้องรีบตัดขาดทุนและรอจังหวะใหม่ที่ดีกว่าครับ โดยเฉพาะถ้าเห็นแท่งเทียน 6 แท่งวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน นั่นเป็นสัญญาณที่ดีมาก อย่างที่เห็นในกราฟ GBP/USD
เรื่องจังหวะเข้าเทรด ผมแนะนำให้ดูช่วงแรกและช่วงท้ายของกราฟ H4 ครับ เพราะจะเห็นแนวโน้มชัดเจนว่าราคาจะไปทางไหน ส่วนกราฟ H1 (1 ชั่วโมง) จะช่วยในเรื่องการตั้ง Stop Loss และ Take Profit เพราะระหว่างรอสัญญาณจากกราฟ H4 เราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในกราฟ H1 ได้ก่อน
วิธีนี้จะช่วยให้เราคาดการณ์ทิศทางของกราฟ H4 ได้แม่นยำขึ้น ทำให้สามารถตั้ง Stop Loss ได้เหมาะสม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ถ้าพลาดจังหวะดีๆ ไปแล้ว ก็ไม่ควรรีบร้อนเข้าเทรดครับ เพราะการรอจังหวะที่ใช่จะดีกว่าการเสียเงินจากการเทรดแบบไม่มั่นใจครับ
เน้นดูข้อมูลที่กราฟ 4 ชม. ซื้อขายที่กราฟ 1 ชม
จากประสบการณ์ผมในการเทรด Forex มาหลายปี ผมขอแนะนำให้โฟกัสที่การวิเคราะห์กราฟ H4 (4 ชั่วโมง) เป็นหลักครับ เหตุผลง่ายๆ คือ ใน 1 วัน เราจะเห็นแท่งเทียนแค่ 6 แท่งเท่านั้น ทำให้วิเคราะห์ได้ง่ายและชัดเจนกว่า
ต่างจากกราฟ H1 (1 ชั่วโมง) ที่มีถึง 24 แท่งต่อวัน ซึ่งอาจทำให้เราสับสนและวิเคราะห์ผิดทางได้ง่าย แต่เราจะใช้กราฟ H1 สำหรับหาจุดเข้าเทรด จุด Stop Loss และ Take Profit ที่แม่นยำขึ้นครับ
ผมขอยกตัวอย่างจากคู่เงิน NZD/JPY นะครับ การวิเคราะห์ด้วยกราฟ H4 ช่วยให้เราเทรดได้พอดี ไม่มากเกินไป ต่างจากคนที่เล่นกราฟเล็กๆ ที่มักจะเปิดออเดอร์ถี่ๆ 30-40 ออเดอร์ต่อวัน ซึ่งอาจเสี่ยงเกินไป
ตารางเวลาแท่งเทียน H4 (เวลาไทย)
- 05.00 – 09.00 น. (แท่งที่ 1)
- 09.00 – 13.00 น. (แท่งที่ 2)
- 13.00 – 17.00 น. (แท่งที่ 3)
- 17.00 – 21.00 น. (แท่งที่ 4)
- 21.00 – 01.00 น. (แท่งที่ 5)
- 01.00 – 05.00 น. (แท่งที่ 6)
การรู้ตารางเวลาแท่งเทียนแบบนี้จะช่วยให้เราวางแผนการเทรดได้ดีขึ้น รู้ว่าช่วงไหนควรวิเคราะห์ และช่วงไหนควรเข้าเทรด ทำให้จัดการพอร์ตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
ประโยชน์ของการซื้อ-ขายในตลาด Sideway
ในตลาดไซด์เวย์ จะมีแนวรับ-แนวต้านที่แข็งแกร่งและชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์และเปิดออเดอร์ในช่วงตลาดนี้ เมื่อราคาแตะแนวรับก็เปิด Order Buy เมื่อราคาแตะแนวต้านก็เปิด Order Sell นอกจากแนวรับ แนวต้านแล้ว เรายังสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการช่วยวิเคราะห์ประกอบกันไปได้
นอกจากนี้ เรายังสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ค่อนข้างง่าย เนื่องจากการเทรดในตลาด Sideway มักเป็นการเทรดระยะสั้น ไม่เกิน 3 วัน ทำให้ไม่ค่อยเจอผลกระทบกับช่วงข่าวแรง ๆ เหมือนการเทรดระยะยาว
เราสามารถทำกำไรช่วง Sideway ได้ไหม?
ปัจจุบัน การเทรดเพื่อทำกำไรใรช่วงที่ตลาด forex เกิดไซด์เวย์ นั้นมีหลากหลายเทคนิคมาก ๆ ซึ่ง หนึ่งในนั้นคือการเทรดในช่วงกรอบราคาแคบ ๆ ครับ เนื่องจาก Sideway เป็นการกระจุกตัวกันของราคา เมื่อราคากระจุกตัวกัน ความผันผวนของราคาก็จะลดลง การแกว่งตัวของราคาก็จะลดลงตามครับ
ซึ่งเราสามารถวัดสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการ indicator ต่าง ๆ เช่น Bollinger Bands เป็นต้น ถ้าเราสังเกตเห็นว่าแถบ Bollinger Bands เริ่มแคบลง นั่นเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงไซด์เวย์แล้วครับ เราอาจจะซื้อ-ขายภายในกรอบ ยกตัวอย่างเช่น
- Buy เมื่อแท่งเทียนวิ่งขึ้นไปชนกับ upper line ของ Bollinger Bands
- Sell เมื่อแท่งเทียนวิ่งไปชนกับ Lower line ของ Bollinger Bands
อย่างไรก็ตามเราสามารถใช้ Indicator อื่น ๆ ประกอบเงื่อนไขการเข้า order ของเราได้ เช่น RSI หรือ Stochastic เข้ามาช่วยยืนยันด้วยครับ
ปัจจุบันเทคนิคแบบนี้สามารถปฏิบัติในทางตรงข้ามได้ โดยบางท่านนำไปพัฒนาเป็นการเทรดแบบ Break out หรือ การเทรดแบบตามเจ้าก็ตาม โดยหลักการง่าย ๆ คือ การ detect ไซด์เวย์ก่อน จากนั้นสร้างแนวรับ/แนวต้านที่แข็งเกร่งขึ้นมา เมื่อราคาทะลุแนวรับ/แนวต้าน เราจึงเข้าสามารถเข้า order ครับ
ข้อควรระวังในการเทรดตลาด Sideway
- อย่าลืมตั้ง Stop Loss นี่เป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุดครับ เพราะเมื่อเกิด Break out จริง ราคามักจะวิ่งแรงมาก ถ้าไม่ได้ตั้ง Stop Loss ไว้ อาจทำให้พอร์ตเสียหายหนักได้ ผมแนะนำให้ตั้ง Stop Loss ห่างจากจุดเข้าพอสมควร เผื่อกรณีราคาแกว่งตัวแรง
- อย่าเทรดถี่เกินไป ในช่วงไซด์เวย์ หลายคนมักจะเทรดถี่เกินไปเพราะคิดว่าราคาวิ่งไปมาในกรอบแคบๆ น่าจะทำกำไรง่าย แต่จริงๆ แล้วยิ่งเทรดถี่ ยิ่งเสี่ยงที่จะขาดทุนสะสมจากค่า Spread และค่าคอมมิชชั่น
- ระวังช่วงข่าวสำคัญ ช่วงไซด์เวย์ อาจจบลงทันทีเมื่อมีข่าวสำคัญออกมา ดังนั้นควรระวังเป็นพิเศษในช่วงที่มีข่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด เช่น การประชุม Fed หรือตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
จิตวิทยาการเทรดช่วง Sideway
การเทรดช่วง Sideway นั้นต้องอาศัยความอดทนและการควบคุมอารมณ์สูงมากครับ เพราะบางครั้งราคาอาจจะวิ่งกลับไปกลับมาหลายรอบกว่าจะทะลุออกไปได้ ผมเห็นหลายคนใจร้อนเกินไป พอเห็นราคาขยับนิดหน่อยก็รีบเข้า Order ทันที สุดท้ายก็โดนตลาดหลอก พอร์ตเสียหายอีก
สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้จักรอจังหวะที่เหมาะสม อย่าใจร้อน และที่สำคัญต้องมีการวางแผน Risk Management ที่ดี กำหนด Stop Loss – Take Profit ให้ชัดเจน แนะนำว่าควรตั้ง Stop Loss ไว้นอกกรอบไซด์เวย์เล็กน้อย เพื่อป้องกันการถูกกระชากราคาออกไปครับ
ส่วนเรื่องการจัดการเงินทุน ผมแนะนำว่าไม่ควรใช้ Lot Size ใหญ่เกินไปในช่วงนี้ เพราะโอกาสที่ราคาจะวิ่งสวนทางเรามีสูง ควรเน้นเทรดถี่ๆ ด้วย Lot Size ที่เหมาะสมจะดีกว่าครับ
สรุป
Sideway คือภาวะที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เกิดจากแรงซื้อและแรงขายที่ใกล้เคียงกัน เกิดเป็นการกระจุกตัวของราคา บางท่านได้นิยามของพฤติการการกระจุกตัวของราคาแบบนี้ว่าเป็นการสะสมกำลังของเจ้า เตรียมเพื่อที่จะปล่อยของ หลายคนจึงมองว่าเป็นช่วงที่น่ากลัว แต่จริงๆ แล้วเราสามารถทำกำไรได้ดีถ้ารู้เทคนิค
เหนือสิ่งอื่นใด อย่าลืมตั้ง Stop Loss เพราะตลาดไซด์เวย์อาจจบลงเมื่อไหร่ก็ได้ และเมื่อจบ ราคามักจะวิ่งแรง การเทรดแบบมีวินัย รอจังหวะที่ใช่ และจัดการความเสี่ยงที่ดี จะช่วยให้เราก้าวผ่านช่วงไซด์เวย์ไปได้อย่างปลอดภัยและมีกำไรครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th
