Forexthai.in.th ย่อให้

  • Retest คือการที่ราคากลับมาทดสอบแนวรับ-แนวต้าน, เส้น Trendline, จุดสูงสุด/ต่ำสุดเดิมหรือ Moving Average หลังจากที่ราคาได้ทะลุ (Breakout) ผ่านจุดสำคัญเหล่านั้นไปแล้ว
  • Real Retest เป็นการยืนยันการ Breakout ที่เกิดขึ้น โดยลักษณะสำคัญคือ ราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวที่ทดสอบกลับไปได้และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางเดิมของการ Breakout
  • False Retest เป็นการ Retest หลอก โดยราคาจะสามารถทะลุผ่านแนวที่ทดสอบกลับไปได้อีกครั้ง ซึ่งมักเกิดจาก Volume การซื้อขายที่ต่ำ
  • ตัวอย่างการใช้ Moving Average 20 ในกราฟ USD/JPY แสดงให้เห็นว่า การรีบเข้าเทรดทันทีที่ราคาแตะเส้น MA ขณะที่กำลัง Retest นั้นเร็วเกินไป เพราะยังไม่ยืนยันว่าเป็นการรีเทสที่แท้จริง การรอให้ราคาทะลุ Low เดิมลงมาก่อน จะเป็นการยืนยันที่ชัดเจนกว่า

Real retest

ในการเทรด Forex มีเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์กราฟราคาตัวหนึ่งที่นิยมกันมากๆ ก็คือ การ Retest ของกราฟ การวิเคราะห์แบบนี้เทรดเดอร์หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวคิดของ Real Retest และ False Retest กันอยู่ ซึ่งในบทความนี้จะมาไขข้อสงสัยให้กระจ่าง


Retest คืออะไร?

  • คำนิยามของการ Retest คือ กราฟราคาเคลื่อนที่กลับมายังจุดราคาสำคัญนั้นอีกครั้ง หลังจากที่เกิดการ Breakout หรือการทะลุผ่านจุดราคาสำคัญนั้นมาแล้ว
  • ซึ่งราคาสำคัญที่ว่านั้น อาจเป็น แนวรับ-แนวต้าน, เส้น Trendlineหรือจุดสูงสุด/ต่ำสุดเดิม รวมไปถึงอินดิเคเตอร์อย่าง Moving Average ด้วยก็ได้ ส่วนใหญ่คนนิยมใช้ แนวรับ-แนวต้านกับ MA
  • การ Retest นั้นสามารถจำแนกออกเป็น 2 รูปแบบคือ Real Retest และ False Retest ซึ่งจะคุยในประเด็นถัดไป
การ Retest คืออะไร
การ Retest คือการที่ราคาได้ผ่านแนวสำคัญไปและย้อนกลับมาเพื่อ “ทดสอบ” แนวนั้นอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ 2 ทางคือ กราฟไม่สามารถทะลุย้อนกลับไปได้หรือสามารถทะลุย้อนกลับไปได้

ลักษณะสำคัญของการ Retest ที่แท้จริง

  1. มีการทะลุแนวรับ-แนวต้านอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ไส้เทียนทะลุแล้วราคาปิดกลับมายืนในกรอบ แต่แท่งเทียนต้องปิดราคาเหนือแนวต้านหรือต่ำกว่าแนวรับแบบ 100%
  2. ราคากลับมาทดสอบแนวรับ-แนวต้านที่ทะลุไป การที่ราคากลับมาทดสอบจุดนี้คือการ “เช็ค” ว่าระดับที่เคยเป็นแนวรับ/แนวต้านเดิม ได้เปลี่ยนเป็นแนวต้าน/แนวรับใหม่แล้ว
  3. หัวใจสำคัญของ Retest คือราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวรับ-แนวต้านนั้นได้อีก (อาจมีการเบี่ยงเบนเล็กน้อย) อาจจะมีไส้เทียนทะลุไปบ้างแต่แท่งเทียนต้องปิดไม่ทะลุแนวเดิมที่มันผ่านออกมา
  4. หลังจากที่ไม่สามารถทะลุผ่านแนวที่ทดสอบได้ ราคาจะกลับตัวและเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับตอนที่ทะลุแนวรับ-แนวต้านในครั้งแรก มันคือการยืนยันแนวโน้มเดิมและมีโอกาสสูงที่ราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางนั้นต่อ
  5. ในช่วงที่ราคากลับมาทดสอบและไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ ส่วนใหญ่แล้วจะพบว่ามี Volume การซื้อขายสูงกว่าช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นการยืนยันว่ามีการซื้อขายเกิดขึ้นจริง ณ ระดับราคานั้น
ลักษณะของการ Retest ที่แท้จริง
Real Retest ที่สมบูรณ์แบบ ราคาจะต้องทะลุแนวราคาสำคัญ, กลับมาทดสอบ, ไม่ผ่าน, แล้วไปต่อในทิศเดิม ซึ่งเป็นสัญญาณการเข้าเทรดที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ รวมถึงมี Volumn ในการซื้อขาย ณ จุดนั้นจำนวนมาก

ความแตกต่างระหว่าง Real Retest และ False Retest

เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากราฟราคา ณ ปัจจุบันมันคือ Retest จริงหรือหลอก ซึ่งกรณีเราสามารถแยกแยะได้เบื้องต้นดังนี้

หลักการแยกแยะ Real Retest False Retest
การทะลุแนวเดิมหลัง Breakout ไม่ผ่านและเด้งกลับไปทางเดิมที่ทะลุมา ทะลุผ่านกลับไปในแนวเดิมที่ทะลุมาได้
การยืนยันแนวโน้ม ยืนยัน” แนวโน้มเดิม ที่ราคาได้ทะลุออกไปก่อนหน้านี้ ไม่ยืนยัน” แนวโน้มเดิมและราคาอาจกลับตัวได้
Volume การซื้อขาย มักมี Volume การซื้อขายสูง มักมี Volume การซื้อขายต่ำ
ผลลัพธ์ ราคาไปในทิศทางเดิมที่มันทะลุออกมา ราคาย้อนสวนกลับไปที่มันทะลุออกมา

การแยกแยะระหว่างการ Retest ที่แท้จริง กับ False Retest นั้น หลักๆ จะวัดตรงที่ ราคาจะสามารถย้อนกลับไปในทางที่มัน Breakout จากแนวสำคัญได้หรือไม่ ถ้าได้ นั่นคือ False ถ้าไม่ได้ นั่นคือ Real

ตัวอย่างการใช้งาน Retest บนกราฟจริง

มีตัวอย่างกราฟราคาจริงที่ระบุว่าเป็นการทดสอบที่แท้จริง ในที่นี้จะใช้ Moving Average 20 เป็นแนวสำคัญและข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ของเทรดเดอร์ที่รีบออกออเดอร์เกินไปเพราะกลัวตกรถ

ตัวอย่างการ Retest ที่ไม่สมบูรณ์

ตัวอย่างการ Retest ที่ไม่สมบูรณ์
จากรูปคือการ Retest ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์และมักเป็นจุดที่เทรดเดอร์รีบเข้าเทรดเกินไป ทั้งที่กราฟราคายังไม่ได้ยืนยันการ Retest อย่างชัดเจน  ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะโดนตลาดหลอกอยู่
  • กราฟที่แสดงเป็นกราฟคู่สกุลเงิน USD/JPY แสดงการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง
  • ราคากำลังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า “Retest” ก็คือ ราคากำลังกลับมาทดสอบแนวต้าน (ในกรณีนี้คือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน) หลังจากที่ราคาได้ทะลุแนวรับลงมา
  • ราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้น Moving Average 20 วัน และได้ดีดตัวกลับขึ้นไปแตะเส้นดังกล่าว
  • เทรดเดอร์หลายคนมักจะ “สวน Short” (ขาย) บริเวณนี้ คือบริเวณที่ราคาดีดกลับขึ้นไปแตะเส้น Moving Average 20 วัน โดยคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวลงต่อ ซึ่งถือว่ายังเร็วเกินไปที่จะออกออเดอร์ ณ จุดนี้
  • การ Retest รอบนี้ยังไม่จบ เพราะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าราคาจะกลับตัวลงจริงหรือไม่
  • การ Retest ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อราคา “ดีดกลับ” ลงมาเท่ากับแนวเดิมที่มันทะลุออกมา หลังจากที่ขึ้นไปทดสอบเส้น Moving Average 20 วันแล้ว

การ Retest ที่สมบูรณ์แล้ว

การ Retest ที่สมบูรณ์แล้ว
การ Retest จะเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ กราฟราคากลับไป Retest จุดหรือแนวสำคัญที่ทะลุออกมาแต่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ และราคาก็วิ่งไปทิศทางเดียวกับที่มันทะลุออกมา เมื่อราคาทะลุแนวรับเดิมหลังทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเป็นการยืนยันแนวโน้มและจุดเข้าเทรดที่ชัดเจน
  • ตัวอย่างการ Retest ในกราฟ USD/JPY ต่อเนื่องจากด้านบน
  • การที่ราคาไปแตะเส้น Moving Average 20 วัน ยังไม่ถือเป็นการยืนยันการสิ้นสุดของการ Retest (บริเวณกากบาท) ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าราคาจะลงต่อ
  • การยืนยันการ Retest ที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุ Low เดิมลงมา (บริเวณเครื่องหมายถูก) เป็นการยืนยันว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาลงและมีแนวโน้มจะปรับตัวลงต่อ
  • แม้ว่าการเทรดในจังหวะที่ราคากำลัง Retest ก่อนทะลุ Low เดิม อาจได้ราคาที่ดีกว่าและ RRR (Risk/Reward Ratio) ที่สูงกว่า
  • แต่ข้อเสียของการเทรดแบบรีบเข้าตอนแตะเส้น คือ มีโอกาส เป็น False Retest หรือราคาอาจเปลี่ยนแนวโน้มย้อนกลับไป
  • การ “รอ” จึงเป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับเทรดเดอร์ เพราะมีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่า รอให้ราคาทะลุ Low เดิมก่อน จึงค่อยเข้าเทรดและออกออเดอร์

วิดีโออธิบาย Retest

การดู Retest จากแนวรับ-แนวต้าน เครดิต By The Moving Average Focus นาทีที่ 1:24 – 4:00

มีวิดีโอจากยูทูปเบอร์สายเทรดเดอร์คนหนึ่งที่กำลังพูดถึงการ Retest เลยอยากเอาแชร์ให้กับผู้อ่านทุกท่าน ซึ่งเทรดเดอร์คนนนี้จพอธิบายหลักการ Retest ของกราฟในเบื้องต้น พร้อมกับสอนการดู Retest จากแนวรับ-แนวต้าน ว่าอันไหนคือของจริงรวมไปถึงการดู Retest แบบใช้ Moving Average

  • Focus นาทีที่ 1.24 ยกตัวอย่างกราฟที่ทำ Retest
  • Focus นาทีที่ 1.58 การ Retest แบบใช้แนวรับแนวต้าน
  • Focus นาทีที่ 3.03 การ Retest แบบใช้ Moving Average

สรุป

สรุปแล้วการใช้การ Retest จัดว่าเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้เทรดเดอร์ Forex สามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การจะใช้หลักการ Retest เทรดเดอร์ต้องระมัดระวังให้มากๆ ต้องรออย่างใจเย็นเพื่อยืนยันแนวโน้นให้ขัดเจน รวมถึงพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น Volume, กราฟแท่งเทียน เป็นต้น

ขอย้ำอีกครั้งว่าการใช้ Retest ในการวิเคราะห์กราฟ Forex นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ของการวิเคราะห์ทั้งหมด บางคนอาจจะใช้ควบคู่กับอินดิเคเตอร์อื่นๆ หรือบางคนมีเทคนิคส่วนตัว สุดท้ายก็ขอให้เข้าใจหลักการ Retest อย่างถูกต้องเพื่อหลักเลี่ยงการโดนตลาดหลอกนะครับ

บทความแนะนำสำหรับผู้เริ่มเทรด Forex 

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments