Pepperstone คือ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ให้บริการเทรด Forex และ CFDS ในระดับต้นๆของประเทศออสเตรเลีย ดำเนินการตั้งแต่ปี 2010 โดยบริการการเทรดให้กับเทรดเดอร์ทุกระดับ ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงพวกสถาบันการเงินใหญ่ๆ พร้อมทั้งมีเครื่องมือช่วยในการเทรดรูปแบบต่างๆ มากมาย รวมไปถึงมีสื่อการสอนสำหรับ Trader ในระดับเริ่มต้นได้ศึกษา

โลโก้ โบรกเกอร์ Pepperstone แบบเดิม หรือ Pepperstonegroup.com

 

โลโก้ โบรกเกอร์ Pepperstone.com ที่ทำตลาดในประเทศไทยปัจจุบัน เป็นเรื่องของการบริหารการตลาดในประเทศที่มีมีสไตล์การเทรด และกฎหมายที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศไทยชอบ Leverage สูง เป็นต้น

โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ Pepperstone นี้มีชื่อเสียงที่รู้จักกันในด้านต้นทุนการเทรด (Spread, commission) อยู่ในเกณฑ์ต่ำ มีการบริหารจัดการออเดอร์ (เปิด-ปิด order, ตั้งค่า order) ได้อย่างรวดเร็ว เทรดลื่นไหล 

มีแฟลตฟอร์มเทรดที่ดี (Metatrader 4/5, cTrader และ TradingView ทั้งรูปแบบแฟลตฟอร์ม และเวอร์ชั่น Web) มีสินค้าให้เทรดหลากหลายทั้ง Forex, CFDs, Commodities และ Cryptocurrencies ซึ่งนับได้ว่าเป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเทรดที่ดี และน่าเชื่อถือ

Pepperstone คืออะไร

โบรกเกอร์ Pepperstone ตั้งขึ้นในปี 2010 เป็นโบรกเกอร์สำหรับเทรดฟอเร็กซ์ ตั้งอยู่ในประเทศออสเตรเลีย ได้รับใบอนุญาตดำเนินการของ Australian Seucurities and Investments Commission (ASIC)  และ Financial Conduct Authority (FCA) ของประเทศอังกฤษ ตามข้อมูลเว็บไชต์ Pepperstone ว่า มีการประมวลผลการเทรดประมาณ 12.55 พันล้านเทรดต่อวัน มีเทรดเดอร์กว่า 300,000 รายในกว่า 150 ประเทศ

เป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรด Forex และ CDFs ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศมาอย่างมากมาย ซึ่งเป็นเครื่องรับรองความสำเร็จ และความนิยมมาก

Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ในกรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ระดับต้นๆ ของประเทศออสเตรเลีย  ให้บริการเทรดเดอร์ทุกระดับ สำหรับโบรกเกอร์เองมีเป้าหมายที่จะให้บริการลูกค้าด้วยเทคโนโลยีการเทรดอย่างดี การให้บริการที่ดีเยี่ยม ทั้งยังเป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์แบบ Straight-Through Processing (STP) / no-dealing desk (NDD) อีกด้วย

ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ Pepperstone

Pepperstone  มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศออสเตรเลีย มีชื่อเสียงดีมาตลอดทั้งในระดับเทรดเดอร์รายย่อยจนไปถึงเทรดเดอร์พวกที่เป็นสถาบันการเงินต่างๆ เพราะเงื่อนไขในการเทรด เรื่องต้นทุนที่ไปทางต่ำ

Server ดี เทรดลื่นไหล รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเทรดอื่นๆ เช่น Live support และระบบหลังบ้านส่วน User Account ก็ได้รับการพัฒนาให้สะดวกใช้ง่ายกว่าแต่ก่อน

โบรกเกอร์ Pepperstone ได้รับใบอนุญาตดำเนินการ ASIC จากประเทศออสเตรเลียและ FCA จากประเทศอังกฤษ สำหรับในประเทศไทยมีการดำเนินการมานาน ปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์ที่ถือได้ว่าแน่นหนา

ลูกค้าคนไทยสามารถฝากถอนผ่านธนาคารออนไลน์ในประเทศได้เลย ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยภายใน 24 ชม. (จากประสบการณ์ของผมการฝากถือว่าเร็วไม่กี่นาที แต่การถอนต้องสั่งถอนก่อน 8 โมงเช้าเวลาบ้านเราแล้วจะได้เงินภายในวันนั้น ถ้าหลังนั้นจะได้เงินภายในวันถัดไป)

รางวัลต่างๆที่ โบรกเกอร์ Pepperstone ได้รับ ค่อนข้างจะดูดีและมีสาระกว่าหลายๆโบรก แต่พักหลังมาก็เริ่มได้ห่างๆ ล่าสุดได้มาเมื่อ 2019

การจดทะเบียนองค์กรควบคุมของโบรกเกอร์ Pepperstone

  1. ใบอนุญาตดำเนินการจากASIC (Australian Securities and Investments Commision) ของประเทศออสเตรเลีย
  2. ใบอนุญาตดำเนินการจากFCA (Financial Conduct Authority) ของประเทศอังกฤษ

 

รางวัลที่ Pepperstone ได้รับ

2018 => UK Forex Awards รางวัลแก่บริษัทโบรกเกอร์ซื้อขาย Forex ชั้นนำที่ให้การสนับสนุนเทคโนโลยีที่ทันสมัย การซื้อขายต้นทุนต่ำ เครื่องมือการวิจัยตลาดที่ครอบคลุม โปรแกรมการเรียนรู้ขั้นสูง และการบริการลูกค้าระดับโลกแก่ลูกค้าของตน รางวัลที่ได้ Best Forex ECN Broker  , Best Forex Trading Support  , Best Forex Trading Conditions

2017 => Governor of Victoria Export Awards : รางวัลของรัฐบาลออสเตรเลีย .. Exporter of the Year , Digital Technologies Award , Growth Company of the Year Awards

ยังมีอีกหลายรางวัล ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีก หลายรางวัลครับ

แพลตฟอร์มของ Pepperstone

Pepperstone  ยังมีครบทุก OS ครับ ไล่เรียงตั้งแต่ Windows และ Mac OS สำหรับเดสก์ท็อป และบน iOS และ Android สำหรับมือถือและแท็บเล็ต และบน WebTrader  จะขาดก็แต่ Linux เท่านั้นเอง ..

การให้บริการเทรดของ Pepperstone

Forex

การเข้าถึงตลาดที่มีการเคลื่อนไหวมาที่สุดในโลก ทำให้คุณสามารถได้รับกำไรจากการซื้อขายคู่เงินมากมายหลายชนิดบนตลาด ซึ่งมีสเปรดที่ต่ำสุดที่0.0pips ในคุ่สกุลเงิน EUR/USD, USD/JPY, AUD/USD และ GBP/USD นอกจากนั้นยังมีบริการกู้ยืมเงินที่อัตราส่วน 500:1 ซึ่งจะทำให้คุณมีกำลังในการซื้อเพิ่มขึ้น

โลหะมีค่า  Metal : Gold

อีกตลาดที่ผู้ซื้อขายรายย่อยนั้นมักจะมองข้าม ก็คือตลาดโลหะมีค่า ซึ่งในตลาดนี้จะมีตั้งแต่ทอง เงิน แพลทตินัม และพาลาเดียม โดยทองและเงินนั้นมักจะเคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหวของตลาด  หมายความว่าหากมีคนที่ไม่อยากจะลงเล่นดัชนีหุ้นต่างๆ ก็สามารถมาลงทุนกับโลหะเหล่านี้ที่ปลอดภัยกว่าแทนได้

CFDและดัชนีหุ้น

CFDหรือสัญญาซื้อขายส่วนต่างนั้น จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงตลาดได้โดยไม่จำเป็นจะต้องครอบครองสินค้าเหล่านั้น ถึงแม้มันจะค่อนข้างเสี่ยงมาก แต่ก็ให้โอกาสได้เข้าถึงสิ่งที่ปกติแล้วจะไม่มีโอกาสได้เข้าถึง เพราะว่าCFDนั้นจะไม่ต้องใช้ตัวใบรับรองหรือใบอนุญาติในการครอบครองสินค้าเหล่านั้นโดยตรง ความเสี่ยงส่วนหนึ่งที่ควรคำนึงถึงคือ การกู้ยืมเงินนั้นมีโอกาสทำให้เกิดการขาดทุนมากกว่าเดิมได้ นอกจากนั้น สถิติของผลเมื่อครั้งที่ผ่านมา รวมถึงภาษีและอื่นๆนั้นไม่สามารถเป็นตัวยืนยันได้ว่าจะคงที่หรือไม่

พลังงาน

อีกหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากก็คือ ตลาดพลังงาน ซึ่งได้แก่น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และมีองค์กรท้องถิ่นมากมาย รวมทั้งการเคลื่อนไหวระดับโลกที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงราคาได้

ข้อดีในการซื้อขายสินค้าประเภทพลังงานผ่านทางPepperstoneก็คือ สามารถเข้าถึงสเปรดที่ดีได้ กู้เงินล่วงหน้าได้ด้วยอัตรา 500:1 สำหรับลูกค้าแบบมืออาชีพ และ 20:1สำหรับลูกค้ารายย่อย ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ และสามารถทำการเฮจจิ้งได้ มันมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับตลาดอื่นๆแต่ก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความหลากหลายให้กับคุณ

สกุลเงินดิจิตัล Cypto

อีกหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตอย่างมากก็คือ คริปโตเคอเรนซี่ หรือเงินดิจิตัลนั่นเอง ซึ่งได้แก่ Bitcoin, Bitcoin Cash และ Ethereum แต่ละสกุลก็ทำงานคล้ายๆกันแต่จะมีค่าที่แตกต่างกันออกไป

ในPepperstoneนั้นจะสามารถให้คุณกู้ยืมได้ด้วยอัตรา 2:1 และไม่มีค่าคอมมิชชั่นและสามารถทำการเฮจจิ้งได้ในบัญชีเดียว อย่างไรก็ตาม เงินดิจิตัลนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างมากเพราะว่าตลาดนั้นมีการผันผวนค่อนข้างสูง แต่มันก็เป็นวิฑธีที่ดีเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับช่องทางของคุณ

สินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ

อีกทางเลือกหนึ่งที่Pepperstoneสามารถให้บริการได้ก็คือ การเข้าถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการซื้อขายน้อยกว่าเช่น กาแฟ ผ้าฝ้าย น้ำส้ม และอื่นๆอีกมากมาย ถึงแม้ว่ามันจะมีการซื้อขายที่ดี แต่มันมีการเคลื่อนไหวที่ต่างจากสินค้าประเภทอื่นๆ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นจึงควรทำการซื้อขายด้วยความระมัดระวัง

เกี่ยวกับค่าบริการการซื้อขายกับ Pepperstone (สเปรด คอมมิชชั่น swap)

ต้นทุนการเทรด (สเปรด คอมมิชชั่น awap) ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ forex การดูต้นทุนการเทรดต้องดูหลายอย่างประกอบกัน วิธีการง่ายที่สุดก็คือดูจากประเภทบัญชีที่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์นำเสนอ

สำหรับโบรกเกอร์ Pepperstone มีประเภทบัญชีผ่าน 4 ทางเลือกแพลตฟอร์มสำหรับเทรด มีทั้ง Metatrader 4, Metatrader 5, cTrader และ TradingView (ถ้าต้องการเทรด Share CFD ต้องเปิดบัญชีเทรดที่เป็น Metatrder 5 เท่านั้น) ซึ่งแบ่งประเภทบัญชีได้ดังนี้

ประเภทบัญชีของ  Pepperstone

  • ประเภทบัญชี Standard: เป็นบัญชีแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น เหมาะสำหรับเทรดเริ่มต้นหรือเทรดเดอร์ที่เป็นลูกค้าใหม่ของโบรกเกอร์
  • ประเภทบัญชี Razor: เป็นบัญชีแบบมีค่าคอมมิชชั่น เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ประเภทที่เทรดบ่อยๆ มีรูปแบบการเทรดแบบมีการเฮจ (Hedge) หรือเทรดแบบเก็บสั้นๆ (เก็บน้อยแต่เก็บบ่อย) เพราะค่าบริการรวม (สเปรด + คอมมิชชั่น) จะถูกกว่าบัญชี Standard
รายละเอียดโดยสรุปของบัญชี Razor และ Standard ของโบรกเกอร์ Pepperstone

วิเคราะห์บัญชี Standard และ Razor อันไหนดีกว่ากัน

  1. บัญชีประเภท Standard: เน้นสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่ต้องการมากังวลเกี่ยวกับค่าคอมมิชั่น ต้นทุนการเทรดรวมอยู่ที่สเปรด และ สเปรดเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 0-1.8 pip (เฉลี่ย 0.6 pip) ซึ่งถือว่าน้อยมาก คือสมองไม่ต้องบวกเลขอะไรมาก ดูค่าเสปรดก่อนเปิดออร์เดอร์พอ
  2. บัญชีประเภท Razor: จะมีค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0-0.3 แต่มีค่าคอมมิชชั่นต่างหาก แตกต่างตามคู่เงิน เฉลี่ย คือ 7-8 $/Lot/รอบ

* โดยสรุป จากประสบการณ์การเทรดด้วยบัญชีจริง และจากการทำสถิติพบว่า ค่าบริการโดยรวม คือ Spread + Commission ของคู่ค่าเงินหลักๆ นั้น บัญชี Razor จะถูกกว่า Standard ทั้งที่ความเร็วในการเปิด-ปิด และการตั้งค่า order เช่น ลากเส้น TP SL ก็พอๆกัน แปลว่า ระยะยาวการเทรดด้วยบัญชี Razor คุ้มค่ากว่าครับ

และค่าต้นทุนการเทรดอีกอย่าง จะมาจากการถือออเดอร์ข้ามวันหรือเรียกกันว่า SWAP Fee ก็จะเกิดขึ้นกับทุกบัญชีที่ไม่ใช่บัญชีประเภท SWAP-Free ซึ่ง * Pepperstone ไม่มีบัญชีนี้ สำหรับค่า SWAP Pepperstone มีค่ากลางๆไม่แพง-ไม่ถูก

การเทรดมีต้นทุนที่ผันผวนตามสเปรด บางช่วงเวลาสเปรดถ่างมาก บางช่วงเวลาสเปรดน้อย ซึ่งผมแนะนำให้ท่านเปิดออเดอร์ตอนที่คู่เงินที่ท่านจะเปิดเทรดนั้นเปิดทำการ เพราะท่านจะได้ค่าสเปรดที่น้อยมาก เช่น ถ้าเป็นคู่เงิน GBPUSD EURUSD USDCAD ควรเปิดเทรดช่วงตลาดยุโรป และตลาดอเมริกาเปิดทำการก่อนค่อยเปิดเทรด order

Platform การซื้อขายของโบรกเกอร์ Pepperstone มีทั้ง MT4, MT5, cTrader และ TradingView (ซึ่งจากที่เคยใช้ cTrader ถือว่าใช้ยาก ไม่ดีเท่า MT4, MT5)

Leverlage ของ Pepperstone

Pepperstone  นั้นให้ค่าเลเวอเรจสูงถึง 500:1 ที่ช่วยให้นักเทรดมีโอกาสในการเทรดเพื่อทำกำไรได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

Spread ของ Pepperstone

Spread บนแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 ของ Pepperstone นั้นผันแปรไปตามราคาที่มาจากผู้ให้บริการและแหล่งต่างๆ หลายแห่ง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับราคาที่ดีที่สุด ในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่อง Spread สามารถลงต่ำไปจนถึง 0 pip สำหรับคู่สกุลเงิน EURUSD ในบัญชี Razor ค่า Spread ต่ำสุดและเฉลี่ยตามตารางด้านล่าง:

Spread ของ Pepperstone forex

ข้อดีของโบรกเกอร์  Pepperstone

  1. เงื่อนไขการเทรดดีมากเพราะได้มีการอัพเดทแพลตฟอร์มให้กับลูกค้ารายย่อยเพื่อให้ได้เทรดแบบที่ขาใหญ่เทรด
  2. มีการบริหารและจัดการออเดอร์ที่เร็วมาก Server ดี เทรดลื่นไหล เร็วและไม่ค้าง
  3. มีต้นทุนเทรดต่ำสเปรดเริ่มที่ 0 pip แต่ภาพรวมไม่ได้ต่ำแบบสุดๆ แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
  4. ความน่าเชื่อถือมีสูงมากเพราะได้รับใบอนุญาตดำเนินการ ASIC จากประเทศออสเตรเลีย และ ใบอนุญาตดำเนินการ FCA จากประเทศอังกฤษ
  5. ให้บริการลูกค้าดี สมัยก่อนติดต่อยาก หาช่องทาง live support ไม่ค่อยเจอ ปัจจุบันพัฒนาให้ง่ายขึ้นแล้ว
  6. เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดทั่วโลก
  7. การฝากถอนง่ายสามารถฝากถอนผ่านธนาคารออนไลน์ในประเทศไทยได้เลย
หน้าเพจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเทรด เช่น ตราสารที่ให้บริการ บัญชีต่างๆ ค่าสเปรด ค่าสวอป และค่าคอมมิชชัน และอื่นๆของโบรกเกอร์ Pepperstone

ข้อเสียของโบรกเกอร์  Pepperstone

  1. การสมัครใช้บริการยุ่งยากมาก ต้องทำแบบทดสอบด้วย แถมทำไม่ผ่านต้องเว้นช่วงการสมัครใหม่อีกประมาณว่า กลับไปอ่านหนังสือมาก่อน ไป๊… แล้วค่อยมาเทรด… (แบบนี้ก็ได้หรือ?)
  2. เพิ่มบัญชีใหม่รอเป็นวัน ทั้งที่ควรจะได้ทันที
  3. ไม่รับเทรดเดอร์ที่เป็นชาวอเมริกา(น่าจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องภาษีสำหรับชาวอเมริกา)
  4. แม้เงื่อนไขการเทรดจะดี แต่ทุนฝากขั้นต่ำสำหรับเริ่มต้นเทรดมากไปคือเริ่มต้นที่ 200 ดอลลาร์ ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์เริ่มต้น (ด้วยทุนขั้นต่ำขนาดนี้ผมคิดว่าเหมาะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพมากกว่า)
  5. เอกสารหรืองานด้านวิจัยด้านการเทรดสำหรับเทรดเดอร์ยังมีจำกัด
  6. สื่อหรือเอกสารให้ความรู้สำหรับเทรดเดอร์ยังมีไม่มาก มีให้แค่พื้นๆซึ่งบางโบรกมีแบบจัดเต็ม ที่พูดเรื่องนี้เพราะโบรกนี้ชอบออกข้อสอบก่อนสมัครเทรด แต่ดันไม่มีสื่อการสอน Forex ที่เต็มรูปแบบซะงั้น
  7. Share CDF เทรดได้แต่เฉพาะบัญชีที่เปิดเทรดด้วยแพลตฟอร์ม Metatrader 5
  8. จำกัดผลิตภัณฑ์ในการเทรดสำหรับลูกค้าคนไทยโดยมีให้เทรดแค่ Forex และ Mentals เท่านั้นในตอนนี้ สำหรับแพลตฟอร์ม Metatrader 4 และ cTrader (ซึ่งก่อนนี้เทรดได้ทุกผลิตภัณฑ์)
โบรกเกอร์ Pepperstone การซื้อขายหุ้น CFD จะจำกัดได้ให้ทำได้เฉพาะใน MT5 เท่านั้น

การฝาก ถอนเงิน ของ  Pepperstone

รองรับการฝากเงินหลายช่องทางครับ ตั้งแต่ Visa ,  Mastercard , PayPal , Neteller , Skrill , การโอนเงินผ่านธนาคารไทย และอื่น ๆ อีก  รายละเอียดของแต่ละช่องทางนั้นมีความแตกต่างบ้างการฝาก ถอนเงิน ของ  Pepperstone forex

  • PayPal –หากฝากมาเท่าไหร่จะต้องถอนออกเท่าจำนวนที่ฝากมาให้ครบก่อน(ไม่มี ค่าธรรมเนียม)   ถึงจะสามารถถอนส่วนต่างออกทางช่องทางอื่นได้ ระยะเวลาในการฝากเข้า เงินจะเข้าทันที กรณีถอนเงิน โดยประมาณ 1- 3 วันทำการ
  • Neteller –การฝากเงินเข้าทันที (ไม่มีค่าธรรมเนียม) การถอนออกจาก Pepperstone นั้น ค่าธรรมเนียมครั้งละ 1$ / ครั้ง ระยะเวลา 1 – 2 วัน
  • Skrill –การฝากเงินเข้าทันที (ไม่มีค่าธรรมเนียม) การถอนออกจาก Pepperstone ค่าธรรมเนียมครั้งละ 1 $/ครั้งระยะเวลา 1 – 2 วัน
  • Bankwire –การถอน ค่าธรรมเนียมครั้งละ ขั้นต่ำ $20 แนะนำให้ถอนออกจากพอร์ตที่มีสกุลเงินหลักเป็นAUD
  • ฝากถอนผ่าน Local Bank transfer –ซึ่งเป็นช่องทางการฝากและถอนเงินที่ง่าย สะดวก และรวดเร็วที่สุดผ่านทาง SCB Easynet ซึ่งฝากเงินเข้าทันที

ถอนเงินได้ภายใน 2-3 วัน เงินทุนและกำไรถอนได้พร้อมกันไม่มีจำนวนเงินจำกัดทุกสกุล  เงินไม่มีติดเงื่อนไขการฝากถอนเหมือนช่องทางอื่น การฝากมีค่าธรรมเนียมเริ่มตันเพียง 10 บาท และค่าธรรมเนียมการถอนเริ่มต้นเพียง 15 บาทต่อครั้ง

ต้องฝากเงินเข้าบัญชีขั้นต่ำเป็นจำนวน 200 USD ในครั้งแรก จากนั้นก็สามารถฝากครั้งละ 10 USD เป็นจำนวนขั้นต่ำได้

โดยรวมแล้ว  Pepperstone  จัดเป็นโบรกที่มีความมั่นคง เขื่อถือได้ครับ ..  ระดับ ห้าดาวเลย ..

โบนัสของ Pepperstone

ไม่มีครับ !! เนื่องจาก Pepperstone เป็นโบรกหนึ่งที่เป็น STP / NDD คือส่งคำสั่งโดยตรงสู่ตลาด และเน้นคุณภาพของ server เป็นหลัก แปลว่า โบรกเกอร์ทุ่มงบกับเรื่องการความเสถียรของการเทรดมากกว่า จึงไม่ได้เน้นเรื่องการทำการตลาดผ่านการแจกโบนัส เพราะเอาเข้าจริงๆโบรกที่เน้นเรื่องโบนัส คุณภาพของ server มักอ่อน ทำให้เกิดการลากไส้เทียน กราฟค้างบ้าง ไม่ก็ชอบถ่าง spread ลองสังเกตดูได้ครับ

บทสรุป รีวิว Pepperstone

โบรกเกอร์ Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีชื่อเสียงมานานและติดอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรเลีย มีการขยายฐานลูกค้าเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ยุคแรกๆ ถือได้ว่าเป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในประเทศไทยด้วย การฝากถอนเงินทำได้ง่ายสามารถฝากถอนผ่านธนาคารออนไลน์ในประเทศไทยได้เลย

สินค้าและเงื่อนไขการเทรดถือว่ามีมากพอ เสียแต่จำกัดผลิตภัณฑ์ในการเทรดสำหรับลูกค้าคนไทย โดยมีให้เทรดแค่ Forex และ Mentals เท่านั้นในตอนนี้ (สำหรับแพลตฟอร์ม Metatrader 4 และ cTrader) มีต้นทุนการเทรด (Spread commission swap) ที่ถือได้ว่าต่ำ

สิ่งที่ระบุไว้ในเว็บหน้าแรกของโบรกเกอร์ Pepperstone

ความเร็วในการบริหารจัดการการเทรดอยู่ในระดับที่สูงมากเพราะ Peperstone ได้มีการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการเทรดมาก เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมในการเทรดให้อยู่ในระดับมืออาชีพ ทั้งเทรดเดอร์รายย่อยและเทรดเดอร์รายใหญ่ ให้ได้เทรดจากสภาพแวดล้อมเดียวกัน

มีแพลตฟอร์มสำหรับเทรด Metatrader 4/5, cTrader และ TradingView ทั้งเวอร์ชั่นคอมตั้งโต๊ะ เวอร์ชั่นสำหรับมือถือ และเวอร์ชั่นสำหรับเทรดหน้าเว็บ แต่ก็ยังมีข้อเสียคือทุนขั้นต่ำสำหรับเริ่มต้นเทรด 200 ดอลลาร์ซึ่งถือว่ามากเกินไปสำหรับเทรดเดอร์ที่เป็นมือใหม่ๆ หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการทดลองใช้โบรกเกอร์ Pepperstone ก่อนจะตัดสินใจเพิ่มเงินลงทุน

* บัญชีที่แนะนำคือบัญชี Razor ซึ่งค่าบริการเฉลี่ยรวมถูกกว่าบัญชี Standard โดยที่ความเร็วในการเปิด-ปิด และการตั้งค่า order พอๆกัน ในระยะยาวการเทรดด้วยบัญชี Razor จึงคุ้มค่ากว่า

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments