Forexthai.in.th ย่อให้

  • GBP/USD เป็นคู่สกุลเงินยอดนิยมในตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงและมีความผันผวนมาก
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเทรด GBP/USD คือช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน จะมีปริมาณการซื้อขายสูง
  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อ GBP/USD ได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ, สถานการณ์ทางการเมือง และนโยบายการเงินของอังกฤษและสหรัฐฯ
  • ควรระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยง เนื่องจาก GBP/USD มีความผันผวนสูง และอาจมีการเคลื่อนไหวรุนแรงในช่วงประกาศข่าวสำคัญ

เรื่องน่ารู้ของ GBP/USD

คู่เงิน GBP/USD (GU) เป็นคู่เงินหลักอีกตัว ที่เทรดเดอร์ให้ความสนใจกันมาก สาเหตุหลัก ๆ มาจาก

    • เรื่องของ Volatility (ความผันผวน) ที่เกิดในแต่ละวัน
    • spread น้อยตอนตลาดเปิด
    • ปริมาณการซื้อขายในแต่ละวัน ค่อนข้างเยอะ

แม้ว่าตลาดจะเปิดให้เทรด 5 วัน 24 ชั่วโมง แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกชั่วโมงน่าเทรด เพราะการเปิดเทรดในแต่ละช่วงเวลา ก็จะมีความผันผวนต่างกันออกไป

ก่อนที่จะเทรดจำเป็นต้องรู้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับค่าเงินนั้น ๆ และสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งคู่ GBP/USD เกี่ยวข้องกับค่าเงินอังกฤษ GBP (ปอนด์) และ USD (ดอลลาร์) ของอเมริกา ที่ถือว่าเป็นค่าเงินหลักๆ ของตลาดการเงินโลก ดังนั้นควรรู้ว่า “อะไรก็ตามที่กระทบต่อค่าเงินทั้งสอง” ก็จะ “กระทบต่อคู่เงิน GBP/USD ด้วย”

GBP/USD กับช่วงตลาดเปิด

สิ่งแรกที่จำเป็นต้องรู้ ก่อนเทรดคู่เงินไหนๆก็ตามคือ “ช่วงตลาดที่ค่าเงินนั้นเปิด” การเทรดจำเป็นต้องรู้เรื่อง Volatility (ความผันผวน) และต้องรู้ว่าตลาดที่เกี่ยวกับค่าเงินที่เทรดอยู่ช่วงไหน อย่างคู่เงิน GU(GBPUSD) GBP เป็นค่าเงินจากตลาดยุโรป ก็ไปดูว่าตลาดยุโรปเปิดและปิดตอนไหน และ USD ก็ดูว่าตลาด New York เปิดและปิดตอนไหน  

อย่างภาพด้านล่าง ช่วงตลาดในรูปจะเป็นข้อมูลจาก forexfactory ที่มีกำหนดเวลาเป็นเวลาไทย

  • London หรือช่วงตลาดยุโรป เริ่มที่เวลา 14.00-23.00
  • ตลาดอเมริกา หรือ NY เริ่มที่เวลา 19.00-04.00 ของอีกวัน
  • และช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน หรือที่ตลาดทั้งสองเปิดอยู่คือช่วง 19.00-23.00

ดูจากชาร์ตเปล่าที่แสดงพร้อมกับใส่ market sessions เข้าไปตรงกับเวลาที่กำหนดใน forexfactory จะเห็นว่า เมื่อราคาวิ่งตอนไหน จะมีแท่งเทียนยาว ๆ เกิดขึ้น

GBPUSD กับช่วงตลาด FOREX
ช่วงเวลาคาบเกี่ยว ตลาด Sydney, Tokyo, London, และ New York จะสังเกตว่าช่วงเวลาดังกล่าวกราฟจะมี Volume การเทรดมาก มีการสวิงตัวของกราฟ (Volatility) สูง

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเทรด GBP/USD

เมื่อเข้าใจช่วงตลาดเปิดที่เกี่ยวกับคู่เงินที่เทรด ในที่นี้คือ GU เกี่ยวกับทั้งสองตลาดหลัก ๆ ของการเงินโลก คือ

  1. ค่าเงินอังกฤษ GBP อยู่ในช่วงตลาดยุโรป (14.00-23.00 เวลาประเทศไทย)
  2. ตลาดอเมริกา 19.00-04.00

เมื่อคุณเทรดเป็นประจำ สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของราคา นั่นคือผลของความผันผวนที่เกิดขึ้นตอนที่ช่วงตลาดเปิด

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเทรด GBPUSD
ช่วงเวลาคาบเกี่ยว ตลาด Tokyo, London, และ New York จะเห็นได้ถึง Volatility (ความผันผวน) และ Volume ในการเทรดที่สูง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่น

สิ่งที่ชาร์ตบอกคือ “เรื่องความผันผวนที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเปิดตลาดเทียบกับช่วงที่ตลาดปิด” นั่นคือช่วง Tokyo (07.00-14.00) แต่พอตลาดยุโรปเปิด จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นชัดเจน เพราะมีความผันผวนของราคาที่มาจากตลาดยุโรปมากกว่า

เทรดเดอร์บางคน เทรดเพราะความต่างของช่วงเวลาที่เปิดตลาด เรียกว่า “London Breakout”  เพราะช่วงที่ตลาดอเมริกาเปิด จะมีความผันผวนของราคามากขึ้น ก็เลยกลายเป็นว่า “ช่วงที่ตลาดทั้ง London และ New York เปิด” หรือ “ช่วงเวลาทับซ้อนกัน” เป็นช่วงเวลาที่น่าเทรดที่สุด

เคล็ดลับการเทรด GBP/USD เครดิต By CAT Invest Focus นาทีที่ 1:52-7:02

สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อคู่เงิน GBP/USD

นอกจากเรื่องช่วงเวลาของตลาดที่ต้องดูเป็นตัวแรก สำหรับค่าเงิน GU แล้ว ยังต้องดูด้วยว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ราคาขึ้น หรือลงแรง ๆ ซึ่งหลัก ๆ ก็เหมือนการเทรดค่าเงินทั่ว ๆ ไป เช่น

  • เรื่องของข้อมูลเศรษฐกิจ
  • ข่าวการเมือง
  • เหตุการณ์สำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินนั้น (GU เกี่ยวข้องกับค่าเงินอังกฤษ (GBP) และค่าเงินดอลลาร์ (USD) ของสหรัฐฯ ก็จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากข้อมูลที่มาจาก 2 ค่าเงินนี้เป็นหลัก)

การดูข่าวพวกนี้ เราสามารถดูได้จากเว็บ forexfactory ที่มีรายการข่าวแต่ละวันที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินนั้นโดยตรง และยังให้ข้อมูลเรื่องของผลกระทบที่มีต่อค่าเงินนั้น ๆ ในการเทรดด้วย หรือคุณอาจจะหาแหล่งที่มีการวิเคราะห์ประกอบข่าว เช่นจาก investing.com หรือ forexlive.com หรือเว็บอื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีเยอะมาก

การเทรด GBP/USD ในช่วงข่าว

เพราะตลาด Forex นั้นเป็นตลาดใหญ่ โบรกเกอร์ต้องการให้เกิดการเทรดเพื่อจะได้รายได้จาก trading transactions ทั้งข่าวและข้อมูลพื้นฐานส่งผลต่อคู่เงิน เช่น อาจจะส่งผลระยะสั้น หรือ ช่วงมีการประกาศมักจะเกิด High Volatility (ความผันผวนสูง) นอกจากนี้ยังส่งผลให้เทรดเดอร์มีกลยุทธ์การเทรด ที่แตกต่างกันออกไป เช่น

  • การเทรดข่าวเก็บสั้น (scalping) เพราะช่วงข่าวจะมีความผันผวนสูง) ทำให้การเทรดจะเป็นแบบ เน้นเข้าเร็วออกเร็ว หรือ เทรดจากการอ่านข้อมูล
  • การเทรดระยะยาว (Long Term Trading) คือถือ Oder เป็นระยะเวลานาน เป็นวัน เป็นอาทิตย์ หรือเป็นเดือน จากการดูข้อมูลตัวเลขพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับคู่เงินนั้น
สิ่งส่งผลกระทบต่อ GBPUSD
ตารางข่าวจากเว็บ Forexfactory ส่วนที่วงไว้คือ ข่าวของ GBP และ USD ซึ่งมีผลต่อกราฟคู่เงิน GBPUSD (ปกติเราก็โฟกัสเฉพาะข่าวกล่องแดงและกล่องส้ม)

อัตราดอกเบี้ย ส่งผลกระทบต่อคู่เงิน GBP/USD อย่างไร ?

อัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อค่าเงินและคู่สกุลเงินในตลาด Forex โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่ GBP/USD ที่เป็นหนึ่งในคู่สกุลเงินหลักที่ถูกซื้อขายเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยจะมีรายละเอียดดังนี้

1. ความหมายและบทบาทของอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยหลักที่ธนาคารกลางใช้เพื่อควบคุมเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลกระทบต่อการลงทุน, การบริโภค และเงินเฟ้อ ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อค่าเงินทั้งสิ้น

2. ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยต่อ GBP/USD:

  • เมื่อธนาคารกลางเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินมักจะแข็งค่า เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินนั้นเพิ่มขึ้น
  • ในทางตรงกันข้าม เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ค่าเงินมักจะอ่อนค่าลง

3. ธนาคารกลางและนโยบายการเงิน: การประกาศตัวเลขต่างๆของธนาคารกลางสหราชอาณาจักร (Bank of England) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) มีอิทธิพลอย่างมากต่อ GBP/USD การประกาศนโยบายการเงินหรือการเพิ่มลดของอัตราดอกเบี้ย สามารถ “สร้างความเคลื่อนไหวของราคาในตลาดได้”

4. กระแสเงินทุนจะไหลเข้าสู่ผลตอบแทนที่มากกว่า: 

  • เมื่อธนาคารประกาศขึ้นดอกเบี้ยของเงินปอนด์ GBP และธนาคารกลางของสหรัฐฯ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้กราฟคู่เงิน GBP/USD พุ่งขึ้น
  • ในทางกลับกัน กราฟราคาจะวิ่งลง เมื่อดอกเบี้ยของ USD มากกว่า GBP
ผลของอัตราดอกเบี้ย GBP และ USD
การแข็งค่าของสกุลเงิน ส่งผลต่อการวิ่งของราคาด้วยหลักที่ว่า “กระแสเงินทุนจะไหลเข้าสู่ผลตอบแทนที่มากกว่า” โดยลักษณะของกราฟ GBP/USD เมื่อ GBP แข็งค่า กราฟจะวิ่งขึ้น; เมื่อ USD แข็งค่า กราฟจะวิ่งลง

กลยุทธ์การเทรดคู่เงิน GBP/USD

กลยุทธ์การเทรด London Breakout

กลยุทธ์การเทรดก็จะต่างกันออกไป เมื่อเข้าใจช่วงตลาดเปิดและช่วงไหนที่มีความผันผวนมากสุด อย่างกลยุทธ์แรกที่ถือว่านิยมกันคือ “London Breakout”

  • การเน้นเทรดตอนตลาด London เปิด 1-3 ชั่วโมงแรก
  • เปรียบเทียบกับช่วงตลาดก่อน London เปิด กับช่วงที่ตลาดเปิดแล้ว
  • ถ้าราคาเบรคไปทางไหน ก็จะเน้นเทรดทางนั้น เพราะถือว่า “พลังของแนวโน้มโดยรวมจะยังคงทิศทางนั้นอยู่”
  • เมื่อราคาเกิด breakout เป็นหลักของวันนั้นๆ เทรนด์ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลไปต่อถึงช่วงตลาดอเมริกาเปิดอีกด้วย เหตุผลหลักที่เทรดเดอร์นิยมเทรด London Breakout เป็นเพราะเรื่องของ volatility ที่เกิดพร้อมกับ price structure ในแต่ละวัน
กลยุทธ์การเทรด GBPUSD – London Breakout
การ Breakout ช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่าง Tokyo และ London ซ้าย: Breakout ขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เป็นเทรนขาขึ้นต่อไป, ขวา: Breakout ขาลง ซึ่งจะส่งผลให้เป็นเทรนขาลงต่อไป

การเทรด Demand/Supply ด้วยการหา Imbalance 

การเทรดแบบ demand/supply เป็นการเทรดด้วยการ “แกะรอยว่าขาใหญ่เปิดเทรดตรงไหน” โดยเฉพาะช่วงตลาดเปิด เพราะ GBPUSD มักจะวิ่งแรงตอนนั้นพอดี สิ่งหนึ่งที่จะเห็นประจำ คือ “imbalance” ที่เกิดขึ้นระหว่างการสู้กันระหว่างออเดอร์ sell และ buy ในช่วงที่ 2 

  • imbalance มักเกิดตอนตลาดสองแห่งเปิดพร้อมกัน เช่น ลอนดอนกับนิวยอร์ก
  • ส่วนมากจะเป็นการเข้าเทรดของขาใหญ่ เรียกว่า impulsive move (ราคามักจะวิ่งเร็วและแรงไปทางใดทางหนึ่ง ในช่วงเวลาอันสั้น)
  • จากนั้นราคาจะค่อยๆ ย้อนกลับมานิดหน่อย เรียกว่า Corrective move (ราคาค่อยๆเคลื่อนตัวไปหาราคาก่อนหน้า)
  • สุดท้ายราคามักจะวิ่งต่อไปทางเดียวกับที่เกิด Impulsive move และวิ่งไปไกลมากด้วย เพราะนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาเทรด

ดังนั้น Base ของ demand/supply ที่เกิดในช่วงนี้ และภายในไม่กี่วัน จะทำให้มีโอกาสในการเกิด Breakout สูง หรือถ้าราคาทะลุจุด Demand/Supply เก่าๆ ที่เกิดช่วงนี้ ก็มีผลเหมือนกัน เพราะเป็นจุดที่นักลงทุนรายใหญ่สนใจ

กลยุทธ์การเทรด GBPUSD – Demand/Supply ด้วยการหา Imbalance Forex
การ Breakout ของราคา (drop base drop และ rally base drop): จะเห็นว่าราคาจะย่อตัวหลัง Break out แล้วในช่วงที่ตลาดเปิดใหม่ๆ, จากนั้นราคามักจะไปต่อในทิศทางแนวโน้มเดิมที่เกิดการเบรกเอาท์ เช่น เบรกลง ก็จะย่อตัวขึ้นแล้วลงต่อ จนว่าจะถึงรอบต่อไปจึงอาจจะมีการเปลี่ยนเทรนด์หรือไปต่อก็ได้

จากภาพประกอบ จะเห็นว่า demand/supply หรือ swap level ที่เกิดขึ้นในช่วงตลาด Lodon และ New York โดยเฉพาะช่วงที่ 2 ที่ตลาดเปิดพร้อมกัน จะถือเป็นช่วงที่น่าเทรดที่สุดสำหรับคู่เงินนี้ เพราะมักเกิดจุด supply และ demand ที่สำคัญ และเมื่อราคากลับมาทดสอบจุดตรงนี้ในครั้งแรก จะถือเป็นจุดเข้าเทรดที่ดี

กลยุทธ์การเทรดด้วยการ Correlation

วิธีการเทรดด้วย Correlation (เทียบความสัมพันธ์ระหว่างกราฟที่เกี่ยวข้องกัน) ถือว่าเป็นการเทรดที่ง่าย เพราะ “เป็นการใช้ความสัมพันธ์ของค่าเงินที่เกิดขึ้นที่ชาร์ตอื่นมายืนยันกันเอง”

  • การ correlaction จะนิยมใช้ในคู่ GU กับ Dollar Index
  • เน้นการดู price structure ที่เป็น impulsive move (ราคาที่วิ่งเร็วและแรงไปทางใดทางหนึ่ง ในช่วงเวลาอันสั้น) เป็นหลัก เพราะบอกถึงการมีส่วนร่วมในการดันราคาไปทิศทางนั้นๆ ของรายใหญ่ โดยต้องเป็นลักษณะเดียวกันแต่ต่างทิศทางกัน
  • Impulsive move ที่เป็นการยืนยัน ต้องมีการเอาชนะพื้นที่ตรงข้าม เห็นบาร์ยาวๆ ราคาสามารถปิดทางที่เกิด Impulsive move ได้ ไม่มีหางบาร์หรือมีน้อย และมีบาร์ไปทางเดียวกัน ยิ่งไม่มีการย่อตัวทับพื้นที่เดียวกันยิ่งดี
กลยุทธ์การเทรด GBPUSD ด้วยการ Correlation forex
การเทรดด้วย Correlation เน้นดู price structure ที่เป็น impulsive move เป็นหลัก ซ้าย: GU มี Impulsive move เกิดแนวต้าน (Supply zone) ที่แข็งแกร่ง ยืนยัน Correlation ด้วย ขวา: Dollar Index มี Impulsive move เกิดแนวรับ (Demand zone) ที่แข็งแกร่ง ทั้งสองฝั่งนี้เป็นไปในรูปแบบเดียวกันแต่เคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามกัน 

จากภาพ จะเห็นว่า Dollar Index และ GU ต่างยืนยันกันและกัน บอกว่า demand ที่เกิดขึ้นที่ GU เป็นการเข้าเทรดจริง

วิธีการ correlation อีกแบบคือ ใช้คู่เงินที่มีค่าเงินเดียวกันมาประกอบเพื่อเป็นการยืนยันกันเอง อย่างกรณีของ GBP/USD ด้วยการดูกราฟของ

  • GBP/JPY
  • EUR/GBP
  • GBP/NZD
  • GBP/CHF
  • และ GBP/CAD

ประกอบกับ การดูที่ impulsive move ที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะเดียวกันหมด

* ก่อนที่ราคาจะย่อตัวลงมาจุดที่ตีเส้นแนวตั้ง แล้วเปิดเผยโอกาสการเทรดตามเทรนหรือตาม impulsive move ซึ่งการ correlation ในที่นี้เน้นไปที่การดูร่องรอยว่าเป็นการเข้าเทรดของขาใหญ่จริงหรือเปล่า ด้วยการใช้ชาร์ตเปรียบเทียบชาร์ตนั่นเอง

ทำให้การเทรดง่ายขึ้นด้วย Trading Sessions indicator

หากเพื่อน ๆ ต้องการเทรดด้วยเทคนิค Break out โดยอ้างอิงเวลาจาก London session ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เราไปโหลด Indicator มาแล้วใช้งานมัน (คลิ๊กเพื่อโหลดฟรี) ซึ่งหลักการของ Indicator ตัวนี้เป็น “การตีเส้นเวลา Time Zone ต่าง ๆ” เช่น Tokyo session, London session, New York session เป็นต้น

วิธีการเทรดไม่ยากครับ เพียงทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. ตีแนวรับ แนวต้าน โดยอิงราคาสูงสุด และ ต่ำสุด ในช่วง Time Zone ของ Tokyo session
  2. ตั้ง Pending Buy stop และ Sell stop เอาไว้ที่แนวรับ แนวต้าน โดยตั้ง Take profit สั้น ๆ และตั้ง Stop loss เอาไว้ต่ำกว่าแนวรับสำหรับไม้ buy ครับ
ตัวอย่างการเข้าซื้อขายด้วยเทคนิค Break out
ตัวอย่างการเข้าซื้อขายด้วยเทคนิค Break out ด้วย Trading Sessions indicator

สรุป

การเทรดคู่เงิน GBP/USD นั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง เช่น การดูข่าว การดูอัตราดอกเบี้ย แผนการเทรดนั้นมีความสำคัญมาก หากเราจะเทรดให้อยู่รอดในตลาดได้ ขั้นแรก “เราต้องรักษากำไรไว้ก่อน เมื่อเรารักษากำไรไว้ได้ระยะหนึ่งแล้ว ค่อยหาวิธีการทำกำไร”

เทรดเดอร์ต้องคำนึงถึงการจัดการเงินทุน และแผนการเข้า-ออก ออเดอร์เป็นหลัก การเทรดต้องดูโครงสร้างของราคาเป็นหลักด้วย เพื่อที่จะหาจุดเข้า และจุดออกได้อย่างแม่นยำ อินดิเคเตอร์เป็นเพียงผู้ช่วย ทำให้เราเทรดได้ดียิ่งขึ้น หากเราทำตามระบบ มีวินัย ในการเทรด ไม่โอเวอร์เทรดจนเกินไป เราจะเป็นผู้ชนะในที่สุด 

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments