Forexthai.in.th ย่อให้

  • Williams %R เป็น Oscillator ระดับท็อปที่ช่วยวิเคราะห์การแกว่งตัวของราคาได้ ใช้ได้ดีเยี่ยมในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูง
  • การตั้งค่าแนะนำให้ปรับระดับ Overbought/Oversold เป็น -90/-10 เพื่อกรองสัญญาณหลอก และใช้กับกราฟ Daily จะให้ผลแม่นยำสูงสุด
  • จุดเข้า Buy คือเมื่อเส้นลงต่ำกว่า Oversold (-90) ส่วนจุด Sell คือเมื่อเส้นขึ้นสูงกว่า Overbought (-10)
  • ควรวาง Stop Loss ใต้/เหนือ Swing Low/High ล่าสุด และตั้ง Take Profit ที่แนวต้าน/แนวรับถัดไป ด้วย Risk:Reward อย่างน้อย 1:2
  • เมื่อเทียบกับ Stochastic แล้ว Williams %R ไวกว่าเหมาะกับเทรดระยะสั้น แต่มีสัญญาณหลอกมากกว่า

Williams %R (William Percent Range)

William Percent Range หรือ Williams %R เป็น Indicator ประเภท Oscillator ซึ่ง William Percent Range ยังถือเป็น 1 ใน 10 เครื่องมือชั้นเลิศในการวิเคราะห์การแกว่งตัวของราคาเลยเลยก็ว่าได้ครับ… โดยเราต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่อยู่ในรูปแบบของการปรับค่าเล็กน้อยเพื่อที่จะทำให้การใช้งานนั้นสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาครับ


ข้อมูลเบื้องต้น

William Percent Range หรือ %R เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถวิเคราะห์การแกว่งตัวของราคาเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างราคากับราคาที่เรากำหนด เช่น 14 วัน หรือ 14 แท่งเทียนย้อนหลัง… เครื่องมือชิ้นนี้ถูกพัฒนาโดย Larry William โดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานกับตลาดหุ้นหรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก แต่ไม่ใช่เป็นปัญหาเลยในการนำมาใช้งานตลาด Forex

ตลาด Forex มีปริมาณนั้นความสามารถผันผวนมหาศาลทำให้ราคาแกว่งคุณตลอดเวลาผิดกับตลาดหุ้นที่จะมีเป็นช่วง ๆ เท่านั้น ความพิเศษของ Williams %R ในตลาด Forex คือความสามารถในการรับมือกับความผันผวนสูงได้ดีเยี่ยม ตลาด Forex นั้นมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้ Williams %R แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่

การคำนวณ

สำหรับสูตรการคำนวณ William Percent มีสูตรดังต่อไปนี้

Williams %R = (Highest High – Close) / (Highest High – Lowest Low) x -100

โดยที่:

  • Highest High คือราคาสูงสุดในช่วงที่เรากำหนด (เช่น 14 แท่งย้อนหลัง)
  • Lowest Low คือราคาต่ำสุดในช่วงเดียวกัน
  • Close คือราคาปิดล่าสุด

ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ในช่วง 0 ถึง -100 ครับ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่น่าสนใจมาก เพราะต่างจาก Oscillator ตัวอื่นๆ ที่มักจะมีค่าบวก

วิธีการใช้งาน Williams %R

การใช้ Williams %R ให้ได้ผลดีนั้น เราต้องใส่ใจในการตั้งค่าครับ โดยเฉพาะในช่วงตลาด Sideway ที่ราคาแกว่งตัวในกรอบ เรามาดูวิธีตั้งค่าที่ผมแนะนำ

การปรับระดับ Overbought และ Oversold มาที่ -90 และ -10 ตามลำดับ เพื่อการแกว่งตัว “ชน” กับระดับ Overbought- ขายยาก

ภาพข้างต้นเป็นภาพการตั้งค่าการใช้งาน เนื่องจาก William % นั้นเป็น indicator ที่สร้างจากราคาสูงสุดและต่ำสุดทำให้มันมีการแกว่งตัวสูงมาก การที่เราขยับระดับ Overbought และ Oversold ให้สุดขั้วกว่าปกติ คือ ใช้ค่า -90 และ ค่า -10 จะช่วยกรองสัญญาณหลอกออกไปได้เยอะ การตั้งค่าแบบนี้จะทำให้สัญญาณที่ได้แม่นยำขึ้นครับ

และสาเหตุที่ต้องใช้กราฟ Daily ก็เพราะว่า ความผันผวนของมันทำให้กราฟ Daily นั้นไม่ค่อยสูงเทียบกับ Time Frame อื่น ทำให้การวิเคราะห์นั้นไม่ค่อยจะผิดพลาด โดยตัวอย่างการวิเคราะห์ เป็นไปดังต่อไปนี้

ภาพแสดงสัญญาณการเข้าเทรด “สีเหลือง คือ จุดที่เหมาะสมในการออร์เดอร์ Buy” และ “สีแดงคือ จุดที่เหมาะสมในการออร์เดอร์ Sell”

ตัวอย่างในภาพ สีเหลืองคือจุด Buy และสีแดงคือ จุด Sell การเข้าเทรดนั้นจะเข้าเทรดก็ต่อเมื่อเส้น William % นั้นลดต่ำกว่า ระดับ Overbought และ Oversold อย่างเดียวเท่านั้น สำหรับขา Buy ซึ่งเราได้ทำการเปรียบเทียบวงกลมของราคาและวงกลมของเส้น William % ให้ดูแล้ว

ในส่วนของการเข้า Sell นั้นวงกลมสีแดง คือจุดเข้าเทรด และเงื่อนไขการเข้าเทรดคือ William % ต้องสูงกว่าระดับ Overbought เท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นจะเผชิญกับสัญญาณหลอกอยู่บ่อยครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงดังกล่าว อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า การตั้งค่าสุดโต่งทำให้สัญญาณเทรดแม่นยำมากขึ้น

 Review Broker Forex

วิเคราะห์ วิจารย์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อมูลจากการเทรดด้วยบัญชีจริง โดยทีมงานหลายคน ...

แต่ย่อมมีแน่นอนที่สัญญาณผิดพลาด ซึ่งทางออกสำหรับเทรดเดอร์ที่ทางเราได้ย้ำอยู่เสมอคือ Stop loss เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพอร์ทในมูลค่ามหาศาลได้

การจัดการความเสี่ยง

การวาง Stop Loss ควรอยู่ใต้/เหนือจุด Swing Low/High ล่าสุดเล็กน้อย เพราะถ้าราคาทะลุจุดนี้ไป แสดงว่าการวิเคราะห์ของเราอาจผิดพลาด ไม่ควรรอจนพอร์ตเสียหายมากเกินไป

สำหรับ Take Profit นั้น ควรดูระดับแนวต้าน/แนวรับถัดไปเป็นหลัก และอาจใช้อัตราส่วน Risk:Reward อย่างน้อย 1:2 เพื่อให้คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เราแบกรับ

ความแตกต่างระหว่าง Williams %R vs. Stochastic Oscillator 

เรามาดูความแตกต่างระหว่าง Indicator ยอดนิยมทั้งสองตัวกันครับ ซึ่งหลายคนอาจจะสังเกตเห็นว่าทั้งคู่มีการทำงานที่คล้ายกันมาก แต่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอยู่หลายจุดเลยทีเดียว

การคำนวณที่แตกต่างกัน

Williams %R นั้นจะคำนวณโดยเทียบกับ High-Low ในช่วงเวลาที่กำหนด ในขณะที่ Stochastic จะใช้การคำนวณแบบ Fast %K และ Slow %K ซึ่งมีการ Smooth ข้อมูลมากกว่า ทำให้สัญญาณที่ได้นั้นนิ่งกว่า Williams %R

ความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา

Williams %R นั้นจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคามากกว่า Stochastic ทำให้เราสามารถจับจังหวะการกลับตัวของราคาได้เร็วกว่า แต่ก็แลกมาด้วยสัญญาณหลอกที่มากขึ้นเช่นกัน… ดังนั้นการเลือกใช้งานจึงขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของแต่ละคนครับ

การนำไปใช้งานจริง

ถ้าเป็นเทรดเดอร์ที่ชอบเทรดระยะสั้นและต้องการจับจังหวะการกลับตัวให้ไว Williams %R อาจจะเหมาะกว่า… แต่ถ้าเป็นเทรดเดอร์ที่ต้องการความมั่นใจและไม่ชอบสัญญาณหลอก Stochastic ก็น่าจะเหมาะกว่าครับ

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเลือกใช้ตัวไหน สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจกับเครื่องมือให้ถ่องแท้ และต้องมีการทดสอบกับพฤติกรรมราคาในสไตล์การเทรดของเราให้ดีก่อนนะครับ… เพราะไม่มี Indicator ตัวไหนที่สมบูรณ์แบบ 100% ครับ

 

พูดง่ายๆ คือถ้าชอบอะไรที่เร็วและยอมรับความเสี่ยงได้ก็เลือก Williams %R… แต่ถ้าชอบอะไรที่นิ่งๆ หน่อยและต้องการความแม่นยำสูงก็เลือก Stochastic ครับ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของแต่ละคนจริงๆ

 

สรุป

เราสามารถสร้างระบบเทรดที่มีความได้เปรียบโดยใช้ Williams %R เป็นหลัก แต่ต้องไม่ลืมว่าการเทรดที่ดีนั้นต้องมองภาพรวมของตลาด ใช้การวิเคราะห์หลายๆ มุมประกอบกัน และที่สำคัญที่สุดคือต้องรักษาเงินทุนไว้ให้ได้ เพราะโอกาสทำกำไรจะมาเรื่อยๆ ตราบใดที่เรายังมีทุนอยู่ในตลาดครับ

ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจและใช้งาน Williams %R ได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ

อ้างอิง

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments

สารบัญบทความ