Forexthai.in.th ย่อให้
- ระบบเทรด Forex Easy Scalping System เป็นตัวอย่างแนวคิดในการสร้างระบบเทรดแบบ scalping อย่างง่าย
- เครื่องมือที่ใช้ มีเพียง 3 ตัวคือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ EMA, Bollinger Bands, และ Stochastic Oscillator
- Indicator มีเพียง EMA ที่ใช้ 2 เส้น คือ EMA20 และ EMA50 ที่เหลือใช้ค่ามาตรฐานเดิมที่ตั้งเอาไว้
- การวิเคราะห์แนวโน้มของราคา Forex โดยวิเคราะห์จากการระบุแนวโน้ม, ยืนยันการ breakout, วัด Momentum, พร้อมทั้งวัดความผันผวนของราคาด้วย
- เป็นแนวคิดระบบเทรดที่สามารถนำไปเขียนเป็น EAs เพื่อใช้ในการเทรด Forex ได้ หรือจะปรับเปลี่ยนตัว Indicator ไปใช้ตัวที่ชื่นชอบก็ย่อมได้
ด้วยความที่ว่ามันมีกลยุทธ์การซื้อขายแบบ scalping และตัว Indicators มากมาย ที่สามารถนำมาใช้ได้ในตลาด Forex เพียงแต่สิ่งที่สำคัญคือต้องมีกลยุทธ์ในการเทรดด้วยมุมมองที่สมจริง เพื่อที่จะทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาเพียงเล็กน้อยได้
บทความนี้คือตัวอย่างระบบเทรดแบบ Forex Easy Scalping System ซึ่งเป็นตัวอย่างแนวคิดในการสร้างระบบเทรดแบบ scalping อย่างง่าย โดยใช้เครื่องมือที่มีใน MT4 หรือ MT5 อยู่แล้ว
ข้อมูลเบื้องต้น
ระบบเทรดแบบ Forex Easy Scalping System เป็นแนวคิดเพื่อการสร้างกลยุทธ์การซื้อขาย forex ที่มีเป้าหมายคือ “การทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว” เป็นกลยุทธ์ที่มักใช้กราฟระยะเวลาสั้น เช่น 1 นาทีถึง 15 นาที เพื่อติดตามผลการเทรด
ระบบเทรด Forex Easy Scalping System ที่นำมาแสดงในบทความต่อไปนี้ เป็นการใช้ Indicator เพียงไม่กี่ตัว มาช่วยในการวิเคราะห์ราคา เป็นระบบเทรดตัวอย่างที่ใช้เส้น EMA, Bollinger Bands, และ Stochastic Oscillator ในการสร้างระบบเทรด
ซึ่งแนวคิดนี้ เทรดเดอร์ท่านใดจะนำไปปรับเปลี่ยนตัว Indicators เพื่อใช้วิเคราะห์ หรือจะนำไปพัฒนาต่อยอดด้วยการเขียนเป็น EA ก็ย่อมได้ สามารถทำได้ตามความต้องการเลย

เครื่องมือที่ใช้
ระบบเทรดแบบ Forex Easy Scalping System จะใช้เครื่องมือในการช่วยวิเคราะห์ราคา Forex ที่ไม่ยุ่งยากอะไรเลย โดยใช้เครื่องมือดังต่อไปนี้
- ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ EMA: ใชเพื่อระบุแนวโน้มและยืนยันการ breakout
- Bollinger Bands: ใช้วัดความผันผวนของราคา
- Stochastic Oscillator: ใช้เพื่อวัด Momentum
เครื่องมือทั้งหมดนี้ มีให้ใช้ได้ฟรีบนโปรแกรมเทรดอย่าง MT4/MT5 อยู่แล้ว พร้อมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนช่วงเวลาและระยะเวลาข้อมูลได้ตามต้องการอีกด้วย
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ EMA
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ EMA หรือ Exponential Moving Average (EMA) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟราคาซึ่งคล้ายกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ SMA แต่ EMA ให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากกว่าข้อมูลเก่า สามารถใช้เพื่อการวิเคราะห์ราคา ดังนี้
- ระบุแนวโน้ม: เส้น EMA ที่ชี้ขึ้นบ่งบอกว่าแนวโน้มเป็นขาขึ้น เส้น EMA ที่ชี้ลงบ่งบอกว่าแนวโน้มเป็นขาลง เส้น EMA ที่ราบเรียบบ่งชี้ว่าไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
- ยืนยันการ breakout: เมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับพร้อมกับ EMA บ่งชี้ว่าการ breakout นั้นมีความน่าเชื่อถือ

ข้อดีของเส้น EMA
ข้อดีของเส้น EMA ที่ช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา Forex คือ
- ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาได้รวดเร็ว: EMA ให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากกว่าข้อมูลเก่า จึงตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาได้รวดเร็วกว่า SMA
- ช่วยลดสัญญาณรบกวน: EMA ช่วยลดสัญญาณรบกวนจากข้อมูลราคาในอดีต ทำให้กราฟดูเรียบเนียนขึ้น
ข้อเสียของเส้น EMA
แม้จะมีข้อเสียของเส้น EMA ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา Forex อย่างเช่น ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาช้ากว่า SMA เล็กน้อย หรืออาจให้สัญญาณที่ผิดพลาด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการผันผวนของราคาแรง ๆ แต่โดยรวมแล้วข้อดียังคงโดดเด่นชัดเจนกว่ามาก
ตัวอย่างการใช้งาน EMA
EMA 20 วัน ร่วมกับ EMA 50 วัน:
กลยุทธ์นี้เป็นการใช้เส้น EMA 20 วัน ตัดกับเส้น EMA 50 วัน
- BUY: จุดซื้อเกิดขึ้นเมื่อ EMA 20 วัน ตัดขึ้นเหนือ EMA 50 วัน
- SELL: จุดขายเกิดขึ้นเมื่อ EMA 20 วัน ตัดลงต่ำกว่า EMA 50 วัน

EMA Divergence:
Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาและ EMA เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้าม เช่น
- แนวโน้มขาขึ้น: Divergence ขาขึ้นอาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะกลับตัวลง
- แนวโน้มขาลง: Divergence ขาลงอาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะกลับตัวขึ้น
โดยรวมแล้วเส้น EMA เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประโยชน์ ซึ่งสามารถใช้เพื่อระบุแนวโน้ม ยืนยันการ breakout และระบุจุดเข้าและจุดออกของการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Bollinger Bands
Bollinger Bands หรือ แถบ Bollinger เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา พัฒนาโดย John Bollinger นักวิเคราะห์ทางเทคนิคชื่อดัง Bollinger Bands แสดงผลบนกราฟราคาเป็นเส้น 3 เส้น ดังนี้
- เส้นตรงกลาง: เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ มักใช้ค่า SMA (Simple Moving Average) ระยะเวลา 20 วัน
- เส้นบน: อยู่เหนือเส้นตรงกลาง ห่างออกไประยะเท่ากับ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) คูณด้วย ค่าสัมประสิทธิ์ (Multiplier) ซึ่งมักตั้งค่าไว้ที่ 2
- เส้นล่าง: อยู่ใต้เส้นตรงกลาง ห่างออกไประยะเท่ากับ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานคูณด้วยค่าสัมประสิทธิ์ ซึ่งมักตั้งค่าไว้ที่ 2 เท่ากันกับเส้นบน

การใช้งาน Bollinger Bands
Bollinger Bands สามารถใช้บ่งบอกถึงสภาวะตลาดและพฤติกรรมของราคาได้ดังนี้
- เมื่อ Bollinger Bands แคบลง: บ่งบอกถึงความผันผวนของราคาที่ลดลง อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงพักตัว หรืออาจเป็นสัญญาณก่อนการเกิดการ breakout ของราคา
- เมื่อ Bollinger Bands ขยายกว้างขึ้น: บ่งบอกถึงความผันผวนของราคาที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงที่มีแนวโน้ม หรืออาจเป็นสัญญาณก่อนการเกิดการ consolidation (ราคาแกว่งตัวอยู่ในกรอบ)
- เมื่อราคาอยู่ใกล้เส้นบน: บ่งบอกถึงภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) อาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะกลับตัวลง
- เมื่อราคาอยู่ใกล้เส้นล่าง: บ่งบอกถึงภาวะขายมากเกินไป (Oversold) อาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะกลับตัวขึ้น
กลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้ Bollinger Bands
มีกลยุทธ์ในการซื้อขายหลายรูปแบบ ที่ใช้ Bollinger Bands เป็นตัวช่วย ตัวอย่างกลยุทธ์ยอดนิยมมีดังนี้
- Breakout: ซื้อเมื่อราคาทะลุเส้นบน ขายเมื่อราคาทะลุเส้นล่าง
- Bounce: ซื้อเมื่อราคาแตะเส้นล่าง ขายเมื่อราคาแตะเส้นบน
- Squeeze: เข้าซื้อเมื่อ Bollinger Bands บีบตัวแคบลง และเกิด breakout

การตั้งค่า Bollinger Bands
ค่าระยะเวลาของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และค่าสัมประสิทธิ์การคูณ ทั้งสองอย่างส่งผลต่อความไวของสัญญาณ เทรดเดอร์ควรทดสอบค่า Bollinger Bands ที่แตกต่างกัน เพื่อหาค่าที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การซื้อขายของตัวเอง
Stochastic Oscillator
Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้เพื่อวัด Momentum ของราคา Forex เปรียบเทียบราคาปิดปัจจุบันกับช่วงราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงที่กำหนด โดย Stochastic Oscillator จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0% ถึง 100%
- ค่า 0%: แสดงว่าราคาปิดอยู่ที่ ราคาต่ำสุด ในช่วงที่กำหนด
- ค่า 100%: แสดงว่าราคาปิดอยู่ที่ ราคาสูงสุด ในช่วงที่กำหนด

การใช้งาน Stochastic Oscillator
การใช้งาน Stochastic Oscillator เพื่อช่วยในการเทรด สามารถใช้ได้ดังนี้
การระบุจุดเข้าและออก:
- จุดซื้อ BUY: เกิดขึ้นเมื่อ %K ตัดขึ้นเส้น %D จากด้านล่าง หรือเมื่อ %D อยู่ต่ำกว่าระดับ oversold (เช่น 20%)
- จุดขาย SELL: เกิดขึ้นเมื่อ %K ตัดลงเส้น %D จากด้านบน หรือเมื่อ %D อยู่สูงกว่าระดับ overbought (เช่น 80%)
การยืนยันแนวโน้ม:
- แนวโน้มขาขึ้น: มักเกิดขึ้นเมื่อ %K และ %D อยู่เหนือระดับ 50% และมีแนวโน้มพุ่งขึ้น
- แนวโน้มขาลง: มักเกิดขึ้นเมื่อ %K และ %D อยู่ต่ำกว่าระดับ 50% และมีแนวโน้มลดลง
การหาจุดกลับตัว:
- Divergence: เกิดขึ้นเมื่อราคาและ Stochastic Oscillator เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้าม Divergence ขาขึ้นอาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะกลับตัวลง และ Divergence ขาลงอาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะกลับตัวขึ้น

การใช้ Stochastic Oscillator ช่วยเทรด
การซื้อขายแบบ Crossover:
การซื้อขายแบบ Overbought/Oversold:
- BUY: ซื้อเมื่อ %D อยู่ต่ำกว่าระดับ oversold
- SELL: ขายเมื่อ %D อยู่สูงกว่าระดับ overbought
การซื้อขายแบบ Divergence:
- BUY: ซื้อเมื่อเกิด Divergence ขาลง
- SELL: ขายเมื่อเกิด Divergence ขาขึ้น
เงื่อนไขการเข้าเทรด
กลยุทธ์การเทรดนี้ใช้ Indicator 3 ตัวร่วมกัน ได้แก่ EMA, Bollinger Bands และ Stochastic Oscillator เพื่อวิเคราะห์โมเมนตัม แรงกดดัน และความอิ่มตัวของตลาด สัญญาณจาก Indicator ทั้ง 3 นี้จะถูกนำมาประกอบกัน เพื่อตัดสินใจ เปิด/ปิด คำสั่งซื้อขาย โดยมีรายละเอียดดังนี้
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ EMA (Exponential Moving Average)
ให้ใช้เส้น EMA 2 เส้น เส้นแรกคือ EMA ระยะสั้น (เช่น 10 วัน) และเส้นที่สองคือ EMA ระยะยาว (เช่น 20 วัน)
- สัญญาณซื้อ: ราคาขึ้นไปยืนเหนือ EMA ระยะสั้น และเส้นระยะสั้นก็ตัดขึ้นไปบนเส้น EMA ระยะยาวด้วย
- สัญญาณขาย: ราคาทะลุลงไปต่ำกว่า EMA ระยะสั้น และทั้งราคากับ EMA ระยะสั้น ก็วิ่งลงต่ำกว่า EMA ระยะยาว
Bollinger Bands
ให้ใช้ Bollinger Bands ที่มีค่า Standard Deviation 2 เท่า ที่เป็นค่ากำหนดเอาไว้อยู่แล้ว ไม่ต้องปรับเปลี่ยน
- สัญญาณซื้อ: ราคาแตะหรือทะลุ Bollinger Band ล่าง
- สัญญาณขาย: ราคาแตะหรือทะลุ Bollinger Band บน
Stochastic Oscillator
ขอให้ตั้งค่า Stochastic Oscillator เอาไว้ที่ 14, 3, 3 เพื่อการวิเคราะห์ราคา
- สัญญาณซื้อ: เกิดขึ้นเมื่อ Stochastic Oscillator ต่ำกว่า 20
- สัญญาณขาย: เกิดขึ้นเมื่อ Stochastic Oscillator สูงกว่า 80

การเปิดคำสั่ง Buy
- ราคาข้าม EMA ระยะสั้นเหนือ EMA ระยะยาว
- ราคาแตะหรือทะลุ Bollinger Band ล่าง
- Stochastic Oscillator ต่ำกว่า 20
การปิดคำสั่ง Buy
- ราคาข้าม EMA ระยะสั้นต่ำกว่า EMA ระยะยาว
- ราคาแตะหรือทะลุ Bollinger Band บน
- Stochastic Oscillator สูงกว่า 80
การเปิดคำสั่ง Sell
- ราคาข้าม EMA ระยะสั้นต่ำกว่า EMA ระยะยาว
- ราคาแตะหรือทะลุ Bollinger Band บน
- Stochastic Oscillator สูงกว่า 80
การปิดคำสั่ง Sell
- ราคาข้าม EMA ระยะสั้นเหนือ EMA ระยะยาว
- ราคาแตะหรือทะลุ Bollinger Band ล่าง
- Stochastic Oscillator ต่ำกว่า 20

กลยุทธ์การเทรดแบบ Forex Easy Scalping System นี้ ใช้ Indicator 3 ตัวร่วมกัน ผู้ใช้สามารถปรับแต่งกลยุทธ์นี้โดยใช้ Indicator เพิ่มเติมหรือลบ Indicator ออกก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องทดสอบกลยุทธ์นี้บนบัญชีทดลองก่อนใช้งานจริงจะดีกว่า
จุดอ่อนของระบบ
ความโดดเด่นของระบบเทรดแบบ Forex Easy Scalping System คือมีโอกาสทำกำไรบ่อยครั้ง เพราะว่าตลาด forex มีสภาพคล่องสูงและเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีจุดอ่อนอยู่บ้าง ดังนี้
- อาจทำกำไรน้อย: กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Scalping มุ่งเน้นไปที่การทำกำไรเล็กน้อยจากการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าเราอาจต้องทำการซื้อขายหลายครั้งเพื่อสร้างผลกำไรที่มากขึ้น
- มีความเสี่ยงสูง: การเทรดระยะสั้นบนตลาด forex ที่มีความผันผวนสูง ซึ่งราคาอาจวิ่งไปในทิศทางที่ไม่คาดคิดได้ การเทรดอาจสูญเสียเงินได้อย่างรวดเร็ว หากไม่จัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
- ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน: การเทรดแบบ Forex Easy Scalping System อาจดูเรียบง่าย แต่ก็ต้องใช้เวลาและการฝึกฝนเพื่อเรียนรู้วิธีใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทดสอบในบัญชี demo ก่อนที่จะเทรดด้วยเงินจริง
อ้างอิง
สำหรับเทรดเดอร์ท่านใดที่นอกจากจะต้องการทดสอบระบบเทรดแบบ Forex Easy Scalping System ตามบทความนี้ หรืออยากออกแบบระบบเทรดเองตามแนวคิดของบทความนี้ บางทีอาจอยากเขียนเป็น EAs เพื่อนำไปใช้ด้วย เรามีแหล่งดาวน์โหลด Free Metatrader Indicators + Free Metatrader Expert Advisors (EAs) มาแบ่งปันด้วย
https://www.pointzero-trading.com/en/Products/free
ทีมงาน: forexthai.in.th