ถ้าไม่รู้ เวลาตลาด Forex อาจจะเข้าถูกที่ แต่ผิดเวลา เกือบจะได้กำไรแต่กลับกลายมาเป็นติดลบแทน แม้ตลาด Forex จะสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ก็ตาม แต่เวลาเปิดและปิดแต่ละตลาด ล้วนมีความสำคัญที่เทรดเดอร์ ไม่รู้ไม่ได้เลย
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
เวลาตลาด Forex สำคัญอย่างไร
ตลาด Forex สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าตลาดจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่เป็นเพราะมีตลาดที่เปิดต่อเนื่องกัน โดยตลาดแห่งหนึ่งปิดก็จะมีอีกแห่งเปิดทำการเสมอ เทรดเดอร์จึงสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั่นเอง
แต่สิ่งที่แตกต่างในแต่ละตลาดนั่นก็คือ เทรดเดอร์หรือนักลงทุน จะให้ความสำคัญแต่ละตลาดต่างกัน เพราะตลาดในประเทศนั้น ๆ จะเปิดตามเวลาทำการ นั่นหมายความว่าเป็นเวลาของนักลงทุนในแต่ละประเทศ เช่น ตลาดอเมริกาเปิดช่วงเวลา 19.00 น. และปิดทำการเมื่อ 03.00 น. ตามเวลาบ้านเรา
แต่นั่นคือช่วงเวลาที่ นักลงทุน เทรดเดอร์ นักธุรกิจ สถาบัน จะเข้ามากระทำการใด ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและค่าเงิน เช่น การกระกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ การแถลงนโยบายต่าง ๆ ก็จะอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน
เข้าถูกที่ยังไม่พอ ต้องถูกเวลาด้วย
เวลาตลาด Forex ทำไมจะต้องเช็คก่อนเทรด
เมื่อแต่ละประเทศมีเวลาทำการไม่ตรงกัน ปริมาณการซื้อขายในประเทศนั้น ๆ ก็จะสูงกว่าปกติ เช่น ตลาดอเมริกาเปิดทำการ วอลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงิน USD ก็จะมีมากกว่าปกติ หรือตลาดโตเกียวเปิด วอลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงิน JPY ก็จะมีมากกว่าปกติ
จึงเป็นสาเหตุที่เทรดเดอร์ จะต้องมีการวางแผนการเทรด ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาตลาด แม้เทรดคู่เงิน USD เสมือนเป็นสกุลเงินสากล แต่ช่วงเวลาที่กราฟจะเคลื่อนตัวได้มากที่สุดนั่นก็คือตลาดอเมริกา
บ่อยครั้งที่ถือออเดอร์ ที่จับคู่กับ USD มาตั้งแต่เช้าในเวลาประเทศไทย เก็บกำไรมาตลอดทั้งวัน แต่เมื่อตลาดอเมริกาเปิด ราคาอาจจะมีการกลับตัวในช่วงเวลาดังกล่าว สะท้อนมุมมองของนักลงทุนที่อยู่ในตลาดนั้น ๆ ว่าเห็นต่างจากตลาดอื่น ๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือมีอินธิพลกับสกุลเงินนั้น ๆ มากกว่านั่นเอง
เทรดในหรือนอกช่วงเวลาตลาดเปิด ไม่ถูกหรือผิด ถ้าทำกำไรถือว่าใช้ได้
เวลาแต่ละตลาดมีอะไรบ้าง
- ตลาดอเมริกา (USD) เวลาเปิดทำการ 19.00 น. และปิดทำการเมื่อ 03.00 น.
- ตลาดลอนดอล (GBP) เวลาเปิดทำการ 15.00 น. และปิดทำการเมื่อ 23.00 น.
- ตลาดออสเตรเลีย (AUD) เวลาเปิดทำการ 05.00 น. และปิดทำการเมื่อ 13.00 น.
- ตลาดโตเกียว ญี่ปุ่น (JPY) เวลาเปิดทำการ 06.00 น. และปิดทำการเมื่อ 12.00 น.
- ตลาดฝรั่งเศส (CHF) เวลาเปิดทำการ 13.00 น. และปิดทำการเมื่อ 21.00 น.
- ตลาดยุโรป (EUR) เวลาเปิดทำการ 14.00 น. และปิดทำการเมื่อ 23.00 น.
- ตลาดแคนาดา (CAD) เวลาเปิดทำการ 19.00 น. และปิดทำการเมื่อ 03.00 น.
เวลาออมแสงที่ส่งผลกับตลาด Forex
Daylight Saving Time (DST) หรือ “เวลาออมแสง” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ช่วงเวลาฤดูร้อน โดยมีการปรับเวลาให้เข้ากับสภาพกลางวันและกลางคืนจริง ๆ ช่วงเวลาออมแสงจึงถูกปรับให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เพราฤดูร้อนดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็ว และจะถูกปรับให้เป็นปกติเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว
ในตลาด Forex จึงมีผลกระทบต่อการวางแผนการเทรด เพราะตลาดเปิดและปิดไวขึ้น หรือเวลาทำการของผู้คนในประเทศนั้น ๆ ไวขึ้นนั่นเอง
การลงทุน การตัดสินใจ หรือการดำเนินการใด ๆ ในตลาด ย่อมมีผลกระทบตามมา เอาง่าย ๆ คือ นักลงทุนรายใหญ่ก็จะตื่นเร็วขึ้น อาจจะส่งแรงกระเพื่อมให้กับตลาดได้เร็วขึ้นเช่นกัน เทรดเดอร์จึงควรมีแผนรองรับเวลาดังกล่าวนี้
ตัวอย่างการวางแผนก่อนเทรด
จะเทรดในช่วงตลาดเปิดหรือตลาดปิด ก็ไม่มีถูกไม่มีผิด ขึ้นอยู่กับความถนัดหรือแผนการเทรด แต่ลองพิจารณาการวางแผนการเทรดกับเวลาในตลาด Forex ดังต่อไปนี้
- ชอบการเทรดแบบเรื่อย ๆ ไม่เร่งไม่รีบหรือไม่ชอบติดตามข่าว การเทรดนอกช่วงเวลาหรือช่วงเวลาที่ตลาดมีความเกี่ยวข้องกับคู่เงินนั้น ๆ นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในช่วงตลาดเปิด และเมื่อแผนการเทรดเป็นเช่นกัน ก็ควรหลีกเลี่ยงช่วงที่ตลาดเปิดไปเลย เพราะเมื่อตลาดเปิดมุมมองหรือการเคลื่อนที่ของราคาอาจจะไม่เหมือนเดิม
- ชอบตลาดที่มีวอลุ่ม เคลื่อนที่เร็ว ให้เลือกตลาดที่มีความทับซ้อนของทั้งสองช่วงเวลา เช่น ต้องการเทรดคู่เงิน EUR/USD ช่วงเวลาที่สะท้อนมุมมองของเทรดเดอร์ทั้ง 2 ตลาดคือ 19.00 น. – 23.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ตลาดอเมริกาและตลาดยุโรปทับซ้อนกัน
- จะเลือกเทรดตลาดฝั่งของตลาด ก็ไม่ผิดกติกา แต่จงอย่าลืมวางแผนด้วยว่า สกุลเงินอีกฝั่งตลาดจะเปิดเมื่อไหร่ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามมีวอลุ่มอีกตลาดเข้ามา กราฟอาจจะเปลี่ยนทิศทาง หรือไปต่ออย่างรวดเร็วก็ได้
บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์ถือกำไรมาทั้งวัน แต่อยู่ ๆ กราฟก็กลับตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ นั่นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความเกี่ยวข้องกับคู่เงินเปิดทำการนั่นเอง จึงมีวอลุ่มและทิศทางที่แตกต่างออกไป และที่สำคัญควรเช็คปฎิทินเศรษฐกิจด้วย เพื่อเช็คข่าวที่อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับคู่เงินนั้น ๆ
แต่ละตลาด ส่งผลต่อกราฟอย่างมาก เพราะให้ความสำคัญต่างกัน
สรุป
เทรดเดอร์ที่เทรดในไทม์เฟรมใหญ่ด้วยเทคนิคตั้งแต่ ไทม์เฟรมเดย์ ขึ้นไป สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก เพราะจะเป็นการมองราคาปิดในแต่ละวันเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะเลือกเทรดในไทม์เฟรมที่เล็กกว่านั้น จึงอาจจะได้รับผลกระทบเต็ม ๆ
เพื่อการเก็บกำไรไม่ให้พลาด และความรอบครอบในการเทรด ควรวางแผนให้ดีว่าจะเทรดคู่ไหน ช่วงเวลาไหน แล้วถ้ามีออเดอร์แล้ว จะถือได้ถึงช่วงไหน และปิดทำกำไรอย่างไร
เมื่อมีคำตอบที่ชัดเจนแล้ว ก็หาจังหวะในการเข้าเทรดได้เลย ไม่ผิดพลาดเพราะความไม่รู้แน่นอน