Forexthai.in.th ย่อให้
- การเทรดรูปแบบ Spike คือ กลยุทธ์การเทรดที่รอจับจังหวะเข้าซื้อหรือขายเมื่อกราฟเกิดรูปแบบ “Spike” ซึ่งเป็นแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวผิดปกติ บ่งบอกถึงความผันผวนของราคา
- รูปแบบ Spike สามารถเกิดได้จากความผันผวนชั่วคราว เช่น ข่าวสำคัญ การกระทำของรายใหญ่ เหตุการณ์ไม่คาดฝันและสภาพคล่องต่ำ
- การเทรดแบบ Spike ต้องยืนยันกราฟให้ถูกต้องเสียก่อน ซึ่งส่วนใหญ่พฤติกรรมราคามักจะกลับไปทดสอบบริเวณ Spike เสมอแต่มักจะเป็น False Breakout มากกว่า
- ข้อควรระวังในการเทรดแบบนี้คือรอการยืนยันโดยใช้ Indicators ประกอบ บริหารความเสี่ยงให้ดีและเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Spike กับ Hammer/Shooting Star ให้แม่น
เทรด Forex มาสักพักทุกคนก็คงจะเห็นกราฟแท่งเทียนเป็นเรื่องปกติ แต่เคยเห็นแท่งเทียนแปลกๆ ที่มีไส้ยาวเหมือนดาวตกไหม? นั่นแหละครับ “Spike” สัญญาณความผันผวน ที่ซ่อนโอกาสทำกำไรไว้มากมายและวันนี้เราจะมาเจาะลึกการเทรดแบบ Spike กลยุทธ์ทำกำไรจากความผันผวนที่ใครก็สามารถนำไปใช้ได้
การเทรดแบบ Spike คืออะไร?
- การเทรดแบบ Spike คือ กลยุทธ์การเทรดที่อาศัยการ “จับจังหวะ” เข้าซื้อหรือขายเมื่อเกิด “Spike” บนกราฟราคา
- ซึ่ง Spike ก็คือกราฟแท่งเทียนที่มีลักษณะตัวเทียนสั้นแต่มีไส้เทียนยาวผิดปกติ (คิดแล้วเหมือนกระสือใช่ไหมล่ะครับ 55) แต่ลักษณะกราฟแบบนี้แหละที่กำลังบ่งบอกว่าตลาดมีความผันผวนและการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย
- ในขณะเดียวกัน Spike อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการกลับตัวของราคา เพราะไส้เทียนที่ยาวๆ บอกถึงราคาพยายามจะไปในทิศทางหนึ่งแต่ถูกแรงต้านอย่างหนัก ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับตัวของแนวโน้ม

สาเหตุที่เกิด Spike ในตลาด
เรามาดูกันต่อดีกว่าว่าอะไรคือตัวการทำให้เกิดรูปแบบกราฟ Spike ได้บ้าง ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความผันผวนชั่วคราวของราคา
- ข่าวสำคัญ!
- ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลาง การขึ้น/ลดดอกเบี้ย รวมถึง GDP, อัตราเงินเฟ้อ, อัตราการว่างงาน หากตัวเลขพวกนี้ต่างจากที่คาดการณ์ไว้มาก อาจทำให้เกิด Spike ได้
- การขยับของรายใหญ่ในตลาด
- อย่างที่รู้กันว่าในตลาด Forex จะมีผู้เล่นรายใหญ่ที่มีเงินทุนมหาศาลอย่างพวกสถาบันการเงินต่างๆ เป็นต้น เมื่อพวกเขาได้ซื้อขายก็ส่งผลต่อราคาในตลาดได้เลย
- เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- วิกฤตการณ์ทางการเมือง ความไม่สงบระหว่างประเทศหรือโรคระบาดจะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่นักลงทุนในตลาดจนเกิดความผันผวนขึ้นมา
- การขาดสภาพคล่องในตลาด
- ในช่วงเวลาที่ตลาดมีปริมาณการซื้อขายน้อย เช่น ช่วงเปิดหรือปิดตลาด หรือช่วงวันหยุด จะเป็นช่วงที่ Forex มีสภาพคล่องต่ำกว่าปกติ การเทรดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิด Spike ได้ง่ายๆ

ตัวอย่างสถานการณ์จริงในการเทรดแบบ Spike
เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น เรามีภาพจากกราฟจริงที่เกิด Spike ทั้งแบบขาขึ้นและขาลงพร้อมกับการแนะนำการเทรดหากเกิดเหตุการณ์นี้
การเทรด Spike ขาขึ้น

- สังเกตกราฟราคาจะเห็นว่าเกิด Spike ขึ้นในกรอบสี่เหลี่ยม ซึ่งมีลักษณะเป็นไส้เทียนยาวๆ โดดเด่น
- Spike แท่งนี้เป็น “Spike ขาขึ้น” เพราะราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดบ่งชี้ว่า แรงซื้อแข็งแรงกว่าแรงขาย
- ซึ่งแนวทางการเทรดจากที่สังเกตมา เมื่อเกิด Spike ขาขึ้นแบบนี้ ราคามักจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณที่เกิด Spike อีกครั้ง
- แต่ส่วนใหญ่ราคาจะไม่ทะลุขึ้นไปแบบรวดเดียว จะเป็นแบบ False Breakout คือทะลุแล้ววนกลับลงมาค่อยๆ สร้างฐานขึ้นไปแบบช้าๆ
- จังหวะนี้ใครมือโปรสามารถ Short (Sell) สั้นๆ ได้ แต่อย่าลืมตั้ง Stop Loss เหนือไส้ Spike เผื่อป้องกันกรณีราคาเด้งกลับทะลุแบบไม่คาดคิด
- ในมุมกลับกันสามารถเข้า Buy ไว้เหนือราคาที่ Breakout ตอนแรก ได้เช่นกันเพราะ Trend หลักในรูปคือขาขึ้น หากราคาหลุดบริเวณไส้ Spike ไปอาจจะมีโอกาสขึ้นไปต่อ
การเทรด Spike ขาลง

- รูปแบบการเทรด Spike ขาลงก็จะมีสไตล์เดียวกับขาขึ้นแค่มันตรงกันข้ามกันเท่านั้นเอง อย่างแรกให้เราสังเกต Spike ขาลงก่อน
- จากในกรอบสี่เหลี่ยมจะเห็นว่ากราฟเกิด “Spike ขาลง” ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด เพราะแรงขายแข็งแกร่งกว่าแรงซื้อ
- สังเกตดูว่าเมื่อเกิด Spike แล้ว ราคาจะลงมาทดสอบบริเวณที่เกิด Spike อีกครั้งแต่ก็มักจะไม่ผ่านทะลุลงไปในครั้งแรก
- ราคาจะเด้งขึ้นกลับมา ตรงนี้สามารถ Long (Buy) แบบระยะสั้นๆ ได้ แต่ด้วย Trend หลักของกราฟคือขาลงสุดท้ายราคาก็จะทะลุลงไปอยู่ดี ซึ่งจะรอ Sell ณ จุดที่ราคาทะลุก็ได้เช่นกัน
ความเสี่ยงที่ควรระวัง
- ในการเทรดแบบ Spike สิ่งที่เทรดเดอร์ควรระวังที่สุดคือ False Breakout เพราะหลายคนเมื่อเห็นว่าราคาทะลุเส้น Spike ไปแล้วจะรีบเข้าออเดอร์ตามทิศทางนั้นทันที แต่สุดท้ายก็ติดดอยเพราะเพราราคากลับลงมาอีก
- เพราะ Spike มักจะเกิดขึ้นช่วงที่ตลาดผันผวนสูง เทรดเดอร์หลายคนก็กลัวจะตกรถ จึงแนะนำว่าควรจะรอให้ทิศทางของราคาแสดงความชัดเจนขึ้นเสียก่อนค่อยเข้าออเดอร์
- ความเสี่ยงอีกอย่างคือ เราต้องเข้าใจรูปแบบ Spike อย่างแท้จริงเพราะบางครั้งมันจะเหมือนกับ กราฟลักษณะ Hammer และ Shooting Star ได้ ซึ่งผลลัพธ์มันแตกต่างกันมาก

วิดีโอเกี่ยวกับการเทรดแบบ Spike
การเทรดแบบ Spike ร่วมกับการนำอินดิเคเตอร์เข้ามาช่วยยืนยันความแม่นยำ เครดิต By Keen FX Academy Focus นาทีที่ 0:25-5:08
มีคลิปวิดีโอหนึ่งที่เกี่ยวกับการเทรดแบบ Spike ซึ่งความน่าสนใจของวิดีโอนี้คือการนำอินดิเคเตอร์ต่างๆ มาประยุกต์เพื่อเทรดให้มีความแม่นยำเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย ทีมงานจึงมองว่าควรนำมาแชร์แก่ผู้อ่านเผื่อจะได้เกิดไอเดียใหม่ๆ ในการเทรดแบบ Spike
- Focus นาทีที่ 0:25 อินดิเคเตอร์ที่ใช้ คือ Commodity Channel Index (CCI) และ Moving Average
- Focus นาทีที่ 1:15 การตั้งค่าอินดิเคเตอร์ CCI: Period 14, Moving Average: Period 10
- Focus นาทีที่ 2:10 ตัวอย่างการเทรดและการวาง Stop Loss
สรุป
การเทรดรูปแบบ Spike ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์การเทรดที่น่าสนใจเพราะเราสามารถคว้าโอกาสในยามที่ตลาดผันผวนได้ แต่การเทรดรูปแบบนี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคมเพราะความผันผวนอาจจะกลับมาเล่นงานหากเราวิเคราะห์ไม่แตกฉานพอ
อยากจะเน้นย้ำหากคิดจะเทรดแบบ Spike ก็คือการ “จำ” ลักษณะของ Spike ให้ถูกต้อง อย่างที่บอกไปว่ารูปแบบกราฟลักษณะนี้มีคล้ายกันมากและผลลัพธ์มันต่างกันราวฟ้ากับเหว ซึ่งก็คงต้องพึ่งการฝึกฝนและประสบการณืเท่านั้นที่จะทำให้เรามองขาดในการเทรดแบบ Spike ได้
ทีมงาน: forexthai.in.th