Forexthai.in.th ย่อให้

  • Triple Top และ Triple Bottom เป็นรูปแบบกราฟที่บ่งชี้การกลับตัวของเทรนด์ มักเกิดขึ้นบ่อยและมีความแม่นยำสูง
  • Triple Top พบในเทรนด์ขาขึ้น เกิดจากการพยายามสร้าง Swing-High 3 ครั้งที่ล้มเหลว แล้วหลุดเส้น Neckline ลงมา เป็นสัญญาณว่าราคากำลังจะกลับตัวลง
  • Triple Bottom พบในเทรนด์ขาลง เกิดจากการพยายามสร้าง New-Low 3 ครั้งที่ไม่สำเร็จ ก่อนจะทะลุเส้น Neckline ขึ้นไป บ่งชี้การเปลี่ยนเทรนด์เป็นขาขึ้น
  • การเทรดทั้งสองรูปแบบนี้ มักได้จังหวะเข้าตั้งแต่ต้นเทรนด์ใหม่ ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้ยาวๆ โดยควรตั้ง Stop Loss และเป้าหมายกำไรให้ได้ RR มากกว่า 1:1
  • แพทเทิร์นนี้ใช้ได้กับทุกคู่เงินและทุกไทม์เฟรม ไม่มีสัดส่วนตายตัว เพียงจดจำรูปแบบและฝึกฝนบ่อยๆ ก็สามารถนำไปใช้ทำกำไรได้

 

Triple Top และ Triple Bottom

หนึ่งในรูปแบบกราฟที่น่าสนใจ เกิดขึ้นได้บ่อย และมีความแม่นยำสูงในการบอกจุดกลับตัวของราคา (Reversal Pattern) คือ รูปแบบกราฟ Triple Top และ Triple Bottom

Triple Pattern มีลักษณะคล้ายกับกราฟ Sideway โดยการเคลื่อนที่แล้วสร้างกรอบราคา ก่อนที่จะกลับตัวในเวลาต่อมา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้เทรดเดอร์หลายคนเลือกใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการทำกำไร


Triple Top คืออะไร?

รูปแบบกราฟ Triple Top พบได้บ่อยในแนวโน้มขาขึ้น จะคล้ายกับ Double Top โดยจะมียอด (Top) ทั้งหมด 3 ยอด เกิดจากราคาพยายามที่จะสร้าง Swing-High แต่ไม่สำเร็จถึง 3 ครั้ง โดยความพยายามนี้จึงเป็นการสร้างรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เปรียบเสมือนแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลง

หลังจากทำยอดแต่ละครั้ง ราคาจะถอยกลับมาที่แนวรับหรือเส้น Neckline เสมอ บริเวณนั้นนับว่าเป็นแนวต้าน โดยระยะห่างระหว่าง Top กับ Neckline นี้จะเป็นตัวบ่งชี้ระยะทางที่ราคาอาจจะเคลื่อนที่หลังจากเกิดการเบรกเอาท์

สิ่งที่แตกต่างจาก Double Top นั่นก็คือ จะย้อนกลับไปพยายามทำ Swing-High ถึง 3 ครั้ง และจะหลุดเส้น Neckline ในที่สุด เกิดเป็นแพทเทิร์นที่สมบูรณ์ เป็นสัญญาณที่บอกว่ากราฟไม่สามารถไปต่อได้ และกำลังจะกลับตัวในไม่ช้า ในระหว่างเดียวกันแนวรับจะรับไม่อยู่เป็นครั้งที่ 3

 

กราฟสะท้อนอารมณ์ของผู้คนในตลาด และผู้คนในตลาดมักจะมีอารมณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เสมอ

 

การสร้างรูปแบบ Triple Top

รูปแบบ Triple Top
การสร้างรูปแบบ Triple Top

ความน่าสนใจของ Triple Top อยู่ที่การสะท้อนอารมณ์ของตลาด ในแนวโน้มขาขึ้น ก่อนที่จะสร้างรูปแบบแพทเทิร์น กราฟจะยังเป็นเสมือนขาขึ้นปกติ จนกว่าจะสร้างแพทเทิร์นเป็นที่เรียบร้อยจึงจะรู้ได้ว่าเป็นรูปแบบแพทเทิร์น

เมื่อราคาเริ่มพักตัวครั้งแรก เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าเป็นเพียงการพักตัวชั่วคราว ไม่นานก็จะกลับตัวแล้วขึ้นต่อ และเมื่อกราฟพยายามขึ้นต่อแต่เบรกไม่ผ่าน ทำ New-High ไม่สำเร็จเป็นครั้งที่สอง เทรดเดอร์อาจจะคิดได้ว่าเป็นรูปแบบ Double Top อาจเริ่มมีการขายทำกำไรมากขึ้น แต่แรงซื้อก็ยังประคองราคาไว้ได้

เมื่อราคาพยายามขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ยังไม่ผ่าน และครั้งนี้กลับลงมาหลุด Neckline นั่นแสดงว่าแรงซื้อหมดลงอย่างสิ้นเชิง เป็นจุดที่ Triple Top สมบูรณ์และพร้อมสำหรับการเทรด

Trade Setup ด้วย Triple Top

Trade Setup ด้วย Triple Top
Trade Setup ด้วย Triple Top

การเข้าเทรดด้วย Triple Top ถึงแม้จะมีความแม่นยำ แต่เทรดเดอร์ไม่ควรที่จะมองข้ามความปลอดภัย โดยการตั้ง Stop Loss เป็นไปตามระบบ ส่วนเป้าหมายทำกำไรสามารถตั้งให้ได้ RR ที่มากกว่า 1 ต่อ 1 ได้

การเทรดด้วย Triple Top ส่วนใหญ่จะเป็นการกลับตัวของแนวโน้ม นั่นหมายความว่าเป็นการเข้าเทรดตั้งแต่ “ต้นเทรนด์” เทรดเดอร์สามารถทำการรันเทรนด์ได้ตามสมควร

  • จุดเข้า Sell: คือ จุดเบรกเอาท์ รอให้ราคาปิดต่ำกว่าเส้น Neckline อย่างชัดเจน
  • จุด Stop Loss: จะอยู่เหนือยอด Top
  • Take Profit: อย่างน้อย 1 เท่าของระยะห่างระหว่าง Top ถึง Neckline
  • ปรับ Position Size ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

เพียงเข้าใจรูปแบบ ก็ไม่จำเป็นต้องท่องจำ

 

Triple Bottom คืออะไร?

รูปแบบกราฟ Triple Bottom ก็คือรุปแบบ Triple Top กลับหัว มีจุดต่ำสุด (Bottom) 3 จุดในระดับใกล้เคียงกัน แสดงถึงความพยายามที่จะทะลุแนวรับลงไป สร้าง New-Low แต่ไม่สำเร็จ

ทุกครั้งที่ราคาลงมาถึงแนวรับ จะสร้าง Bottom ไว้ถึง 3 ครั้ง เพราะมีแรงซื้อเข้ามาหนุน จนต้องดีดกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านหรือ Neckline สร้างเป็นกรอบราคา ก่อนที่จะทำการเบรกเอาท์เส้น Neckline เป็นรูปแบบการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้นอย่างสมบูรณ์ในที่สุด

การสร้างรูปแบบ Triple Bottom

รูปแบบ Triple Bottom
การสร้างรูปแบบ Triple Bottom

ในแนวโน้มขาลง กราฟอาจจะมีทำการพักตัวก่อนที่จะลงต่อ ทำให้เกิด Swing Low จุดแรก ซึ่งในขณะนั้นเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าราคาจะต้องลงต่อ

เมื่อราคาพยายามสร้าง New Low แต่ไม่สำเร็จ จุดนี้จึงกลายเป็นแนวรับ ราคาไม่สามารถผ่านไปได้ และถูกดันให้กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน หลังจากนั้นจึงย้อนกลับลงมาทดสอบแนวรับอีกครั้ง

ที่น่าสนใจคือ แม้ราคาจะพยายามทะลุแนวรับลงไปถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ การสร้าง Bottom ทั้ง 3 ครั้ง นี้ เป็นสัญญาณชัดเจนว่าแรงขายเริ่มหมดแรง และราคาไม่สามารถลงต่อไปได้อีก กราฟจึงย้อนกลับไปทะลุเส้นแนวต้าน หรือเส้น Neckline เป็นการสร้างรูปแบบ Triple Bottom อย่างสมบูรณ์ และราคามีโอกาสสูงที่จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

Trade Setup ด้วย Triple Bottom

Trade Setup ด้วย Triple Bottom
Trade Setup ด้วย Triple Bottom

การเทรดด้วย Triple Bottom แม้ว่าจะมีความเหมือนกันกับ Triple Top อยู่มาก แต่ด้วยตลาดขาขึ้นกับขาลง อารมณ์ค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน อาจจะทำให้การดูกราฟค่อนข้างยาก แต่เทรดเดอร์สามารถฝึกฝนให้ชำนาญด้วยการฝึกวิเคราะห์บ่อย ๆ

และเป้าหมายทำกำไร เทรดเดอร์สามารถตั้งไว้ให้ได้ RR มากกว่า 1 ต่อ 1 เพราะการเทรดด้วยแพทเทิร์นนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแนวโน้ม นั่นหมายความว่าเทรดเดอร์จะได้ออเดอร์ตั้งแต่ต้นเทรนด์ และเมื่อไหร่ที่ตลาดเป็นเทรนด์ ก็จะสามารถรันทำกำไรไปได้ยาว ๆ

  • จุดเข้า Buy เมื่อราคาปิดสูงกว่าเส้น Neckline
  • จุด Stop Loss ต่ำกว่า Bottom
  • เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1 เท่าของระยะ Bottom ไปยังเส้น Neckline

 

เคล็ดลับของการเทรด คือการฝึก ฝึก และฝึก

 

ข้อดีของการเทรดด้วย Triple Pattern

  • เกิดขึ้นบ่อย ใช้ได้ในทุก Time Frame
  • จดจำเพียงรูปแบบ ไม่มีสัดส่วนตายตัว
  • มีจุดเข้า-ออกที่ชัดเจน และแผนการเทรดชัดเจน
  • Risk:Reward Ratio ดี เหมาะกับการทำกำไรระยะกลาง-ยาว
  • ใช้ได้กับทุกคู่สกุลเงิน
  • เข้าใจง่าย ไม่ต้องใช้ Indicator เพิ่มเติม
  • สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกับกลยุทธ์อื่นได้

ข้อควรระวัง

  • แม้จะเกิดขึ้นบ่อย และมีเปอร์เซ็นต์ในการกลับตัวสูง แต่ก็ควรระมัดระวังในการใช้งาน เพราะในตลาด Forex ไม่มีอะไร 100%
  • กราฟที่แสดงตัวอย่างตามทฤษฎีกับกราฟในตลาดจริง ค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน แต่เทรดเดอร์สามารถฝึกฝนได้ด้วยการสังเกตบ่อย ๆ
  • ระวัง False Breakout โดยเฉพาะในช่วงข่าวสำคัญ

 

ฝึกฝนซ้ำ ๆ จนกว่าความสำเร็จมันจะมาฟ้องด้วยตัวมันเอง

 

สรุป

รูปแบบกราฟ Triple Top และ Triple Bottom เป็นอีกหนึ่งแพทเทิร์นที่เกิดขึ้นได้บ่อย และเมื่อเกิดขึ้นทุกครั้งจะมีการกลับตัวได้อย่างแน่นอน สะท้อนการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างชัดเจน การเทรดให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความอดทนในการรอจังหวะที่สมบูรณ์ และไม่ลืมที่จะจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

เหมือนที่เทรดเดอร์มืออาชีพมักพูดกันว่า “ตลาดให้โอกาสเสมอ แต่โอกาสที่ดีต้องรู้จักรอ” การฝึกฝนวิเคราะห์และทำความเข้าใจในอะไรซักอย่าง อย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้คุณเห็นโอกาสทำกำไรที่คนอื่นอาจมองข้าม และนำไปสู่ความสำเร็จในการเทรดอย่างยั่งยืน

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments