Trend lines (เทรนไลน์) คือ เส้นแนวโน้มของราคาในตลาด Forex โดยการตีเส้น Trend lines นั้นถือเป็นแหล่งกำเนิดของ “รูปแบบราคา” ต่าง ๆ ในขณะที่ Horizontal line มักถูดตีความให้เป็นเส้นที่ระบุแนวรับ แนวต้านครับ

ในเบื้องต้นการตีเส้น Trend lines นั้น เพื่อที่จะระบุแนวโน้มในช่วงนั้น ดูลักษณะราคาที่มีทิศทางการเคลื่อนไหวโดยรวมเป็นอย่างไร โดยหลักในการตีเส้น Trend lines อย่างง่ายๆ มีดังนั้น

ประเภทของเทรนด์ไลน์

  1. เส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้น จะถูกลากจากจุดต่ำสุดจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในช่วงการขึ้น
  2. เส้นแนวโน้มบรรทัดขาลง จะลากจากจุดสูงสุดจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในช่วงการลง
เส้นแนวโน้มและแนวนอนคือ Forex
 เส้นเทรนด์ไลน์ขาลงและเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นเครดิต: CMT

จากตัวอย่างเส้นเทรนด์ไลน์ A แสดงถึงเส้นเทรนด์ไลน์ขาลงส่วนเส้นเทรนด์ไลน์ B, C, D แสดงถึงเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้น แต่ในส่วนของเส้นเทรนด์ไลน์ B, C, D ซึ่งสามารถทำการลอกเส้นใหม่ได้ดังเส้น 3 ในกราฟ เพื่อให้เป็นเส้นสำคัญโดยสำคัญของการตีเส้นเส้นแนวโน้มนั้นเป็นราคาที่ดีกว่าการทดสอบเส้นดังกล่าวมากเท่าไหร่ยิ่งมีนัยสำคัญมากเท่านั้น

 

การตีเส้นเส้นแนวโน้ม แต่จะง่ายกว่าและมีความเชี่ยวชาญในการใช้งาน คือ เส้นแนวนอน หรือเส้นแนวนอนสามารถใช้การเรียงแนวรับได้เหมือนกัน

 

หลักการตี Trend Line เบื้องต้น

หลักการตีเส้นแนวโน้มแบบง่าย ๆ และเป็นที่นิยมกันมาก คือ การวาดเส้นแนวโน้มจากจุดที่ต่ำสุด 3 จุดเชื่อมต่อกัน ในเคสของการตีเส้นขาขึ้น แล้วจึงวาดเส้นแนวโน้มอีก 1 เส้นเพื่อให้เป็นเส้นคู่ขนาดกับเส้นแรก จึงจะได้กรอบแนวโน้มขึ้นมา

ในกรณีของเทรนขาลงเราก็นิยมวาดเส้นแนวโน้มจากจุดสูงสุด 3 จุดเชื่อมต่อกัน แล้วก็วาดเส้นแนวโน้มอีก 1 เส้นเพื่อให้เป็นเส้นคู่ขนาดกับเส้นแรก เราก็จะกรอบเทรนขาลงที่ชัดเจนนั่นเองครับ (คลิ๊กเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)

ลักษณะเส้นแนวนอน

เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ร้านที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากมาย แต่ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด

เส้นแนวโน้มและแนวนอนคืออะไร
ในการตีเส้นเครดิตไลน์แนวนอน: CMT

จากกราฟด้านบน ในการตีเส้น Horizontal line แบบแนวรับนั้นจะเป็นการลากเส้นแนวนอนผ่านจุดต่ำสุด 2 จุดด้วยกัน ส่วนเส้น Horizontal line แบบแนวต้านนั้น จะเป็นการลากเส้นแนวนอนผ่านผ่านจุดสูงสุด 2 จุด โดยในตัวอย่างสามารถลากได้ 2 แบบ คือ เส้นด้านบน คือลากแตะจุด High อย่างเดียว และอีกแบบหนึ่งคือ ลากผ่านบริเวณจุดสูงสุด ไม่จำเป็นต้อง High แป๊ะ ซึ่งประเด็นนี้แล้วแต่นักเทคนิคจะนิยมใช้แบบใดมากกว่า

แนวรับกลายเป็นแนวต้าน แนวต้านกลายเป็นแนวรับ – เมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้าน ขึ้นมาทิศทางเป็นสัญญาณ Bullish ซึ่งแนวต้านที่ราคาทะลุผ่านขึ้นมานี้ สามารถใช้เป็นแนวรับในอนาคตได้ ส่วนแนวรับก็เช่นกัน หากถูกราคาทะลุผ่านลงมา เกิดสัญญาณ Bearish ซึ่งสามารถนำแนวรับที่พึ่งทะลุผ่านมานี้ เป็นแนวต้านในการ Rebound ในอนาคตได้เช่นกัน

เมื่อราคาทะลุผ่านเส้นเส้นแนวโน้มหรือเส้นแนวนอนจะเป็นสัญญาณที่เกิดขึ้นจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ราคาทะลุผ่านเส้นดังกล่าวแล้วจะกลับมาอีกครั้งหรือที่เรียกกันว่าการทะลุทะลวง หลอกหรือ Failed breakout อันนี้ต้องอาศัยความชำนาญของเทรดเดอร์ควรวางกลยุทธ์ในการซื้อขาย

วิธีตีเส้น Horizontal line ด้วย Fibonacci

Fibonacci นับว่าเป็นเครื่องมือทางคณิตอีกชิ้นหนึ่งที่มีความน่าสนใจและความมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมันมีวิธีที่ประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย และสามารถนำมาใช้เพื่อตีเส้นในการหาแนวรับ แนวต้านได้อีกด้วย ซึ่งวิธีการทำมีดังนี้

  1. ในกรณีเทรนขาขึ้น ให้เราระบุเทรนขาขึ้นที่ชัดเจนให้ได้ก่อน จากนั้นให้เราทำการลากเส้น Fibonacci แล้วให้ กำหนดจุดแรก คือ จุดต่ำสุด --> แล้วลากขึ้นไปยังจุดสูงสุด
  2. ในกรณีเทรนขาลง ให้เราระบุเทรนขาขึ้นที่ชัดเจนให้ได้ก่อน จากนั้นให้เราทำการลากเส้น Fibonacci แล้วให้ กำหนดจุดแรก คือ จุดสูงสุด --> แล้วลากขึ้นไปยังจุดต่ำสุด
ตัวอย่างตีเส้น Trend Line และการตีเส้น Horizontal Line ด้วย Fibonacci เพื่อหาจุดเข้า Order

สรุป

Trend Trend lines และ Horizontal line คือ การตีเส้นแนวโน้มเพื่อบอกทิศทางของกราฟแท่งเทียน และการตีเส้นแนวนอนเพื่อระบุแนวรับ แนวต้านครับ

 

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments