Forexthai.in.th ย่อให้

  • Chart patterns คือ รูปแบบราคาที่เทรดเดอร์ Forex สาย Technical ใช้วิเคราะห์ตลาด แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก
  • รูปแบบกลับตัวยอดนิยม เช่น Double top/bottom และ Head and shoulders บ่งบอกการเปลี่ยนทิศทางของราคา
  • รูปแบบต่อเนื่อง เช่น Wedges และ Rectangles แสดงถึงการพักฐานก่อนราคาเคลื่อนไหวต่อในทิศทางเดิม
  • รูปแบบ 2 ทาง เช่น สามเหลี่ยมต่างๆ สามารถแตกออกได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
  • ระวังการ False breakouts ต้องมีการฝึกฝนและใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเพื่อเพิ่มความแม่นยำ

Chart patterns

เทรดเดอร์ Forex ที่เป็นสาย Technical นั้นสามารถแบ่งได้เป็นอีกหลายสาย หนึ่งในสายที่สำคัญ คือ สายดูรูปแบบราคา หรือ Chart patterns นั้น มักจะคุ้นเคยกับรูปแบบราคาของตัวเอง โดยรูปแบบราคาจะส่งผลต่อการเทรดและการทำกำไรในการเทรด Forex ซึ่งรูปแบบราคาที่สามารถทำกำไรของแต่ละคนนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม จะมีรูปแบบราคาไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่จะสามารถสร้างกำไรได้บ่อยเพราะว่า “เกิดขึ้นบ่อยและสามารถใช้ได้ง่าย” สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายนั้นเอง

3 กลุ่มของ Chart patterns คือ ?

รูปแบบราคาที่เป็นที่รู้จักในตลาดเป็นส่วนใหญ่ได้แก่ รูปแบบ เช่น Double top, Head and shoulder, รูปแบบสามเหลี่ยม เป็นต้น ซึ่งบทความนี้เราจะมาสรุปประเภทของรูปแบบราคาต่าง ๆ นี้ ออกมาเป็น 3 กลุ่ม คือ

  1. รูปแบบการกลับตัว
  2. รูปแบบการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง
  3. รูปแบบ 2 ทาง
VPS
ผู้สนใจ Forex สามารถศึกษารายละเอียด ได้ดังต่อไปนี้

รูปแบบการกลับตัว

รูปแบบการกลับตัว คือ เมื่อราคาฟอร์มตัวในรูปแบบการกลับตัวแล้ว มันจะบ่งบอกสัญญาณว่า ราคาจะเปลี่ยนทิศทาง จากการเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง เป็นทิศทางขาขึ้น หรือ!! จากทิศทางขาขึ้นเป็นขาลง รูปแบบกราฟสัญญาณกลับตัวนั้น มีอยู่ 4 รูปแบบ หลัก ๆ ดังต่อไปนี้

3 กลุ่มรูปแบบราคาคืออะไร forex

1. Double top 

รูปแบบ Double Top คือ การที่ราคาเคลื่อนไหวเป็นหยัก 2 หยักที่ตรงจุดยอด หรือ จุด Top เลยเรียกว่า Double Top ซึ่งการเกิด Double Top กำลังหมายความว่า ราคาพยายามที่จะทำ New High แต่ว่าไม่สามารถที่จะ ทำ New High ได้ ทำได้ดีที่สุดคือ การขึ้นไปเทียบกับราคาเดิม เมื่อเกิดเหตุการณ์ เช่นนี้ทำให้ราคาดีดกลับลงมาต่ำกว่าเดิมและเปลี่ยนทิศทางไปเลย จากขาขึ้นเป็นขาลง

2. Double bottom

ส่วนรูปแบบ Double Bottom เป็นรูปแบบตรงข้ามกับรูปแบบ Double Top ต่างแค่ “เกิดขึ้นในทิศทางตรงกันข้าม” กล่าวคือ ราคาพยายามจะลงต่อเพื่อทำ New Low นั่นแหละ… แต่ไม่ประสบความสำเร็จทำให้การเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางกลับเป็นขาขึ้น

 

ซึ่งรูปแบบ 2 รูปแบบนี้ เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในการเทรดสูงสุดและสามารถวิเคราะห์ได้ง่าย มีเหตุมีผลในการวิเคราะห์

 

3. Head and shoulders

Head and shoulders (H&S) ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อแชมพู แต่มันคืออีกรูปแบบหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการเทรด เพราะว่า H&S นั้นสามารถดูได้ง่ายเช่นเดียวกัน รูปแบบ H&S จะคล้ายคลึงกับ Double Top และ Double Bottom เพียงแต่ว่า จะมียอดอยู่ 3 ยอดด้วยกัน โดยที่ยอดแรกกับยอดสุดท้ายจะเท่ากัน และยอดตรงกลางจะสูงสุดหรือต่ำสุด

4. Inverse head and shoulders

รูปแบบ Head and shoulders (H&S) แบบกลับหัว จะเกิดขึ้นตอนที่ตลาดเป็นขาลง ลักษณะก็ตรงตัวตามชื่อเลย คือรูปแปบจะเหมือนกับ Head and shoulders แต่เป็นแบบพลิกด้านกลับหัว

ในการเทรดรูปแบบเหล่านี้ ทำให้อย่างง่ายดายโดยเพียงรอราคาทะลุผ่านเส้น Neckline และก็เข้าไปเปิดออเดอร์ในทิศทางเดียวกับแนวโน้มใหม่ ส่วนเป้าหมายการทำกำไรในแต่ละรูปแบบก็จะแตกต่างกันออกไปครับ

รูปแบบราคา การเคลื่อนไหวต่อเนื่อง (Continuation)

เมื่อเกิดรูปแบบราคาในลักษณะนี้ ราคามักจะเคลื่อนไหวต่อไป ตามทิศทางเดิมของเทรนด์ก่อนหน้า เช่น เทรนด์ก่อนหน้าเป็นเทรนด์ขาขึ้น หลังจากนั้นจะมีการพักฐานเพียงชั่วครู่หนึ่งแล้วจะเป็นขาขึ้นต่อ ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวเดิมเป็นขาลง หลังจากนั้นก็จะเป็นขาลงต่อไปเช่นเดียวกัน

 

Forex รูปแบบไปต่อความต่อเนื่อง 2.1 ลิ่มร่วง 2.2 ลิ่มพุ่งสูงขึ้น 2.3 สี่เหลี่ยมรั้น 2.4 รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารั้น 2.5 เสาธงรั้น 2.6 2.6 เสาธงหมี
รูปแบบการไปต่อ (Continuation) 

โดยรูปแบบการเคลื่อนไหวต่อเนื่องของ รูปแบบราคานี้จะประกอบด้วย

1. Falling wedge

กราฟรูปแบบสามเหลี่ยมรูปลิ่ม เฉียงลง ซึ่งสามเหลี่ยมจะค่อย ๆ แคบจนเป็นรูปลิ่ม และจะเกิดสัญญาณ Break Out คือทะลุรูปแบบ 3 เหลี่ยมออกมา โดยจะเคลื่อนไหวไปทิศทางเดียวกับเทรนด์ก่อนหน้า นั่นคือเทรนด์ขาลง

2. Rising wedge

คือ รูปแบบราคาที่ตรงข้ามกับ Falling Wedge ซึ่งสามเหลี่ยมจะกลับด้านกับรูปแบบ Falling Wedge ซึ่งทิศทางของเทรนด์สำหรับรูปแบบ Rising Wedge คือ การเคลื่อนไหวต่อเนื่องจากเทรนด์ขาลงเป็นเทรนด์ขาขึ้น

3. Bullish rectangle

รูปแบบ Bullish Rectangle หรือ รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าขาขึ้น เป็นรูปแบบที่ราคาพักฐานสักครู่หนึ่งก่อนที่จะเคลื่อนไหวต่อไปข้างหน้าเป็นขาขึ้น

4. Bearish rectangle

รูปแบบ Bearish Rectangle เป็นรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าขาลง คือ ราคาพักการเคลื่อนไหวเพื่อสะสมแรงเพียงชั่วครู่หลังจากนั้นเคลื่อนไหวเป็นขาลงต่อไป

 Review Broker Forex

วิเคราะห์ วิจารย์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อมูลจากการเทรดด้วยบัญชีจริง โดยทีมงานหลายคน ...

5. Bullish pennant

เป็นรูปแบบ 3 เหลี่ยมธง คล้ายคลึงกับรูปแบบ Wedge เพียงแต่ลักษณะสามเหลี่ยมจะยาวกว่า คล้าย ๆ ธงสามเหลี่ยม รูปแบบ Bullish ก็แสดงถึงขาขึ้น ที่ราคาจะไปต่อเมื่อพักฐานและเกิด Breakout ขณะที่รูปแบบตรงข้ามของมันคือ Bearish Pennant ที่เป็นรูปแบบของขาลง

6. Bearish pennant

รูปแบบตรงข้ามกับ Bullish Pennant เป็นรูปแบบของขาลง ที่ราคาจะไปต่อเมื่อพักฐานและเกิด Breakout

แต่ละรูปแบบก็น่าตาต่างกันออกไป เป้าหมายการทำกำไร หรือจุด Stop loss ก็ต่างกัน แต่หลักการเดียวกันคือเป็นการไปต่อของแนวโน้ม

รูปแบบราคา ทั้ง 2 ทาง

รูปแบบนี้โอกาสการเคลื่อนไหวของราคาและการเกิด Break Out สามารถเกิดขึ้นได้หลายทาง ตัวอย่าง การทะลุของราคาสามารถเกิดขึ้นไปทั้ง 2 ทางเลยคือ “ไปต่อ” หรือเกิดรูปแบบ “กลับตัว” โดยรูปแบบนี้จะเป็นพวกรูปแบบสามเหลี่ยม แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้

  • Ascending triangle
  • Descending triangle
  • Symmetrical triangle
ทั้ง 2 ทาง 3.1 สามเหลี่ยมจากน้อยไปมาก 3.2 สามเหลี่ยมจากมากไปน้อย 3.3 สามเหลี่ยม forex แบบสมมาตร
รูปแบบ 2 ทาง

ตามรูปแบบที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะต้องมีการเคลื่อนไหวที่เป็นไปตามทฤษฎี หรือรูปร่างของราคาที่กล่าวมาตามนี้เป๊ะ ๆ เพียงแต่ว่ามีโอกาสและความน่าจะเป็นสูง ถ้าหากนับรูปร่างหรือระยะทางอาจจะไม่เหมือน แต่มีความคล้ายคลึงกันด้านรูปร่าง นั่นคือโอกาสที่เราจะสามารถใช้เทรด มันก็มีบ้างเหมือนกันที่ราคาจะไปไม่ถึงเป้าที่วางหรือเกิด False signal

ดังนั้นเทรดเดอร์ Forex ที่เทรดรูปแบบราคา สิ่งที่สำคัญคืออย่าลืมวาง Stop loss ด้วยนะครับ หมั่นฝึกฝน ดูแนวโน้มจนชิน บางครั้งอาจต้องใช้ประสาทสัมผัสและการประมวลผลหลายด้าน แต่เมื่อชำนาญแล้วมันจะคุ้มค่าต่อการฝึกฝนมากครับ เป็นกำลังใจให้กับ Treader Forex ทุกคนครับ ^ ^

ข้อควรระวังของ Chart Patterns

  1. False Breakouts หรือ การเบรกหลอก บางทีตลาดก็จะมีการสับขาหลอกเรา โดยการที่ราคาจะทะลุแนวรับแนวต้านแบบหลอก ๆ เพียงชั่วคราว แล้วก็กลับมาวิ่งในกรอบเดิม วิธีป้องกันคือ รอให้ราคายืนยันการเบรกเอาท์สักหน่อย อย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าออเดอร์ครับ
  2. การตีความผิด โดยเฉพาะเทรดเดอร์มือใหม่ บางทีก็อาจจะเห็นรูปแบบที่ไม่มีอยู่จริง หรือตีความรูปแบบผิดไป (ตามไบแอสของตัวเอง) แล้วก็เทรดพลาดกันไป วิธีแก้คือต้องฝึกฝนบ่อย ๆ ดูกราฟย้อนหลังเยอะ ๆ แล้วค่อย ๆ สั่งสมชั่วโมงบินไปครับ
  3. ความไม่สมบูรณ์ของรูปแบบ เพราะในกราฟราคาจริง รูปแบบจะไม่เกิดตามแพทเทิร์นหรือตามภาพแบบเป๊ะ ๆ หรอกครับ มันจะดูยากกว่านี้เยอะ ตรงนี้แหละครับที่ต้องใช้ประสบการณ์และสัญชาตญาณของเทรดเดอร์มาช่วยตัดสินใจ
  4. ตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ยิ่งในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ก็ยิ่งทำให้เราวิเคราะห์ผิดพลาดได้ง่าย ๆ ดังนั้น คุณควรต้องติดตามข่าวสารให้ทันเหตุการณ์ และพร้อมปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลาครับ

สรุปแล้ว ผมแนะนำให้ใช้ Chart Patterns ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ ด้วย เพื่อยืนยันสัญญาณให้แม่นยำขึ้น และที่สำคัญที่สุด อย่าลืมว่าไม่มีรูปแบบไหนที่แม่นยำ 100% ครับ เทรดเดอร์ที่ดีต้องรู้จักควบคุมความเสี่ยง

สรุป

Chart patterns คือ เทคนิคการวิเคราะห์ในรูปแบบของ Patterns โดยเรามักจะดูจากการทำแท่งเทียนมาร้อยเรียงกันให้เกิดแบบรูปแบบซ้ำ ๆ และกำหนดชื่อรูปแบบนั้น ๆ ซึ่งการมองกราฟแบบนี้เองสามารถทำให้เราหาจุดเข้าออเดอร์ได้ไม่ยาก แต่หากอยากได้ความแม่นยำเพิ่มแล้วล่ะก็ เราควรใช้ Indicator เพิ่มเข้าไปเพื่อช่วยปกป้องการเกิด False signal ครับ

Nakrob Seareechon

บรรณาธิการ/Web master

ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเงิน พัฒนาระบบเทรดอัตโนมัติและพัฒนาเว็บไซต์ควบคู่การเทรดด้วยตนเอง

Krisorn Himmapan

Content Writer

ประสบการณ์เทรด Forex 12+ ปี จากพนักงานบริษัทสู่เทรดเดอร์อาชีพ เน้นกลยุทธ์ Long-term Trading

Nakrob Seareechon
บรรณาธิการ/Web master

ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเงิน พัฒนาระบบเทรดอัตโนมัติและพัฒนาเว็บไซต์ควบคู่การเทรดด้วยตนเอง

อ่านประวัติเพิ่มเติม

Krisorn Himmapan
Content Writer

ประสบการณ์เทรด Forex 12+ ปี จากพนักงานบริษัทสู่เทรดเดอร์อาชีพ เน้นกลยุทธ์ Long-term Trading

อ่านประวัติเพิ่มเติม

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments