Forexthai.in.th ย่อให้
- บัญชี PAMM และ MAM คือ ทางเลือกในการลงทุน Forex สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือทักษะในการเทรดเอง
- PAMM (Percent Allocation Management) คล้ายกองทุนรวม ผู้จัดการกองทุนเทรดให้ แบ่งกำไรตามข้อตกลง
- MAM (Multi-Account Manager) คือการมีผู้จัดการส่วนตัวดูแลพอร์ตโดยตรง เหมาะกับนักลงทุนที่มีทุนสูง
- ทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือต้องเลือกผู้จัดการที่น่าเชื่อถือ
ในโลก Forex มันแตกต่างจากโลกของตลาดหุ้นนิดหน่อย อย่างแรกคือ Forex คุณจะมีตัวเลือกมากมาย และ Program ในการเทรดของตลาดหุ้นไม่สามารถใช้ indicator ได้มากมายนัก ขณะที่ระบบเทรดอัตโนมัติก็หาใช้ยากมากเสียด้วยเนื่องจากนักพัฒนามีน้อย และอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตลาด Forex “เราสามารถฝากคนอื่นเทรดได้”
ผมอยากให้คุณลองจินตนาการถึงตอนที่คุณมีเงินสักก้อนหนึ่ง แต่ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงในการเทรดด้วยตนเองในตลาดหุ้น คุณจะตัดสินใจทำอย่างไรครับ ถ้าเป็นผมผมจะเลือกใช้กองทุนรวม หรือให้มีผู้จัดการกองทุนเข้ามาดูแลเงินของผม และฝากเขาเทรด “บัญชี pamm และ mam “ แล้วมันคืออะไร มาดูกันในบทความนี้ครับ
บัญชี pamm คืออะไร
บัญชี Percent Allocation Management (pamm) คือ บัญชีสำหรับผู้ที่ต้องการเทรด forex โดยให้ตัวแทน หรือ เราจะเรียกว่า ผู้จัดการกองทุน ทำหน้าที่ในการเทรดแทนเราได้นั่นเอง ซึ่งก็จะอารมณ์คล้าย ๆ กับเราซื้อกองทุนรวมเลยนะครับ หรือแทบจะเป็นแบบเดียวกันเลย โดยอัตราการจ่ายผลตอบแทนนั้น ก็อาจมีการตกลงกันเช่น จ่ายทุกสัปดาห์ ทุกเดือน หรือเท่าใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับการเปิดกองทุนนั้น ๆ
Pamm จะเป็น “ระบบการจัดการแบบแบ่งเปอร์เซ็นต์” โดยที่ส่วนประกอบของระบบจะประกอบด้วยอยู่สามบุคคลหลัก ๆ คือ
- ผู้จัดการการเทรด
- โบรกเกอร์
- นักลงทุน
ผู้จัดการการเทรด คือ คนที่จะมาบริหารจัดการเงินทุนให้คุณ และคุณที่จะเอาเงินไปลงทุน ซึ่งจะมีการแบ่งผลตอบแทนกัน นั่นคือ ถ้าผู้จัดการเทรดแล้วได้กำไร ผู้จัดการมีส่วนในกำไรนั้นแล้วแต่ตกลงกัน ส่วนใหญ่ก็จะประมาณ 30 %
ผู้จัดการเทรดคือใคร อยากเป็นต้องทำยังไง ?
การที่จะเป็นผู้จัดการเทรดนั้นก็ไม่ยาก คือ คุณต้องเปิดบัญชี PAMM กับโบรกเกอร์ แล้วก็เทรดเพื่อแสดงผลงานของตัวเองไปสักพักก่อน เมื่อผลงานของคุณดูดี ก็จะมีนักลงทุนนำเงินมาให้คุณลงทุน แต่ถ้าคุณเทรดแล้วผลงานไม่ดี ก็จะไม่มีเงินมาลงทุน
- ข้อดีของมันคือ เมื่อผลงานดี ก็จะมีนักลงทุนมาลงทุนเป็นจำนวนมาก
- แต่เมื่อทิศทางไม่ค่อยดี นักลงทุนก็จะทยอยถอนทุนออก
สำหรับการทยอยถอนทุนออกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาเอาเสียเลยสำหรับผู้จัดการเพราะว่า มันสัมพันธ์กับการบริหารจัดการ Lot ในการเทรดนั่นเอง เมื่อนักลงทุนเอาเงิน เข้า ๆ ออก ๆ ทำให้ความเสี่ยงของการเทรดนั้นควบคุมลำบาก นี่จึงเรียกว่าเป็น “จุดอ่อนของบัญชี PAMM” อีกข้อหนึ่งก็ว่าได้
ข้อควรระวังในการเปิดบัญชี pamm
สำหรับข้อควรระวังของการเปิดบัญชี pamm คือ คุณต้องเลือกผู้จัดการกองทุนคุณที่มีประวัติดีหน่อยครับ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเอาเงินของคุณไปฝากไว้กับคนที่ไม่เก่ง หรือว่าผู้จัดการกองทุนที่ไม่มีความสามารถ ก็เป็นไปได้สูงมากที่คุณจะเสียเงินที่หามาได้ และที่สำคัญทางผู้จัดการกองทุนจะไม่ได้เข้ามารับผิดชอบในส่วนนี้ด้วยกันกับคุณ
บัญชี mam คืออะไร
หากเปรียบว่า บัญชี pamm เป็นแบบมีผู้จัดการกองทุนแล้ว บัญชี Multi-Account Manager (mam) หมายถึง เป็นผู้จัดการกองทุนแบบส่วนตัวครับ… หากกล่าวอีกอย่างก็คือ เป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์เข้ามาดูแลเงินทุนของคุณโดยตรง
โดยรูปแบบนี้ “ผู้จัดการกองทุนก็จะเก็บค่าคอมมิชชั่น (Commission) ทุกครั้งที่มีการเทรด” ซึ่งการลงทุนแบบนี้นั้นผู้เขียนเห็นว่า *เหมาะสมกับผู้ที่มีทุนมาก ๆ และสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีเท่านั้น

ข้อควรระวังในการเปิดบัญชี mam
ข้อควรระวังก็จะเหมือนกับการเปิดบัญชีแบบ pamm ครับ แต่เพียงว่าคุณสามารถเข้าถึงผู้จัดการกองทุนของคุณได้ง่ายกว่า ดังนั้นความไว้เนื้อเชื่อใจจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเปิดบัญชี mam ถ้าคุณรู้สึกว่าคนที่จะเข้ามาทำการดูแลเงินทุนของคุณนั้นไม่น่าไว้วางใจ ก็อย่าเปิดบัญชี mam เด็ดขาดนะครับ ไม่อย่างนั้นแล้วหากเกิดเรื่องเสียหายขึ้น คุณจะได้รับความเดือดร้อนมากกว่าครับ
สรุปความแตกต่างระหว่าง pamm vs mam
PAMM | MAM | |
วิธีการจัดการบัญชี |
ระบบการจัดการแบบแบ่งเปอร์เซ็นต์ (คล้ายกองทุนรวม) |
ผู้จัดการกองทุนแบบส่วนตัวเข้ามาดูแลพอร์ตโดยตรง |
เหมาะกับใคร | นักลงทุนทั่วไป | ผู้ที่มีทุนมาก และสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี |
ความเสี่ยง | ขึ้นอยู่กับผลงานของผู้จัดการกองทุน | ขึ้นอยู่กับความเชื่อใจและความสามารถของผู้จัดการ |
การเข้าถึงข้อมูลและการควบคุม | ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยตรง | สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า |
ความยืดหยุ่น | นักลงทุนสามารถถอนทุนได้ | มีความยืดหยุ่นในการจัดการพอร์ตมากกว่า |
ค่าธรรมเนียมและผลตอบแทน | แบ่งกำไรตามที่ตกลงกัน (เช่น 30%) | เก็บค่าคอมมิชชั่นทุกครั้งที่มีการเทรด |
บทวิเคราะห์สำคัญ
หากคุณต้องการเทรด Forex แต่ว่าทักษะในการเทรดของคุณนั้นมีจำกัด หรือแม้กระทั่งคุณนั้นไม่มีเวลาในการเทรดก็ตาม ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ผมแนะนำว่าคุณควรที่จะเลือกใช้บริการกองทุน pamm หรือ mam แทนครับ ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ก็น่าจะเสี่ยงน้อยกว่าตัวเราเองลงไปเทรด Forex แบบยังไม่มีความรู้มากพอ จริงไหมครับ
รายละเอียดที่ควรทราบ
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยในการเทรด Forex สิ่งหนึ่งที่มีมาเท่า ๆ กัน ก็คือ “โปรแกรมการโกง” การหลอกลวงให้คนอื่นมาลงทุน ทุกวันนี้มีข่าวกันหนาหูมากถึงเรื่องการระดมทุน การฝากคนอื่นเทรด สำหรับประเทศไทยถือว่าการระดมทุนถือเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย
แล้วอย่างไรถึงเรียกว่า “ระดมทุน”

มันคือ การที่เราเอาเงินของเราไปฝากไว้ในบัญชีคนอื่น เพราะถือเป็นการเอาเงินเราให้เขาไป แต่ว่า บัญชี PAMM และ MAM นั้นต่างออกไป เพราะว่าคนอื่นได้แค่ Balance ไปใช้ในการเทรดเท่านั้น ไม่สามารถทำอะไรกับเงินจำนวนนั้นได้ เอาไปใช้ก็ไม่ได้
เพราะฉะนั้น มันคือการเปิดในชื่อของเรา และไม่ใช่การนำเงินไปให้คนอื่นอย่างที่หลายคนเข้าใจครับ
สำหรับตลาด Forex มันก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่กลุ่มมิจฉาชีพ ใช้ในการสร้างผลตอบแทน หลอกล่อนักลงทุนหน้าใหม่เพื่อที่จะโกงเงิน ทำให้ภาพพจน์ของตลาด Forex นั้นเสียหาย จนทำให้เป็นที่หวาดกลัวในการเทรด Forex สำหรับนักเทรดควรจะแยกแยะให้ออกว่าลักษณะไหนที่โกง หรือไม่โกง ไม่ว่าคุณจะฝากคนอื่นเทรดหรือไม่ฝากก็ตาม
Copytrade แตกต่างกับบัญชี pamm และ mam ยังไง?
“CopyTrade คือ การคัดลอกคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติจากเทรดเดอร์ที่เราได้ทำการ CopyTrade โดยที่เราไม่ต้องเข้าซื้อขายเอง” โดยหลักการแล้วการทำ Copytrade จำเป็นต้องมีองค์ประกอบหลัก ๆ คือ
- Leader Trade
- Followers
- Broker
ซึ่งเราสามารถเป็นได้ทั้ง Leader Trade และ Follower (ผู้ติดตาม) ครับ
- Leader Trade: ผู้นำเทรดที่สามารถเทรดมือเองได้ หรือ จะใช้ EA Forex เพื่อเทรดก็ย่อมได้
- Followers: ผู้ติดตาม หรือ คนที่กด Copy Leader trade
- ไม่ต้องนั่งเทรดเอง
- ได้กำไรต้องแบ่งให้ Leader Trade ตามที่ตั้งไว้แต่แรก
สรุปว่า Copytrade ต่างกับ pamm และ mam ยังไงนะ? ตอบคือ Copytrade, PAMM, และ MAM ต่างก็เป็นระบบ หรือ เครื่องมือสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่ต้องลงมือเทรดเอง ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไปครับ อย่างไรก็ตาม มันมีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันก็คือ ผู้ลงทุนควรศึกษากฎกติกาให้รอบคอบ พิจารณาโบรกเกอร์ดี ๆ พิจารณา Leader trade ดี ๆ นั่นเองครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th