Forexthai.in.th ย่อให้
- โบรกเกอร์ Forex ต้องได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น FCA, NFA, CFTC เพื่อความปลอดภัยของเงินลงทุน
- มีโบรกเกอร์ให้เลือกหลายประเภท ทั้ง Market Maker, ECN, STP และ DMA แต่ละแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน
- ต้องพิจารณาทั้งค่าธรรมเนียม สเปรด ความเสถียรของแพลตฟอร์ม และการให้บริการลูกค้า
- ตรวจสอบระบบการฝึกอบรมและการเรียนรู้ที่โบรกเกอร์มีให้ ว่าตรงกับสไตล์การเทรดของเรา
- ความปลอดภัยของเงินฝากต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ดูว่ามีการแยกบัญชีลูกค้าออกจากเงินของโบรกเกอร์หรือไม่
นี่คือจุดแลนด์มาร์คแรกที่เราต้องจัดการก่อน การเลือกโบรกเกอร์ Forex เป็นสิ่งสำคัญมากในการเริ่มต้น เหมือนกับว่าถ้าฐานที่มั่นของเราแข็งแกร่ง รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้งประมาณนั้น
FOREX BROKERS คือ ฐานที่มั่นแรก ที่ต้องเลือกก่อน
เพราะว่าในวงการอุตสาหกรรมการเทรดฟอเร็กซ์นั้น มีบริษัทที่เปิดให้บริการด้านการเป็นโบรกเกอร์สำหรับนักเทรดมากมายเหลือเกิน ถ้าเราเลือกโบรกเกอร์ได้ดี เราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วนะ
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
รู้จักกับ Forex Market Hierarchy ก่อน
Forex Market Hierarchy หมายถึงโครงสร้างที่เป็นลำดับชั้นของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange Market) ซึ่งประกอบด้วยผู้ร่วมซื้อขายและตลาดที่มีบทบาทต่าง ๆ ในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
ลำดับชั้นของตลาด Forex สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก ๆ ได้ดังนี้:
- Interbank Market: นี่คือระดับสูงสุดของ Forex ซึ่งประกอบด้วยธนาคารที่ใหญ่ที่สุดและสถาบันการเงินที่มีความสามารถในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศในปริมาณมาก ๆ
- Retail Market: เป็นระดับรองลงมา ซึ่งเป็นตลาดของนักลงทุนรายย่อย นักเทรดส่วนบุคคล และบริษัทเล็ก ๆ ซึ่งสามารถซื้อขายเงินตราต่างประเทศได้ผ่านโบรกเกอร์ (Broker) ที่เปิดให้บริการ
- Exchange-Traded Market: อันนี้เป็นระดับต่ำสุดของลำดับชั้น Forex ซึ่งเป็นตลาดที่ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ผ่านสินค้าภายในตลาด เช่น ตลาดอนุพันธ์เงินตราต่างประเทศ (Currency Futures Market) หรือตั๋วเงินตราต่างประเทศ (Currency Options) เป็นต้น
โดยรวมแล้ว Forex Market Hierarchy บ่งบอกถึงระดับและบทบาทของผู้ร่วมซื้อขายในตลาด Forex ที่แตกต่างกันไป นักเทรดอย่างพวกเราเองก็เข้าถึงตลาดผ่านทาง Retail Market โดยบริษัทโบรกเกอร์ Forex ที่เปิดให้บริการนั่นเอง
หน่วยงานที่กำกับดูแลโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
เมื่อโบรกเกอร์คือผู้บริการที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน มันจึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่กำกับดูแลคอยควบคุม เพื่อป้องกันการโกง การตุกติกหลอกลวง
มีหน่วยงานกำกับดูแลโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์หลายแห่งทั่วโลก ต่อไปนี้คือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือที่สุด:
- Financial Conduct Authority (FCA): FCA เป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินและบริการทางการเงินในสหราชอาณาจักร (UK)
- National Futures Association (NFA): NFA เป็นองค์กรกำกับดูแลตลาดฟิวเจอร์และตลาดอนุพันธ์ในสหรัฐอเมริกา
- Commodity Futures Trading Commission (CFTC): CFTC เป็นหน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐอเมริกา ที่กำกับดูแลปกป้องความเป็นธรรมในตลาดการเงิน
- Australian Securities and Investments Commission (ASIC): ASIC เป็นหน่วยงานกำกับดูแลการเงินและบริการทางการเงินในออสเตรเลีย
- Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC): CySEC เป็นหน่วยงานกำกับดูแลและรับอนุญาตในการดำเนินกิจการทางการเงินในเกาะไซปรัส
หน่วยงานเหล่านี้ มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและคุ้มครองผู้บริโภคในตลาด Forex พวกบริษัท Brokers ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ได้รับความน่าเชื่อถือและความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจของพวกเขา
ประเภทของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
การเลือกโบรกเกอร์ Forex นั้นต้องดูประเภทบัญชีด้วยครับ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้เองมีการจัดแบ่งโบรกเกอร์เป็นหลายประเภท ตามลักษณะการให้บริการ ต่อไปนี้คือประเภทของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีอยู่:
- Market Maker: โบรกเกอร์ Market Maker เป็นผู้กำหนดราคาซื้อ-ขายของตลาดเอง โดยจะเสนอราคาซื้อและราคาขายตลอดเวลา มีการกำหนดส่วนต่างที่เรียกว่า “สเปรด” (Spread) จากการซื้อขายเป็นค่าบริการ
- ECN Broker: ECN Broker เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระบบการซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงธนาคารและผู้ร่วมซื้อขายอื่น ๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โบรกเกอร์แบบนี้ไม่มีสเปรดแนบเข้ากับราคา แต่จะเรียกค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายแทน
- STP Broker: STP Broker รับคำสั่งซื้อขายจากลูกค้าและส่งต่อไปยังผู้ให้บริการการเงินหรือตลาดโดยตรง โบรกเกอร์แบบนี้ไม่มีตัวกลางในการกำหนดราคา และให้ราคาที่ได้รับจากผู้ให้บริการตลาดโดยตรง นักเทรดจะได้รับราคาตลาดแบบแท้ ๆ เลย
- DMA Broker: เป็น Broker ที่ให้นักเทรดเข้าถึงตลาดโดยตรง ผ่านระบบการเชื่อมต่อที่เป็นธรรมชาติของตลาด โดยไม่มีการกำหนดราคาหรือสเปรดที่ถูกเพิ่มเข้าไป นักเทรดจะสามารถเข้าถึงตลาดและสามารถซื้อขายในราคาที่มีอยู่ในตลาดดดยตรง
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ คือรูปแบบของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีให้เลือก นักเทรดควรพิจารณาความต้องการของตนเองและศึกษาโบรกเกอร์ที่เหมาะสมสำหรับสไตล์การเทรดและวัตถุประสงค์ของตนเอง
6 สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเลือก Broker
มาถึงขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งแล้ว นั่นก็คือข้อมูลที่จำเป็นมาก ที่เราต้องรู้ก่อนจะเลือกโบรกเกอร์ใด ๆ มาเป็นฐานที่มั่น ที่เหมาะสมสำหรับสไตล์การบุกทะลวงแบบเรา นี่คือ 6 สิ่งที่คุณควรรู้:
- การรับอนุญาตและการกำกับดูแล: โบรกเกอร์ ต้องมีการรับรองและการกำกับดูแลจากหน่วยงานการเงินที่เชื่อถือได้
- ค่าธรรมเนียมและสเปรด: ค่าธรรมเนียมการซื้อขายและสเปรดที่โบรกเกอร์เสนอ มีความสมเหตุสมผลไหม
- ความเสถียรของแพลตฟอร์มเทรด: แพลตฟอร์มการซื้อขายที่โบรกเกอร์ให้ใช้งาน มีความเสถียรและเครื่องมือในการวิเคราะห์ตลาดครบถ้วนไหม
- การสนับสนุนลูกค้า: การ Support และบริการตลอด 24 ชั่วโมงหรือเปล่า มีช่องทางการสื่อสารที่สะดวกสบายกี่ช่องทาง
- การฝึกอบรมและเรียนรู้: โบรกเกอร์มีการฝึกอบรมและสอนเรื่องการเทรดที่เหมาะสม ที่ตรงกับสไตล์ของคุณไหม
- ความปลอดภัยของเงินฝาก: ตรวจสอบว่าเงินฝากของคุณจะได้รับความปลอดภัยอย่างไร เช่น การเก็บเงินฝากในบัญชีแยกต่างหากจากเงินของโบรกเกอร์หรือไม่
ดังที่ว่าไว้ การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมสำหรับคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีผลต่อความปลอดภัยของเงินฝากของคุณ คุณควรทำความเข้าใจและศึกษาโบรกเกอร์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ
ทีมงาน: forexthai.in.th