Forexthai.in.th ย่อให้

  • ระบบเทรด RSI Pinbar: ระบบเทรด 2 รูปแบบ คือ Trend Following และ Counter Trend ใช้ได้ทุกไทม์เฟรม
  • หลักการเทรดเบื้องต้น:  ดูการเกิด Divergence จาก RSI  และรอการยืนยันจากแท่งเทียนกลับตัว “Pinbar” แล้วเข้าเทรด
  • เครื่องมือที่ใช้: เส้น EMA , RSI และ แท่งเทียน PinBar
  • ข้อดี: มีรูปแบบการเทรดที่หลากหลาย, ใช้ได้ทุกไทม์เฟรม
  • ข้อเสีย:  ต้องนั่งเฝ้าจอ, อาศัยประสบการณ์ในการดู PA 
ภาพปกระบบเทรด RSI Pinbar
ภาพปกระบบเทรด RSI Pinbar

หลักการเทรดเบื้องต้น

ระบบเทรดนี้เป็นระบบเทรดที่มี 2 หน้าเทรดนั่นก็คือการเทรดแบบ Trend Following และ Counter Trend โดยเราจะดูสัญญาณ Divergence และเข้าเทรดด้วยแท่งเทียน Pinbar

  • ในการเทรดรูปแบบ Trend Following  จะใช้เส้น EMA ในการดูแนวโน้มและรอให้ Divergence และแท่ง Pinbar เกิดในทิศทางเดียวกับแนวโน้มแล้วจึงค่อยเข้าเทรด
  • ในการเทรดรูปแบบ Counter Trend   จะใช้เส้น EMA ในการดูแนวโน้มและรอให้ Divergence และแท่ง Pinbar เกิดในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มแล้วจึงค่อยเข้าเทรด

เครื่องมือที่ใช้เทรด

  1. RSI 6
  2. เส้น EMA
  3. แท่งเทียน Pinbar

Pinescript อินดิเคเตอร์ EMA+Pinbar

RSI 6

อินดิเคเตอร์ใช้ดูโมเมนตัมของตลาด ดูจุดที่ตลาดจะเกิดการกลับตัว RSI ค่า 6 จะมีความไวต่อตลาดมากขึ้นทำให้เหมาะกับการเทรดสั้น การใช้ RSI ในการดูการกลับตัวของตลาดจะใช้ในการดู “Divergence”

สัญญาณ Divergence จาก RSI
ภาพลักษณะสัญญาณ Divergence ทั้ง Bullish Divergence และ Bearish Divergence
  • Bullish Divergence เป็นสัญญาณการกลับตัวขึ้น มีลักษณะการเกิดคือเมื่อราคามีการปรับตัวลงแต่ RSI เริ่มมีการปรับตัวขึ้น แสดงว่าราคาเริ่มมีแรงขายลดน้อยลงและเริ่มมีแรงซื้อเข้ามา
  • Bearlish Divergence เป็นสัญญาณการกลับตัวลง มีลักษณะการเกิดคือเมื่อราคามีการปรับตัวขึ้นแต่ RSI เริ่มมีการปรับตัวลง แสดงว่าแรงซื้อลดน้อยลงและเริ่มมีแรงขายเข้ามา

ทั้ง “ Bullish Divergence” และ “Bearlish Divergence” ต่างเป็นสัญญาณที่นักเทรดใช้ดูเมื่อใช้งาน indicator อย่าง RSI  แต่ก็ยังมีสัญญาณอีก 2 รูปแบบนั่นก็คือ “Hidden Bullish Divergence” และ “Hidden Bearlish Divergence” ซึ่งเป็นสัญญาณที่สำคัญไม่แพ้กันเลยครับ

เส้น EMA  

การใช้งานเส้น EMA
ภาพอธิบายหลักการการใช้งานเส้น EMA เบื้องต้น

เส้นค่าเฉลี่ย Exponential  เป็นอินดิเคเตอร์ที่ถูกใช้งานได้หลายรูปแบบสำหรับเพื่อนๆที่คุ้นเคยกับอินดิเคเตอร์นี้เป็นอย่างดีแล้ว เส้นค่าเฉลี่ย EMA จะถูกใช้ในการดูแนวโน้มของตลาด แนวรับ แนวต้าน เป็นหลักครับ ซึ่งในระบบเทรดนี้ก็จะใช้ในการดูแนวโน้มเพื่อใช้เทรดในรูปแบบตามเทรนด์

แท่งเทียน Pinbar

แท่งเทียน Pinbar
ภาพอธิบายรูปร่างแท่งเทียน Pinbar และการใช้งานแท่งเทียนในการเทรด

การดูแท่งเทียนถือว่าเป็นเทคนิคการวิเคราะห์กราฟรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเรามักใช้ในการดูการกลับตัวของราคา และหนึ่งในแท่งเทียนกลับตัวที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือแท่งเทียน Pinbar” ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับเข็มหมุด การดูแท่งเทียน Pinbar ในระบบเทรดนี้เราจะดูควบคู่กับการเกิด Divergence และใช้เป็นการยืนยันการเข้าเทรดครับ

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (ตามเทรนด์) 

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (ตามเทรนด์) 

1. เส้น EMA 20 ตัดเส้น EMA  100 ขึ้น

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (ตามเทรนด์) 

2. ราคาที่อยู่เหนือเส้น EMA ทั้ง 2 เส้นลงมาทดสอบ EMA 20 หรือ EMA 100

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (ตามเทรนด์) 

3. เกิดสัญญาณ Bullish Divergence

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (ตามเทรนด์) 

4. เกิดแท่งเทียน Pinbar

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (ตามเทรนด์) 

5. เปิดออเดอร์ Buy

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (ตามเทรนด์) 

6. ตั้ง Stop loss ที่ Swing Low

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (ตามเทรนด์) 

7. ปิดออเดอร์เมื่อได้กำไร

เงื่อนไขการเทรดขาลง (ตามเทรนด์) 

เงื่อนไขการเทรดขาลง (ตามเทรนด์) 

1. เส้น EMA 20 ตัดเส้น EMA  100 ลง

เงื่อนไขการเทรดขาลง (ตามเทรนด์) 

2. ราคาที่อยู่ใต้เส้น EMA ทั้ง 2 เส้นกลับขึ้นมามาทดสอบ  EMA 20 หรือ EMA 100

เงื่อนไขการเทรดขาลง (ตามเทรนด์) 

3. เกิดสัญญาณ Bearlish Divergence

เงื่อนไขการเทรดขาลง (ตามเทรนด์) 

4. เกิดแท่งเทียน Pinbar

เงื่อนไขการเทรดขาลง (ตามเทรนด์) 

5. เปิดออเดอร์ Sell

เงื่อนไขการเทรดขาลง (ตามเทรนด์) 

6. ตั้ง Stop loss ที่ Swing High

เงื่อนไขการเทรดขาลง (ตามเทรนด์) 

7. ปิดออเดอร์เมื่อได้กำไร

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (สวนเทรนด์)

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (สวนเทรนด์) 

1. เส้น EMA 20 ตัดเส้น EMA  100 ลง

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (สวนเทรนด์) 

2. ราคาอยู่ต่ำเส้น EMA ทั้ง 2 เส้น

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (สวนเทรนด์) 

3. เกิดสัญญาณ Bullish Divergence ในขณะที่ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (สวนเทรนด์) 

4. เกิดแท่งเทียน Pinbar

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (สวนเทรนด์) 

5. เปิดออเดอร์ Buy

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (สวนเทรนด์) 

6. ตั้ง Stop loss ไว้ที่ Swing Low

เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น (สวนเทรนด์) 

7. ปิดออเดอร์เมื่อได้กำไร

เงื่อนไขการเทรดขาลง (สวนเทรนด์)

เงื่อนไขการเทรดขาลง (สวนเทรนด์) 

1. เส้นEMA 20 ตัดเส้น EMA  100 ขึ้น

เงื่อนไขการเทรดขาลง (สวนเทรนด์) 

2. ราคาอยู่เหนือเส้น EMA ทั้ง 2 เส้น

เงื่อนไขการเทรดขาลง (สวนเทรนด์) 

3. เกิดสัญญาณ Bearlish Divergence ในขณะที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่

เงื่อนไขการเทรดขาลง (สวนเทรนด์) 

4. เกิดแท่งเทียน Pinbar

เงื่อนไขการเทรดขาลง (สวนเทรนด์) 

5. เปิดออเดอร์ Sell

เงื่อนไขการเทรดขาลง (สวนเทรนด์) 

6. ตั้ง Stop loss ไว้ที่ Swing High

เงื่อนไขการเทรดขาลง (สวนเทรนด์) 

7. ปิดออเดอร์เมื่อได้กำไร

ข้อดีและข้อเสียของระบบเทรด RSI Pinbar

ข้อดีและข้อเสียของระบบเทรด
ภาพสรุปข้อดีและข้อเสียของระบบเทรด

ข้อดีของระบบเทรด

  1. เป็นระบบเทรดที่เทรดได้ทั้ง 2 รูปแบบ ทั้งตามเทรนด์และสวนเทรนด์
  2. ระบบเทรดมีขั้นตอนไม่ยากไม่ต้องอาศัยความชำนาญมากก็สามารถเทรดได้
  3. สามารถทำกำไรได้ดีในตลาดที่เป็นเทรนด์
  4. สามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกไทม์เฟรม

ข้อเสียของระบบเทรด

  1. ต้องนั่งเฝ้าจอเพื่อดูแท่งเทียนและหาสัญญาณการเข้าเทรด
  2. นักเทรดที่ยังขาดประสบการณ์ในการดูแท่งเทียนอาจเกิดความลังเลได้
  3. การเทรดทั้ง 2 รูปแบบพร้อมกันอาจทำให้สถิติการเทรดไม่แม่นยำ

คำแนะนำการใช้ระบบเทรด 

คำแนะนำระบบเทรด
ภาพคำแนะนำระบบเทรดเพื่อให้นักเทรดได้นำระบบไปพัฒนาต่อยอด
  1. ควรฝึกเทรดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งให้เกิดความชำนาญ
  2. สำหรับมือใหม่สามารถหาอินดิเคเตอร์ในการช่วยเหลือได้ เช่น Pinbar Detector (ช่วยในการหาแท่งเทียน Pinbar), RSI Divergence Indicator (ช่วยในการดู Divergence)
  3. ปรับค่า RSI และ EMA ให้เหมาะสมกับการเทรดในไทม์เฟรมต่าง ๆ
  4. การ Back Test  ควรแยกระหว่าง “การเทรดสวนเทรนด์” และ “การเทรดตามเทรนด์” เพื่อให้ได้สถิติการเทรดที่แน่นอน
  5. สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดควรเริ่มจากการเทรดตามเทรนด์เพราะเป็นรูปแบบที่เทรดทำกำไรได้ง่าย

สรุป

ระบบเทรด RSI Pinbar เป็นระบบเทรดที่สามารถใช้ได้กับทุกไทม์เฟรม อีกทั้งสามารถเทรดได้ทั้ง 2 รูปแบบทั้งตามเทรนด์และสวนเทรนด์ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้งาน ระบบเทรดนี้อาศัยการดู Divergence ร่วมกับการยืนยันจากแท่งเทียนในการเข้าเทรดครับ สำหรับมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์แล้วมันอาจจะเป็นเรื่องยากแต่เราก็มี อินดิเคเตอร์ที่สามารถช่วยเหลือได้

ข้อดีของระบบเทรดนี้ก็คือมีรูปแบบการเทรดที่หลากหลาย ใช้เวลาทำความเข้าใจกับระบบเทรดไม่นานก็สามารถนำไปทำกำไรได้ และความพิเศษของมันก็คือสามารถใช้ได้กับทุกไทม์เฟรมแต่ต้องนำไปปรับค่าให้เหมาะสมครับ

ส่วนข้อเสียก็คือมันเป็นระบบเทรดที่ต้องนั่งเฝ้าจอเพื่อคอยดูแท่งเทียน “Pinbar” ซึ่งเป็นตัวคอนเฟิร์มเดียวที่เราจะใช้ในการเข้าเทรด และยิ่งเป็นมือใหม่ที่ขาดประสบการณ์แล้วอาจจะเกิดความลังเลขึ้นมาเลยก็ได้ครับ และการเทรดใน 2 รูปแบบก็อาจจะทำให้สถิติการเทรดและไม่เสถียรดังนั้นการเก็บสถิติต้องทำในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งและแยกกันทำนะครับ เช่นเดียวกับการเทรดควรเทรดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ให้ชำนาญแล้วค่อยขยับไปทำอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อที่เราจะได้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นตามสถานการณ์ได้

เพื่อที่จะทำให้ระบบนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับมือใหม่ใน TradingView มีอินดิเคเตอร์ที่คอยแสดงแท่งเทียน Pinbar พร้อมกับสัญญาณ Divergence ซึ่งจะช่วยลดความลังเลให้กับนักเทรดได้ และสิ่งที่ต้องย้ำกันอยู่เสมอนั่นก็คือการนำระบบไป Back Test ก่อนใช้งานจริงครับ การทดสอบระบบจะช่วยให้เรารู้ว่าเรามีการเทรดสไตล์ไหนเป็นแบบ Trend Following หรือ Counter Trend แต่เมื่อสถิติฝั่งไหนดีกว่าให้เรามุ่งเน้นไปที่ฝั่งนั้นครับ แบบนั้นการทำกำไรจะยั่งยืนมากขึ้น

แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมอัพสกิลการเทรดเพื่อนำไปต่อยอดการเทรด

อ้างอิง

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments

สารบัญบทความ