Forexthai.in.th ย่อให้

  • ตะกร้าค่าเงิน คือ เครื่องมือเช็คความแข็งหรืออ่อนของค่าสกุลเงิน 
  • เปรียบเทียบอัตราอ่อน-แข็งค่าของสกุลเงินต่างๆ เทียบกับ USD เป็น % บวก-ลบ
  • ใช้ดูแนวโน้มคู่เงิน เลือกคู่เทรด ปรับใช้กับระบบเทรดของตัวเอง
  • ใช้ฟรี! เห็นภาพรวมตลาดชัดเจน เพิ่มโอกาสทำกำไร ถ้ารู้จักใช้ให้เป็นระบบ

รู้จัก ตะกร้าค่าเงิน ใช้เป็นเห็นกำไร สรุปมาให้แล้ว

ตะกร้าค่าเงิน  (basket of currencies) เป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่ใช้วัดความแข็งแรงของค่าเงิน เทรดเดอร์ในตลาด Forex ใช้ดู “อัตราการอ่อนหรือแข็งค่าของค่าเงิน” ที่มีการเปลี่ยนแปลง และเปรียบเทียบเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเทรด

ตะกร้าค่าเงิน คืออะไร

เป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ที่เทรดเดอร์ใช้ “เช็คความแข็งแรงของค่าเงิน” ที่เปรียบเทียบจากการอ่อนค่าและแข็งค่า และดูการเปลี่ยนแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ในตลาด Forex

เพราะกราฟจะขึ้นหรือจะลง มาจากการอ่อนค่าหรือแข็งค่าของทั้ง 2 สกุลเงิน ดูการเปรียบเทียบของการอ่อนหรือแข็งค่า จะทำให้เห็นภาพรวม และสามารถคาดการณ์แนวโน้มของกราฟได้

 

การเปรียบเทียบค่าเงิน เสมือนนำสกุลเงินมาชั่งน้ำหนัก ว่าสกุลใดที่หนักกว่ากัน

 

ตะกร้าค่าเงิน ใช้อย่างไร

ตะกร้าค่าเงิน Finviz
ตะกร้าค่าเงินจากเว็บไซต์ Finviz

ปัจจุบัน มีหลายเว็บไซต์ที่นำเครื่องมือนี้มาให้ใช้ แต่เครื่องมือที่เทรดเดอร์ทั่วโลกเลือกใช้กันนั่นก็คือ finviz ซึ่งเว็บนี้ไม่เพียงที่จะมีการเปรียบเทียบค่าเงินเท่านั้น ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ข่าว อัตราการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

ในส่วนของการเปรียบเทียบราคาของตลาด Forex จะมีภาพรวมที่แสดงสีเพื่อให้เห็นแนวโน้ม เช่น สีเขียว แสดงว่าคู่เงินนั้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น สีแดงแสดงว่าคู่เงินนั้นเป็นแนวโน้มขาลง หรือ สีเทา ๆ ดำ ๆ นั่นกำลังอาจจะเปลี่ยนแนวโน้ม หรือยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน

ในส่วนของการเปรียบเทียบค่าเงิน ระบบจะใช้ USD เป็นหลัก ถ้าสกุลเงินใดที่มีการอ่อนค่า จะติดลบเป็นเปอร์เซ็นต์ และถ้าสกุลเงินใดที่แข็งกว่า USD ก็จะบวกเป็นเปอร์เซ็นต์เช่นกัน

 

รู้อะไรไม่ใช่ประเด็น แต่ใช้ให้เป็นนั่นคือ ประเด็นสำคัญ

 

การเปรียบเทียบค่าเงินของแต่ละสกุล

การเปรียบเทียบค่าเงินของแต่ละสกุล
การเปรียบเทียบค่าเงินของแต่ละสกุล

เมื่อนำแต่ละสกุลเงินมาเรียบเทียบกัน เช่น EUR ในขณะนั้นแข็งกว่า USD เทรดเดอร์ที่เทรดคู่เงิน EUR/USD ก็ควรที่จะเทรดในแนวโน้มขาขึ้น หรือ USD/JPY ในขณะที่ JPY ก่อนค่ากว่า USD กราฟก็จะเป็นแนวโน้มขาขึ้นเช่นเดียวกัน

หรือเทรดเดอร์สามารถเลือกเทรดคู่เงินที่อ่อนและแข็งสวนทางกัน เช่น EUR ในขณะที่แข็ง และ JPY ในขณะที่อ่อนค่า นั่นแสดงว่ากราฟจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน

และใน 1 วัน จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ตะกร้าที่แสดงก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน EUR จากที่แข็งสุดในตะกร้า จากนั้นเปอร์เซ็นต์จะจะค่อย ๆ ลดลงจนกระทั่งติดลบ นั่นคือสิ่งที่กราฟอาจจะกำลังเปลี่ยนแปลง จากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลงก็เป็นได้

ทริคแนะนำเพิ่มเติมในการอ่านตะกร้าค่าเงิน

  • อย่าดูแค่ตัวเลข แต่ดู “การเปลี่ยนแปลง” ด้วย เช่น หาก EUR เคยแข็งค่า +0.5% แต่ปัจจุบันเหลือเพียง +0.3% จุดนี้จะเป็นสัญญาณที่ช่วยบอกเราว่า EUR กำลังอ่อนตัวลง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีเปลี่ยนทิศทางของตลาดได้ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์แนวโน้มได้ดียิ่งขึ้น
  •  การดู “ความสัมพันธ์” ระหว่างคู่เงิน ยกตัวอย่างเช่น ถ้า USD แข็งค่าขึ้น แต่ EUR กลับไม่อ่อนค่าลงมากนัก ตรงนี้จะเป็นจุดสังเกตหนึ่งที่บอกเราได้ว่า EUR มีแรงหนุนจากปัจจัยอะไรบางอย่างอยู่
  • สังเกต “ความเร็วในการเปลี่ยนแปลง” หากสกุลเงินใดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วผิดปกติ เช่น JPY อ่อนค่าลง 1.5% ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง อาจมีปัจจัยสำคัญบางอย่างที่ส่งผลกระทบ เช่น การประกาศนโยบายทางการเงิน, เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ หรืออ่าจจะเกิดจากข่าวนอกตารางที่เราไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน

รู้ค่าเงินอ่อนค่า-แข็งค่า เป็นประโยชน์อย่างไร

  • การเปลี่ยนแปลง ที่มาจากการอ่อนหรือแข็งค่าของค่าเงิน ไม่ใช่เพียงกราฟขึ้นกราฟลงเท่านั้น เพราะการอ่อนหรือแข็งค่า มาจากการเปลี่ยนแปลงความแข็งแกร่งของค่าเงิน
  • เห็นภาพรวม ว่าคู่เงินที่จะเทรด มีทิศทางหรือแนวโน้มเป็นอย่างไร กำลังจะขึ้นหรือจะลง
  • ใช้เลือกคู่เงินที่จะเทรด เป็นหลักการณ์ง่าย ๆ ในการเลือกคู่เงินที่น่าสนใจ ที่จะเทรดนั่นก็คือ ดูและคาดการณ์ว่าคู่เงินนั้น ๆ มีทิศทางเป็นอย่างไร ก่อนที่จะไปหาจังหวะทางเทคนิคในการเข้าเทรด
  • เป็นแนวทางในการเทรด แม้สัญญาณจะชัดเจนแค่ไหน แต่การนำไปปรับใช้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นการดูเพื่อเป็นแนวทาง เพื่อนำไปปรับใช้ให้เข้ากับระบบเทรด นับว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะความเสี่ยงเทรดเดอร์เป็นผู้รับเอง สัญญาณในการเทรดใช้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น

ตัวอย่างการนำไปปรับใช้กับระบบเทรด

การนำ ตะกร้าค่าเงิน ไปใช้
ตัวอย่างการนำไปปรับใช้กับระบบเทรด
  • เทรดเดอร์เลือกคู่เงินที่จะเทรดได้แล้ว ได้มีการวางแผนการเทรดเรียบร้อยตามระบบที่เทรดเดอร์มี จากนั้นเข้ามาเช็คอัตราการอ่อนค่าและแข็งค่าของค่าเงินที่จะเทรด ว่ามีความเป็นไปได้หรือแนวโน้มทิศทางเดียวกับที่ต้องการเทรดหรือไม่ ก่อนที่จะทำการเข้าเทรดจริง
  • เทรดเดอร์ยังไม่มีคู่เงินในดวงใจ โดยเข้ามาเลือกคู่เงินที่มีการอ่อนค่าหรือแข็งค่าอย่างชัดเจน ก่อนที่จะเข้าไปดูกราฟทางเทคนิค ว่ามีจังหวะหรือสัญญาณในการเข้าเทรดหรือไม่

การทำกำไรในตลาด Forex ทุกอย่างไม่มีอะไร 100% มันอยู่ที่การเก็บเปอร์เซ็นต์เล็ก ๆ มาประกอบกันจนกระทั่งเป็นระบบ หรือวิธีปฎิบัติอย่างรัดกุม เพื่อให้มีโอกาสชนะตลาดได้มากกว่า เพื่อการลงทุนให้คุ้มเสี่ยง ดีกว่าเสี่ยงแค่คาดหวังผลลัพธ์อะไรไม่ได้เลย

 

สะสมชัยชนะเพียง 1% ไม่นานความสำเร็จมันจะเพิ่มพูน

 

การนำไปปรับใช้ในตลาด Forex

ดั้งเดิมนั้นเป็นเครื่องมือของเทรดเดอร์สายพื้นฐาน ที่ใช้ดู “ภาพรวมของการอ่อนค่าหรือแข็งค่า” แต่เทรดเดอร์สายเทคนิคก็สามารถนำไปปรับใช้ได้เช่นเดียวกัน ใช้ดูเพื่อเลือกคู่เงินที่จะเทรด จะเห็นแนวโน้มก่อนที่จะเห็นกราฟ ว่ามีแนวโน้มชัดเจนหรือไม่ มีทิศทางเป็นอย่างไร

หรือจะใช้ดูเพื่อยืนยันแนวโน้มของกราฟเทคนิคก็ทำได้ ว่าในแนวโน้มขาดขึ้น เมื่อนำสกุลเงินหนึ่งมาเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ในหนึ่งวันนั้นมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยเพียงใด

นับว่าเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ ที่เทรดเดอร์ควรฝึกฝนและนำไปใช้ เพื่อโอกาสในการทำกำไรเพิ่มมากขึ้น และเห็นทิศทางหรือแนวโน้มของกราฟในหลาย ๆ มุมมอง

 

ความรู้ ถ้าไม่นำไปใช้ ก็จะไม่ได้อะไรเลย

 

สรุป

การใช้เครื่องมือเพื่อวัดความแข็งค่าหรืออ่อนค่าของสกุลเงิน นับว่าเป็นวิธีหนึ่งที่จะเข้าใจภาพรวมของตลาด ที่มากกว่ากราฟในตลาด Forex เพราะการอ่อนค่าหรือแข็งค่า นั่นมาจากปัจจัยพื้นฐาน เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมได้อย่างชัดเจน

และมีโอกาสทำกำไรให้อย่างถูกทิศและถูกทาง ตามการอ่อนหรือแข็งค่าของค่าเงิน เป็นเครื่องมือที่ไม่ควรพลาด เพื่อจะทำให้การเทรดมีความแม่นยำมากขึ้น หากรู้จักการนำไปปรับใช้ให้เป็นระบบ

ใช้งานง่าย ใช้ฟรี ต้องนำไปปรับใช้ ได้ประโยชน์แน่นนอน

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments