Forexthai.in.th ย่อให้

  • Roadmap คือระบบเทรดที่ให้ข้อมูล “แผนการเทรด” มากกว่าสัญญาณซื้อขาย
  • Indicator มีในแพลตฟอร์มการเทรดทุกตัว ดูเข้าใจง่ายและเป็นที่นิยม เช่น SMA200, EMA8 เป็นต้น
  • เงื่อนไขการเทรด เข้าใจง่าย ชัดเจน สามารถทำตามแผนการเทรดส่วนตัวได้
  • แนวรับและแนวต้าน มีตัวช่วยกำหนดแนวรับและแนวต้านทุก Time Frame ด้วย Prev High/Low
  • ใช้ได้หลายสไตล์การเทรด สามารถใช้เทรดแบบ Scalping หรือ Position ก็ได้

ระบบเทรด Roadmap - A Way to Read Markets

Roadmap – A Way to Read Markets นี่คือระบบเทรดที่ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 จากการรวบรวมระบบเทรดที่น่าสนใจบนเว็บไซต์ Forexfactory.com (อันดับที่แชท GPT ประมวลผลให้) ซึ่งเป็นระบบเทรดที่ดูแล้วง่ายต่อการนำไปใช้จริง ๆ

คุณ LauraT เป็นผู้ที่สร้างระบบเทรด Roadmap ขึ้นมา เมื่อเห็นแล้วว่าใช้งานได้ดีจึงนำมาแบ่งปันสำหรับเทรดเดอร์ทั่วไปให้นำไปใช้งานได้ฟรี

ข้อมูลเบื้องต้น

ระบบเทรด Roadmap ใช้การตั้งค่าทั้งหมดโดยมีแนวคิดในการใช้เพื่อเป็นแผนการเทรด เพราะแทนที่จะแสดงสัญญาณซื้อและขาย แต่จะให้ข้อมูลมากมายกว่านั้นแก่คุณ ซึ่งคุณสามารถเลือกดำเนินการเข้าเทรดได้ ตามแนวทางการเทรดของตัวเอง

เทรดเดอร์ท่านใดที่สนใจอยากทดลองใช้ระบบนี้ สามารถทดสอบหรือทดลองใช้ได้บนเว็บ Tradingview ในชื่อ Indicator คือ “RoadMap Panel” ซึ่งถูกพัฒนาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2020 จวบจนถึงปัจจุบันนี้

ระบบเทรด Roadmap
ระบบเทรด Roadmap ที่มีบนเว็บ Tradingview ในชื่อ Indicator คือ “RoadMap Panel”

เครื่องมือที่ใช้

อย่างที่แจ้งเอาไว้ว่าระบบเทรด Roadmap มีจุดมุ่งหมายของแผนงานคือการให้ข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นในการใช้ตัว Indicator จึงต้องใช้หลายตัวหน่อย ซึ่งก็มีอินดิเคเตอร์ที่ใช้ ดังนี้

  1. SMA200: ใช้เพื่อระบุแนวโน้มหลัก
  2. EMA8: ใช้เป็นตัวยืนยันราคา
  3. Daily Open Line: กำหนดเวลาให้เริ่มต้นตอนเที่ยงคืน (เวลาตามพื้นที่ของเทรดเดอร์)
  4. ADR: สูงและต่ำแบบไดนามิก
  5. RSI12/RSI19: เหนือ 50 ถือเป็นภาวะกระทิง ต่ำกว่า 50 ถือเป็นภาวะหมี

จะเห็นได้ว่า Indicator แต่ละตัวที่ถูกนำมาใช้ ล้วนเป็นอินดิเคเตอร์ที่มีรองรับให้ใช้งานในแพลตฟอร์มการเทรดทุกตัวอยู่แล้ว แถมดูเข้าใจง่ายและเป็นที่นิยมอยู่แล้วด้วย

ภาพตัวอย่าง Indicator ที่ถูกนำมาใช้ในระบบเทรด Roadmap

เงื่อนไขการเข้าเทรด

สำหรับการเข้าเทรดนั้น สามารถทำได้ตามแผนการเทรดของแต่ละท่านได้เลย เพราะระบบ Roadmap นี้ เป็นตัวช่วยในการบ่งชี้ทิศทางของตลาด โดยพื้นฐานแล้วมีเงื่อนไขการเข้าเทรด ดังนี้:

  • เทรดตามแนวโน้ม: เทรดไปในทิศทางของ SMA200 เท่านั้น
  • EMA8: เมื่ออยู่เหนือกว่า SMA200 จะต้อง Buy (ซื้อ) แต่ถ้าหากต่ำกว่าต้อง Sell (ขาย)
  • RSI2/RSI9: เมื่ออยู่เหนือกว่า 50 คือแรงซื้อ ถ้าหากต่ำกว่า 50 คือแรงขาย
  • ADR สูง/ต่ำ: ใช้เพื่อบอกถึง แนวรับ/แนวต้าน ที่เป็นไปได้

เงื่อนไขการเข้าเทรดทั้งหมดนี้ เป็นเงื่อนไขที่ทำตามได้ง่ายไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนอะไรเลย แค่เปิดกราฟราคาขึ้นมาดูก็สามารถวางแผนในการเข้าเทรดได้เลยทันที

SMA200 บอกอะไรบ้าง

SMA200 จะเป็นตัวที่บอกว่าราคาอยู่ที่ไหน ระบบเทรด Roadmap เลือก SMA200 ด้วยเหตุผลสองประการคือมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายและมีประวัติที่ดีในการหยุดราคา ดังที่คุณเห็นจากแผนภูมินี้

ระบบเทรด Roadmap SMA200 จะเป็นตัวที่บอกว่าราคาอยู่ในเทรนด์อะไร

เราสามารถดูได้อย่างรวดเร็วว่าราคาอยู่เหนือหรือต่ำกว่า SMA200 ด้วยแดชบอร์ดกรอบเวลาหลายช่วงที่มุมขวาด้านล่าง สีของแดชบอร์ดจะมีความหมาย ดังนี้

  • สีเขียว: หมายถึงราคาอยู่ด้านบน
  • สีแดง: หมายถึงอยู่ด้านล่าง

หากคุณชอบเทรดสั้น คุณจะต้องดูทิศทางราคาจาก M1-M30 เป็นพิเศษ หากคุณเป็นเทรดเดอร์ระยะยาว ให้ใส่ใจกับกรอบเวลา H1-W1 ให้มากที่สุด คุณต้องให้กรอบเวลาที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 2 กรอบเป็นสีเขียวสำหรับ longs หรือสีแดงสำหรับ short

EME8 บอกอะไรบ้าง

ระบบจะสร้างขึ้นโดยใช้ราคาสูงและต่ำของ EMA8 บันทึกเป็นสองเส้นคู่กัน เนื่องจากให้การยืนยันทิศทางของราคาได้เร็วกว่า หากเส้นคู่นี้อยู่ต่ำกว่า SMA200 จะเป็นแนวโน้มขาย แต่ถ้าหากอยู่ข้างบนจะเป็นแนวโน้มซื้อ

นอกจากนั้นเส้นคู่ของ EMA8 นี้ ยังช่วยคัดกรองเรื่อง False Breakout ได้อย่างดีด้วย โดยที่เมื่อใดก็ตามราคาได้ทะลุผ่านเส้น SMA200 ไปแล้ว แต่เส้นคู่ของ EMA8 ยังผ่านไปไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าเป็นแค่ False Breakout นั่นเอง

จากภาพตัวอย่าง เส้นคู่ของ EMA8 วิ่งอยู่ใต้เส้น SMA200 อย่างต่อเนื่อง เป็นเทรนด์ขาลงที่ชัดเจน

Prev High/Low บอกอะไรบ้าง

นอกจากนี้ระบบ Roadmap ยังมีเครื่องหมายสูงและต่ำของวันก่อนหน้าบนแผนภูมิด้วย ระดับเครื่องหมาย Prev High/Low มักจะทำหน้าที่เป็น แนวรับ/แนวต้าน ที่ดีทีเดียว นี่คือตัวอย่างราคาที่ถูกหยุดโดยจุดต่ำสุดของวันก่อนหน้า

ตัวอย่าง ระดับเครื่องหมาย Prev High/Low ทำหน้าที่เป็น แนวรับ/แนวต้าน

ADR บอกอะไรบ้าง

นอกจากนี้ยังมีเส้น ADR สูงและต่ำบนแผนภูมิด้วย เป็นแบบไดนามิกและจะเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวันจนกว่าจะ “ล็อค” ที่ระดับใดระดับหนึ่ง แต่จะเกิดขึ้นเมื่อราคาได้ผ่านช่วงค่าเฉลี่ยรายวันแล้ว เมื่อเกิดขึ้น เส้นจะกลายเป็นสีแดงทึบและจะไม่เปลี่ยนแปลงอีกในวันนั้น

เส้น ADR จะใช้เพื่อค้นหาจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น เพียงแต่ควรมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบที่เป็นไปตามแนวโน้มของกลยุทธ์ตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้เป็นภาพตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเส้น ADR มีลักษณะอย่างไรเมื่อล็อก

ตัวอย่าง เส้น ADR ที่แสดงบนกราฟราคา จะใช้เพื่อค้นหาจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น

การเข้าและออกด้วยระบบเทรด Roadmap

ขอให้มองว่าองค์ประกอบทั้งหมดของระบบเทรด Roadmap เหล่านี้เป็นชุดข้อมูลที่มีองค์ประกอบที่แตกต่างกัน ซึ่งมันก็เหมาะกับสไตล์การซื้อขายที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นแผนการเทรดที่มีความยืดหยุ่นในแง่ของการใช้เครื่องมือและช่วงเวลาจะมีประโยชน์มาก สามารถใช้เทรดแบบ Scalping และ Position ก็ได้ ตัวอย่าง ดังนี้

ตัวอย่างในการเข้าและออกระยะสั้นแบบ Scalping

จากตัวอย่างในภาพด้านบน

สามารถเข้าและออกได้บ่อยครั้งมาก ด้วยการเลือกใช้ Time Frame เล็ก ๆ แล้วเทรดตามเทรนด์ของราคาด้วยเงื่อนไขดังนี้

  • เทรดตามเทรนด์: จากตัวอย่างจะเห็นว่าเป็นแนวโน้มขาลง เพราะเส้นคู่ EMA8 อยู่ใต้ SMA200
  • การเข้าออเดอร์: ต้องเข้า SELL เท่านั้น ตามแนวโน้ม โดยมีพื้นที่เข้าคือเส้น High ของเส้นคู่ EMA8
  • การออกเพื่อทำกำไร: สามารถออกจากการเทรดเพื่อทำกำไรได้เมื่อราคาทะลุลงผ่านเส้น Low
ตัวอย่างในการเข้าและออกระยะยาวแบบ Position

จากตัวอย่างในภาพด้านบน

เมื่อราคามีการยืนยันว่า เส้นคู่ EMA8 ทะลุผ่าน SMA200 ได้แล้ว เราก็สามารถเข้าออเดอร์ตามเทรนด์นั้นได้เลย

  • การเข้าออเดอร์: เข้าออเดอร์เมื่อเส้นคู่ EMA8 ทะลุผ่าน SMA200
  • การออกเพื่อทำกำไร: หากเทรดแบบ Position ก็ต้องถือรอจนกว่าจะมีการเปลี่ยนเทรนด์นั่นเอง จึงค่อยออกจากการเทรด

จากตัวอย่างนั้น จะเห็นว่ามีพื้นที่เข้าและออกที่เป็นไปได้ง่าย ๆ โดยใช้ช่อง 8EMA สำหรับการกำหนดเวลา นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างของการวิ่งครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวอีกด้วย

จุดอ่อนของระบบ

ระบบเทรด Roadmap อาศัยการวิเคราะห์ด้วยตัวชี้วัดทางเทคนิค ซึ่งเป็นการวิเคราะห์อดีต ไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ในอนาคตได้ สัญญาณจากเครื่องมือและตัวบ่งชี้ต่าง ๆ อาจตีความได้หลายแบบ เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีทักษะและประสบการณ์ในการวิเคราะห์ด้วย

อีกประการก็คือข้อจำกัดของเทรนด์ เทรนด์อาจสิ้นสุดลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีการติดตามและวิเคราะห์เทรนด์อย่างชัดเจน

อ้างอิง

การศึกษานี้ใช้งานได้ฟรี แต่โค้ดเป็นแบบส่วนตัว หากคุณชอบหรือมีคำถามโปรดใช้ส่วนความคิดเห็น ตรวจสอบสคริปต์อื่น ๆ ได้ที่

www.tradingview.com/u/03.freeman/

https://www.tradingview.com/script/YugzPBc0-RoadMap-Panel/

https://www.forexfactory.com/showthread.php?p=12913838#post12913838

https://www.forexfactory.com/showthread.php?p=12980075#post12980075

https://www.forexfactory.com/thread/post/13580610#post13580610

ข้อมูลของคุณ LauraT ผู้ที่นำเอาระบบเทรด Roadmap มาแบ่งปัน

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments