Forexthai.in.th ย่อให้

  • Pivot Point (PP) คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ประเมินแนวโน้มตลาด
  • โดยปกติ จะคำนวณจากราคา High, Low, Close ของวันก่อนหน้า แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาสูตรการคำนวณหลายรูปแบบ เช่น Classical PP, CPR PP เป็นต้น
  • Pivot Point All in One คือ อินดิเคเตอร์ที่รวม 4 วิธีคำนวณ PP ยอดนิยมไว้ในที่เดียว ใช้ได้ทั้งบน MT4 และ MT5
  • สามารถปรับแต่งการแสดงผล เลือกช่วงเวลา และความลึกของระดับแนวรับแนวต้านได้ตามต้องการ
  • ใช้ในการหาจุดเข้าเทรด ตั้ง Stop Loss และ Take Profit รวมถึงใช้ร่วมกับ Indicator อื่นๆ ได้ทุกตัว

Pivot Point All in One

Pivot Point (PP) คือ ระดับราคาที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้เพื่อประเมินว่าราคาเป็นขาขึ้นหรือขาลง โดยมักจะมีวิธีคำนวณที่หลากหลายรูป แต่ส่วนมากเรานิยมใช้ระดับราคา High, Low, Close ของวันก่อนหน้าที่เราจะเทรดมาคำนวณครับ ซึ่งทำให้ PP เป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นและปรับใช้ได้กับหลายสถานการณ์การเทรด

นอกจากนี้ Pivot Points ยังเป็น indicator ประเภทหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเป็นพื้นฐานในการกำหนดแนวโน้มของตลาดอีกด้วย


ความเป็นมาของ Pivot Point

PP มีประวัติย้อนไปไกลถึงยุคก่อนที่จะมีกระดานหุ้นออนไลน์เสียอีก โดยต้นกำหนดของมันมาจากเทรดเดอร์รุ่นเก่า (Floor Trader) ที่คิดค้นวิธีการนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะซื้อขายหุ้นกัน ซึ่งพวกเขามักจะดูราคาสูง (High), ต่ำ (Low), และราคาปิด (Close) ของวันก่อนหน้าที่เขาจะเริ่มเทรด มาคำนวณ PP เพื่อหาจุดเขาซื้อขายที่เหมาะสมครับ

นอกจากนี้ PP มักจะถูกใช้เพื่อหาแนวรับ-แนวต้าน สำหรับการเทรดภายในวันได้อีกด้วย โดยแนวรับแนวต้านดังกล่าวจะถูกคำนวณบนพื้นฐานของราคาสูง, ต่ำ, ปิด ของวันก่อน ๆ ตามที่ได้เล่ามาครับ เรามาเข้าสูตรการคำนวณกันเถอะ

 

“แม้ว่า Indicator จะแสดงจุดกลับตัวของแนวโน้มที่เป็นไปได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้โดยไม่เชื่อมโยงกับระบบการซื้อขายหลัก”

 

ตัวอย่างการตีเส้น Pivot Point
ตัวอย่างการตีเส้น Pivot Point พร้อมแนวรับ แนวต้าน ด้วย Indicator

สูตรการคำนวณอย่างง่าย

เนื่องจาก PP ถือกำเนิดมานานแล้ว จึงมีผู้คนพัฒนาสูตรการคำนวณมาใหม่อีกหลากหลายรูปแบบครับ แต่ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งบทความนี้อาจจะนำมาเสนอเพียง 6 รูปแบบ เพื่อให้เทรดเดอร์ได้ทราบว่าการคำนวณ Pivot Point ทำกันอย่างไร ซึ่ง 6 รูปแบบดังกล่าวได้แก่

Classical PP

วิธีการคำนวณ PP แบบนี้เทรดเดอร์บางท่านเรียก Classical PP หรือบางก็เรียกว่า Standard PP ครับ โดยวิธีนี้เราจะใช้ค่าพารามิเตอร์เพียง 3 ตัวเท่านั้น ได้แก่ High price, Low price และ Close price ครับ จากนั้นเราก็จะเอามาคำนวณหา PP และ แนวรับ-แนวต้าน ตามลำดับครับ

  • Pivot Point (P) = (High + Low + Close)/3
  • Support 1 (S1) = (P x 2) – High
  • Support 2 (S2) = P – (High – Low)
  • Resistance 1 (R1) = (P x 2) – Low
  • Resistance 2 (R2) = P + (High – Low)

Fibonacci PP

การคำนวณ PP แบบนี้เป็นวิธีที่นำประโยชน์ของ Fibonacci เข้ามาใช้ด้วย ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถนำไปใช้เทรดตามเทรนใหญ่ ๆ ได้ดีครับ

  • Pivot Point (P) = (High + Low + Close)/3
  • Support 1 (S1) = P – {.382 * (High – Low)}
  • Support 2 (S2) = P – {.618 * (High – Low)}
  • Support 3 (S3) = P – {1 * (High – Low)}
  • Resistance 1 (R1) = P + {.382 * (High – Low)}
  • Resistance 2 (R2) = P + {.618 * (High – Low)}
  • Resistance 3 (R3) = P + {1 * (High – Low)}
Fibonacci คือ ชุดตัวเลขมหัศจรรย์ที่สามารถนำมาใช้ได้หลากหลายรูปแบบมาก ๆ ครับ

Demark PP

Demark PP คือ วิธีการคำนวณหา PP ในรูปแบบหนึ่งที่ถูกพัฒนาโดยคุณ Tom Demark ซึ่งวิธีนี้เขาจะใช้ความสัมพันธ์ระหว่าง Close และ Open เข้ามาอยู่ในสมการด้วย นอกจากนี้คุณ Demark ยังได้ใช้ค่า X เข้ามาเพื่อคำนวณหา PP อีกด้วย โดยสูตรคำนวณมีดังนี้ครับ

  • ถ้า Close < Open, ให้ X = High + (2 x Low) + Close
  • ถ้า Close > Open, ให้ X = (2 x High) + Low + Close
  • ถ้า Close = Open, ให้ X = High + Low + (2 x Close)

จากนั้นให้คำนวณหา PP และแนวรับ-แนวต้าน ต่อดังนี้

  • Pivot Point (P) = X/4
  • Support 1 (S1) = X/2 – High
  • Resistance 1 (R1) = X/2 – Low

Woodie PP

Woodie PP เขาจะมีวิธีการคำนวณที่คล้าย ๆ กับ Classic PP ครับ แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยในสมการ เนื่องจากเขาจะนำ 2 มาคูณเข้ากับ Close จากนั้นจึงนำมาหาร 4 ซึ่งจากปกติแบบ Classic เขาจะใช้ Close แล้วหารด้วย 3 ครับ

  • Pivot Point (P) = (High + Low + 2 x Close) / 4
  • Support 1 (S1) = (2 x P) – High
  • Support 2 (S2) = P – High + Low
  • Resistance 1 (R1) = (2 x P) – Low
  • Resistance 2 (R2) = P + High – Low

Camarilla PP

Camarilla PP คือ การคำนวณ PP ที่ถูกพัฒนาโดยคุณ Nick Scott ตั้งแต่ปี 1980 ครับ โดย Camarilla PP มีคอนเซปคล้าย ๆ กับ Woodie PP แต่แทนที่จะมีแนวรับแนวต้านอย่างละ 2 เส้น ก็กลายเป็น 4 เส้น ซึ่ง PP ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับการเทรดภายในวัน, การเทรดแบบสั้น, และการเทรดสไตล์ Scalping ครับ

  • R4 = C + ((H-L) x 5000)
  • R3 = C + ((H-L) x 2500)
  • R2 = C + ((H-L) x 1666)
  • R1 = C + ((H-L) x 0833)
  • PP = (H + L + C) / 3
  • S1 = C – ((H-L) x 0833)
  • S2 = C – ((H-L) x 1666)
  • S3 = C – ((H-L) x 2500)
  • S4 = C – ((H-L) x 5000)

เมื่อ :

R = Resistance; S = Support; C = Close; H = High; L = Low

Central Pivot Range (CPR) PP

วิธีการคำนวณ PP แบบ CPR มีความแตกต่างกับวิธีอื่น ๆ แบบเห็นได้ชัดครับ (ถ้าไม่นับ Demark PP อะนะ) เนื่องจากเขามีเพียง 3 เส้นเท่านั้น ซึ่งจะมีเส้น PP, R1, และ S1 เท่านั้นครับ โดยปกติแล้วเรามักจะใช้เทรดกันใน Time Frame M30 ซึ่งใช้เพื่อเป็นการระบุเทรนด์ครับ

  • หากราคาอยู่เหนือทั้ง 3 เส้น หมายถึง เทรนขาขึ้น
  • หากวันซื้อขายปิดต่ำกว่าทั้งสามระดับ แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นอ่อนตัวลง
  • หากราคาอยู่ใต้ทั้ง 3 เส้น หมายถึง เทรนขาลง

สูตรการคำนวณ CPR PP

  • Pivot = (High + Low + Close) / 3
  • Bottom Central Pivot (BC) = (High + Low) / 2
  • Top Central Pivot = (Pivot – BC) + Pivot

Pivot Point All in One คืออะไร?

Pivot Point All in One นับว่าเป็น Indicator ที่สามารถคิดคำนวณ PP ได้อยู่ 4 วิธียอดนิยม ได้แก่ Classic, Woodie, Fibonacci, และ CPR ครับ นอกจากนี้ยังสามารถปรับค่าอื่น ๆ ได้อย่างอิสระด้วย โดยเขาจะมีให้ติดตั้งได้ทั้ง MT4 และ MT5 ครับ

การตั้งค่าการใช้งาน

การตั้งค่า หรือ Setup Indicator ตัวนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดของเทรดเดอร์แต่ละท่านครับ ซึ่งเราขออธิบายพารามิเตอร์ต่าง ๆ ดังนี้นะครับ

  • Calculation Method/Period: ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเลือกวิธีการคำนวณ PP และกรอบเวลาในการแสดง indicator ได้
  • Available timeframes to display: สามารถตั้งค่าได้จาก Daily ไปถึง Monthy
  • Show Only Recent Period: สามารถโชว์ได้ทั้งระยะสั้นและยาว
  • Depth of Levels (show up to): สามารถเลือกให้โชว์ได้ตั้งแต่ S1/R1 ไปจนถึง S4/R4
  • Number of periods to show: สามารถเลือกจำนวนช่วงเวลาที่ Indicator จะโชว์
  • Right Shift: สามารถ เปิด/ปิด การโชว์ display แนวตั้งได้

นอกจากนี้ยังสามารถปรับความเข้ม ความหนา และสีของเส้นที่โชว์บน Indicator ได้อีกด้วยครับ

การแสดงหน้า User interface setting ของ Pivot Point All in one

วิธีการใช้งาน

การใช้งาน PP นั้นขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของเทรดเดอร์เลยครับว่าจะเทรดแบบตามเทรนด์ หรือจะเทรดแบบ swing หรืออื่น ๆ ครับผม ซึ่งเทรดเดอร์อาจจะเทรดด้วยการตีเทรนด์ก่อนแล้วหาแนวรับแนวต้านที่สำคัญ จากนั้นจึงเข้าเทรดช่วงจังหวะ Breakout ก็ได้ครับ

ตัวอย่างการใช้ Pivot Point All in One indicator ที่ใช้วิธีคิดคำนวณโดยใช้ Fibonacci method

การใช้ Pivot Point All in one คู่กับ Indicator ตัวอื่น

สามารถใช้เทรดควบคู่ไปกับ Indicator ได้เกือบทุกตัวครับ ซึ่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดของเทรดเดอร์ ใครที่ชื่นชอบการเทรดแบบ Swing ก็มักจะใช้คู่กับ Indicator ประเภท Oscillator ก็ได้ครับ

สรุป

Pivot Point (PP) คือ เครื่องมือที่เทรดเดอร์รุ่นแรก ๆ ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อหาจุดเข้า order ที่เหมาะสม ซึ่งบางท่านสามารถนำ PP มาตั้ง Stop Loss และ Take Profit ได้ โดยปัจจุบัน PP ถูกพัฒนามาไกลมาก จึงได้มีวิธีคิดคำนวณที่หลากหลายดั่งที่เราได้ให้ข้อมูลไปข้างต้นนั่นเองครับ

Free Download: คลิ๊กเพื่อโหลดฟรีจ้า

 

ทีมงาน Forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments