Forexthai.in.th ย่อให้

  • ระบบเทรด EOD (End of Day): เป็นระบบเทรดยาวในไทม์เฟรม Daily ที่ใช้รูปแบบของแท่งเทียนและอินดิเคเตอร์ในการเทรด
  • หลักการเทรดเบื้องต้น: ระบบเทรดนี้จะดูลักษณะของแท่งเทียนและแนวโน้มของเทรนด์ผ่าน อินดิเคเตอร์และเทรดในจุดย่อของราคา และใช้ในการ RR หรือ ค่าเฉลี่ย ATR เพื่อเก็บกำไร
  • เครื่องมือที่ใช้: CCI และ Stochastic
  • ข้อดี: วิเคราะห์ง่าย กำไรสูง ไม่ต้องเฝ้าจอ ตั้งแจ้งเตือนได้
  • ข้อเสีย: การใช้ค่าเฉลี่ย ATR เก็บกำไรทำให้ได้กำไรไม่แน่นอน บางครั้งความเสี่ยงก็มากกว่าผลตอบแทน ต้องระวังเรื่องค่า Swap 

ระบบเทรด EOD ปั้นพอร์ตไทม์เฟรม Daily

รู้จักกับ ระบบเทรด EOD (End of Day)

สรุปภาพรวมระบบการเทรด EOD
ภาพสรุปภาพรวมระบบการเทรด EOD (หลักการเทรด ข้อมูลการวิเคราะห์กราฟ ข้อดีและข้อเสียของระบบเทรด)

ระบบการเทรด EOD ย่อมาจาก End of Day เป็นการนำข้อมูลทางพื้นฐานหรือข้อมูลทางเทคนิคมาวิเคราะห์หลังปิดตลาดหรือจบวันเพื่อวางแผนการเทรดในวันรุ่งขึ้นครับ โดยรูปแบบการเทรดนี้จะทำให้เราไม่ต้องสู้กับความผันผวนในตลาดที่เกิดขึ้นในระหว่างวันและอาจจะเหมาะกับเพื่อนๆ ที่ไม่ชอบเทรดในช่วงที่มีความเสี่ยง

โดยทั่วไปแล้วระบบการเทรด EOD จะใช้กับไทม์เฟรม Daily อย่างเดียวครับ เพราะว่าง่ายต่อการดูทิศทางของตลาด แต่จะใช้กับไทม์เฟรมอื่น ๆ นั้นอาจจะต้องนำแนวคิดเรื่องตลาดปิดตลาดเปิดของแต่ละ Session  มาวิเคราะห์ประกอบด้วยครับ

ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์ในการเทรดระบบ EOD

  1. ลักษณะของแท่งเทียน
  2. รูปแบบ Chart Pattern
  3. ช่องว่างระหว่างราคา (Gap)
  4. ตัวบ่งชี้ต่าง ๆ
  5. ข่าวสาร

ข้อดีของการเทรดระบบ EOD

  1. วิเคราะห์ตลาดได้ง่ายมากขึ้น เห็นลักษณะที่เกิดขึ้นของแท่งเทียน และรูปแบบต่างๆ ของชาร์ตรวมถึงอินดิเคเตอร์ ได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆ สามารถวิเคราะห์กราฟวันถัดไปได้ง่ายมากขึ้นด้วยนั่นเอง
  2. ไม่ต้องสู้กับความผันผวนระหว่างวัน ในระหว่างวันอาจจะมีข่าวสารทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อราคาอย่างรุนแรงการวางแผนเทรดหลังจบวันไปแล้วหรือการใช้ระบบเทรด EOD ทำให้เราไม่ต้องสู้กับความผันผวนซึ่งอาจจะทำให้เราขาดทุนได้นั่นเองครับ
  3. ไม่ต้องเฝ้าจอตลอดทั้งวัน มาวางแผนเทรดช่วงที่ตลาดใกล้ปิด แบบนี้จะทำให้เรามีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นเยอะแยะเลยครับ เรียกได้ว่าสมดุลชีวิตเกิดขึ้นได้ด้วยระบบเทรดนี้ก็ว่าได้
  4. จำนวนการเทรดน้อย ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการเทรดบ่อยครั้ง
  5. เป็นระบบเทรดที่ออกแนวการเทรดระยะกลางจนถึงการเทรดระยะยาว ทำให้ทำกำไรได้ดีในการเทรดเพียงครั้งเดียว

ข้อเสียของการเทรดระบบ EOD

  1. พลาดโอกาสทำกำไรในระหว่างวัน บางครั้งใน 1 วันราคามีการเคลื่อนที่เยอะเราสามารถหาโอกาสทำกำไรจากจุดนั้นได้แต่สำหรับคนที่ใช้การเทรดระบบ EOD เราจะพลาดโอกาสส่วนนี้ไปนะครับ
  2. แน่นอนว่าการเทรดหลังปิดวันมันมีสิ่งต้องแลกมาด้วยเช่นเดียวกันนะ การรอให้แท่งเทียนปิดวันก่อนทำให้เราอาจจะพลาดโอกาสที่จะได้ราคาที่ดีไปก็ได้นะ บางครั้งการถึงเป้าทำกำไรหรือไม่ถึงก็อยู่กับราคาที่เปิดออเดอร์เทรดเช่นเดียวกัน
  3. ไม่เห็นข้อมูลระหว่างวัน การดูแท่งเทียน Daily  ทำให้เราไม่เห็นรายละเอียดการวิ่งของราคาระหว่างวันว่าเป็นเช่นไร ซึ่งอาจจะทำให้เราพลาดข้อมูลบางอย่างไป และมันอาจจะมีผลกระทบต่อการวางแผนเทรดได้เลยครับ ดังนั้นเราอาจจะต้องซูมดูไทม์เฟรมเล็กร่วมกับการวิเคราะห์ในไทม์เฟรมใหญ่

การเทรดระบบ EOD (Stochastic / CCI)

ตั้งค่าอินดิเคเตอร์โปรแกรม Metatrader

การตั้งค่าพารามิเตอร์
ภาพการตั้งค่าพารามิเตอร์ของ CCI และ Stochastic ในโปรแกรม Metatrader
  1. CCI ใช้ค่า Length: 40 และ Source: HLC3 ตีเส้นแนวนอนที่ 0
  2. Stochastic ใช้ค่า %K: 5 %D: 3 Slowing -2 Price Field: Low/High

ตั้งค่าอินดิเคเตอร์โปรแกรม TradingView

การตั้งค่าพารามิเตอร์
ภาพการตั้งค่าพารามิเตอร์ของ CCI และ Stochastic ในโปรแกรม TradingView
  1. CCI ใช้ค่า Length: 40 และ Source: HLC3 เปลี่ยนเส้น Middle Band เป็นสีแดงและเปลี่ยนจากเส้นประให้เป็นเส้นเรียบ
  2. Stochastic ใช้ค่า %K: 5 %K Smoothing: 2 และ เอา %D ออก เปลี่ยนเส้น Middle Band เป็นสีแดงและเปลี่ยนจากเส้นประให้เป็นเส้นเรียบ

CCI (Commodity Channel Index) คืออะไร

ภาพสรุปหลักการใช้งานอินดิเคเตอร์ CCI เบื้องต้น

CCI เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้แสดงโมเมนตัมของตลาด แสดงแนวโน้มของเทรนด์ รวมทั้งโซน Overbought และ Oversold ถ้าหากว่าเส้น CCI อยู่มากกว่าค่า 0 แสดงว่าเทรนด์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและถ้าหากต่ำกว่า 0 แสดงว่าเทรนด์อยู่ในช่วงขาลงครับ

อีกทั้งถ้า CCI เข้าสู่โซน Overbought หรือมากกว่า 100 แสดงว่าช่วงนั้นราคาของสินทรัพย์มีโอกาสที่จะกลับตัวลง เช่นเดียวกันถ้า CCI เข้าสู่โซน Oversold หรือน้อยกว่า -100 แสดงว่าราคาของสินทรัพย์มีโอกาสจะกลับตัวขึ้น

Stochastic คืออะไร 

หลักการใช้งาน Stochastic
ภาพสรุปหลักการใช้งานอินดิเคเตอร์ Stochastic เบื้องต้น

Stochastic เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้แสดงโมเมนตัมของตลาดเช่นเดียวกับ CCI ครับ แต่จะตอบสนองไวกว่าเพราะว่าคำนวณจากราคาในปัจจุบัน มีโซน Overbought ที่มีค่า 80 และ Oversold ที่มีค่า 20 ส่วนใหญ่แล้วอินดิเคเตอร์ตัวนี้จะใช้ในการหา Swing Low และ Swing High ได้ดี รวมทั้งใช้เป็นการหาจุด Pull Back เพื่อเข้าเทรดได้ด้วยเช่นเดียวกันครับ

หลักการเทรดเบื้องต้น

ในการเทรดด้วยกลยุทธ์นี้ EOD เราจะใช้ CCI ในการบอกแนวโน้มของตลาดปัจจุบันรวมถึงวันก่อนหน้าก่อนครับ และใช้ Stochastic บวกกับแท่งเทียน ในการคอนเฟิร์มการเข้าเทรด

เงื่อนไขการเทรดหน้า Buy

ระบบเทรด EOD (End of Day)

1. CCI มีค่ามากกว่า 0

ระบบเทรด EOD (End of Day)

2. Stochastic อยู่ต่ำกว่า 50 และกำลังวิ่งกลับมาที่เส้น 50 แสดงให้เห็นถึงว่าราคาอยู่ในช่วงของการย่อเพื่อไปต่อ

ระบบเทรด EOD (End of Day)

3. ดูแท่งเทียนต้องปิดเป็นสีเขียว

4. เปิดออเดอร์ Buy ในวันถัดไป

5. ตั้ง Stop loss ไว้ที่ Swing Low ล่าสุด

6. ตั้ง Take Profit  RR 1:1.5

เงื่อนไขการเทรดหน้า Sell

1. CCI มีค่าน้อยกว่า 0

2. Stochastic อยู่มากกว่า 50 และกำลังวิ่งกลับมาที่เส้น 50 แสดงให้เห็นถึงว่าราคาอยู่ในช่วงของการย่อเพื่อไปต่อ

3. ดูแท่งเทียนก่อนหน้าต้องเป็นสีแดง

4. เปิดออเดอร์ Sell ในวันถัดไป

5. ตั้ง Stop loss ไว้ที่ Swing High ล่าสุด

6. ตั้ง Take Profit โดย RR 1:1.5

ข้อดีและข้อเสียของระบบเทรด

ข้อดีและข้อเสียของระบบเทรด EOD
ภาพสรุปข้อดีและข้อเสียของระบบเทรด EOD เพื่อให้นักเทรดพิจารณาก่อนนำไปใช้งาน

ข้อดีของระบบเทรด

  1. เป็นระบบที่เข้าใจง่าย ใช้ได้ดีในไทม์เฟรม Daily (สามารถใช้กับทางเฟรมอื่นๆได้ครับแต่ต้องมีการปรับค่าให้เหมาะสม)
  2. การใช้เทรดในไทม์เฟรมใหญ่ทำให้มีสัญญาณหลอกน้อย
  3. เป็นกลยุทธ์เทรดตามเทรนด์ทำให้มีโอกาสได้กำไรสูง
  4. เป็นระบบเทรดที่สามารถตั้งแจ้งเตือนได้
  5. เหมาะกับคนไม่มีเวลาเฝ้ากราฟ

ข้อเสียของระบบเทรด

  1. ไม่เหมาะกับคนใจร้อนที่ไม่สามารถถือออร์เดอร์ข้ามวันได้
  2. เป็นระบบเทรดที่ต้องสู้กับค่า Swap เพราะต้องถือออร์เดอร์นานกว่า 1 วันแน่นอน
  3. จำนวนการเทรดน้อยมาก

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานระบบเทรด ระบบเทรด EOD (Stoch / CCI)

ภาพคำแนะนำเบื้องต้นเพื่อให้นักเทรดสามารถนำระบบเทรด EOD ไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปพัฒนาเพื่อดึงประสิทธิภาพสูงสุดของระบบการเทรดออกมา
  1. สามารถปรับ Risk Reward ให้เหมาะสมกับการวิ่งของราคาได้
  2. สามารถลองนำไปเทรดได้ในหลายๆคู่เงิน และน่าจะทำกำไรได้ดีในคู่เงินที่วิ่งเป็นเทรนด์ระยะยาวครับ
  3. อย่าลืมนำไป Back Test  และ Forward Test ก่อนใช้งานจริง
  4. แท่งเทียนวันก่อนหน้าเป็นสิ่งสำคัญมากของระบบนี้ สำหรับเพื่อนๆมือใหม่ที่เพิ่งใช้งานต้องจดใส่กระดาษไว้เลยนะครับ ว่าอย่าลืมดูทิศทางของแท่งเทียนวันก่อนหน้าว่าเป็นแบบ Bullish  หรือ Bearlish ก่อนที่จะเปิดออเดอร์เทรด
  5. หาเครื่องมือมาใช้รันกำไรเพิ่มได้ ในการเทรดระยะยาวมีโอกาสทำกำไรสุดเทรนด์ได้บ่อย

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments