โปรแกรม เทรด Forex เป็นเครื่องมือที่เทรดเดอร์ จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อไว้ใช้เทรด เสมือนอาวุธประจำกายเวลาก็ว่าได้ เมื่อเราเปิดบัญชีเทรด ก็จะต้องมีโปรแกรมเพื่อใช้เทรด ที่จะเชื่อมเข้ากับเซิฟเวอร์ของโบรกเกอร์ ในการออกคำสั่งเปิดหรือปิดออเดอร์ การเลือกใช้ให้เหมาะสม นับเป็นเรื่องที่สำคัญ

โปรแกรม เทรด Forex มีแบบไหนบ้าง
ปัจจุบันโปรแกรมที่ใช้เทรด Forex มีให้เลือกมากมาย แต่สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ 2 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ
ประเภทแรก นั่นก็คือ เป็นโปรแกรมที่ออกมาให้ใช้บริการแพลตฟอร์ม เช่น Meta Trader 4 (MT4) Meta Trader 5 (MT5) cTrader WebTrader TradingView ซึ่งเป็นโปรแกรมหรือเว็บเทรด ที่สามารถเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์ที่รองรับ เป็นเสมือนโปรแกรมกลาง ๆ ที่มีให้เลือกใช้ได้ในหลาย ๆ โบรกเกอร์
ประเภทสอง เป็นโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่น ของทางโบรกเกอร์ที่พัฒนาขึ้น เพื่อรองรับการเทรดและการจัดการบัญชีของเทรดเดอร์เอง ในปัจจุบันมีหลาย ๆ โบรกเกอร์ ที่มีโปรแกรมเทรดเป็นของตัวเอง เทรดเดอร์สามารถเลือกเทรดผ่านแพลตฟอร์มของทางโบรกเกอร์ได้โดยตรง ง่ายและสะดวกไม่แพ้กัน
แน่นอนว่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หรือข้อควรระวังที่แตกต่างกันออกไป เพราะไม่ใช่ทุก ๆ โบรกเกอร์จะรองรับทุกโปรแกรมเทรด หรือทุก ๆ โบรกเกอร์จะมีแอปพลิเคชั่นหรือโปรแกรมเทรดเป็นของตัวเอง
รถยนต์ขับไปได้อย่างอิสระ รถรางจะต้องไปตามทางที่กำหนด คุณเลือกเอง
โปรแกรมเทรด Forex ของโบรกเกอร์มีข้อดีหรือข้อสังเกตุ อย่างไร

1. กราฟที่ใช้เทรด
แม้โปรแกรมเดียวกัน ต่างกันที่โบรกเกอร์ กราฟยังมีโอกาสที่จะไม่เหมือนกัน ด้วยปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น เวลาของโบรกเกอร์ ที่ปิดเปิดจบแท่งวันที่แตกต่างกัน จึงอาจจะส่งผลให้การวิเคราะห์มีมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ถ้าเป็นโปรแกรมที่ของทางโบรกเกอร์ นั่นอาจจะมาจากมุมมองของเทรดเดอร์ที่ใช้บริการในโบรกเกอร์เดียวกันเป็นหลัก
2. ความเสถียร์ในการเทรด
ไม่ว่าจะโบรกเกอร์ใด ก็จะมีคำชักชวนด้วยคำว่า การเทรดด้วยระบบที่มีความเสถียร์ แต่ในความเป็นจริง นั่นคือสิ่งที่เทรดเดอร์จะต้องทดลอง หรือพิสูจน์ด้วยตนเอง เพราะอาจจะมีบางอย่างที่เทรดเดอร์รู้สึกว่าสามารถใช้ได้ และอาจจะมีบางอย่างที่เกิดข้อผิดพลาดและไม่สามารถรับได้เช่นกัน
3. ความเป็นมืออาชีพ
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ ล้วนต้องการความเป็นมืออาชีพ รวมถึงโปรแกรมเทรดด้วยเช่นกัน เพราะถ้าใช้โปรแกรมที่มีผู้คนใช้กันเยอะ ย่อมมีความไว้วางใจในระดับหนึ่ง อีกทั้งถ้าเป็นโปรแกรมกลางที่รองรับในทุก ๆ โบรกเกอร์ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีความต้องการที่จะเปลี่อนผู้ให้บริการ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นเรียนรู้การใช้เครื่องมือใหม่ทั้งหมด
4. รองรับเงื่อนไขในการเทรดที่แตกต่าง
ในข้อมูลทางเทคนิค ข้อดีข้อเสีย เทรดเดอร์ทั่ว ๆ ไปอย่างเราอาจจะไม่สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน เพราะนั่นคือสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง เช่น เทรดข่าวส่งคำสั่งช้า ก็อาจจะมาด้วยหลาย ๆ สาเหตุ หรือเปิดได้กำไร แต่ปิดทำกำไรไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น หรือการแต่งกราฟ ก็เกิดขึ้นได้ในหลาย ๆ โบรกที่ไม่มีมาตรฐาน หรือการใช้ EA หรือติดตั้งโปรแกรมช่วยเทรดเพิ่มเติม ก็มีส่วนทำให้มีผลต่อการตัดสินใจหรือเลือกใช้ทั้งสิ้น
5. การใช้งาน

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไม้เครื่องมือ หน้าตา ความเรียบง่ายต่อการใช้งาน ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้าโปรแกรมเทรดใดเครื่องมือไม่ครบ หรือใช้งานยาก อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการเทรด หรือการใช้งานจริง และโปรแกรมเทรดใดใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก เครื่องมือครบ ก็นับว่าได้เปรียบเมื่อใช้งานจริง
6. การผูกขาด
แรกเริ่มโบรกเกอร์อาจจะมีการเชิญชวนให้ใช้แพลตฟอร์มของตน ด้วยโบนัส การฝากถอนที่รวดเร็ว หรือใด ๆ ก็ตาม เพื่อดึงดูดให้เทรดเดอร์อยู่กับโบรกเกอร์ไปนาน ๆ หลาย ๆ เหตุผลเป็นเรื่องที่ดี แต่การผูกขาดความไว้ใจไว้กับเพียงโบรกเกอร์เดียว อาจจะทำให้ลืมไปก็ได้ว่า ไข่ควรอยู่หลายตะกร้า ถ้าไม่มองหาโบรกเกอร์อื่นไว้สำรองบ้างเลย อาจจะเกิดความเสียหายในอนาคตก็เป็นได้
ยิ่งใช้งานง่าย ยิ่งช่วยลดพลังงานในการคิด
แพลตฟอร์มที่นิยมใช้ในการเทรด Forex
การเทรด Forex มีหลายแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยม โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่เหมาะกับรูปแบบการเทรดและความต้องการของนักเทรดแต่ละบุคคล ตย.แพลตฟอร์มเทรด Forex ที่ได้รับความนิยมสูง คือ
- MetaTrader 4 (MT4): แพลตฟอร์มการเทรดที่ “เป็นยอดนิยม” และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและทางพื้นฐาน รองรับการสั่งซื้อขายอัตโนมัติ (Expert Advisor) อีกด้วย
- MetaTrader 5 (MT5): เป็นรุ่นต่อยอดของ MT4 มีความสามารถในการวิเคราะห์และเครื่องมือที่ทันสมัยขึ้น รองรับการสั่งซื้อขายหลากหลายชนิดของสินค้า ที่สำคัญ มันสามารถทำ Backtesting ด้วยข้อมูล Tick data 100% ได้อีกด้วย ใครยังไม่ “ติด” การใช้ MT4 แนะนำให้ใช้ MT5 ครับ
- cTrader: แพลตฟอร์มการเทรดที่มีความเร็วและประสิทธิภาพสูง รองรับการสั่งซื้อขายโดยตรงกับ “ผู้ให้บริการสภาพคล่อง” (Liquidity Provider , LP) ส่วนมากโบรกเกอร์จะเชิญชวนให้ใช้โดยลดค่า spread บางคู่เงินให้ถูกกว่า MT4-5
- NinjaTrader: แพลตฟอร์มที่มีความสามารถในการปรับแต่ง มีเครื่องมือในการวิเคราะห์และรองรับการสั่งซื้อขายอัตโนมัติ (มีข่าวลือว่ามันเจ๋ง และมี indicator ที่เสถียรกว่า MT4 เป็นไหนๆ)
- TradingView: เว็บไซต์ที่นำเสนอเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและความคิดเห็นจากนักเทรดทั่วโลก มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับบางแพลตฟอร์ม ความโดดเด่นคือ “กราฟสวย ดูง่าย ตกแต่งได้หลากหลาย”
MT4 เพลตฟอร์มเทรดยอดนิยม

MT4 (MetaTrader 4) เป็นโปรแกรมเทรดเป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ Forex มาอย่างยาวนาน แม้ปัจจุบันจะมีการพัฒนามาถึงเวอร์ชั่น MT5 แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่ MT4 ได้ เพราะการใช้งานยังคงความเสถียร์ สามารถใช้งานร่วมกับ EA (Expert Advisors) ได้เป็นอย่างดี เปิดกว้างให้กับนักพัฒนาได้สร้างสรรคโปรแกรมช่วยเทรดอัตโนมัติ
รองรับในทุก ๆ อุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุค มือถือ แท็บเล็ต และยังรองรับในทุก ๆ โบรกเกอร์อีกด้วย แม้โบรกเกอร์ต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ จะสนับสนุนให้ใช้แอปพลิเคชั่น หรือโปรแกรมเทรดของโบรกเกอร์เอง แต่ก็จะยังต้องมีโปรแกรมนี้ไว้ให้บริการ
เพราะเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ เลือกใช้โปรแกรมนี้ก็ว่าได้ ยังไม่มีโปรแกรมใดที่จะเข้ามาแทนที่ได้ในตอนนี้ แม้หน้าตาอาจจะใช้งานยากไปสักหน่อย แต่ก็มีสื่อการเรียนรู้มากมาย มือใหม่ก็สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากจนเกินไป นับว่าเป็นโปรแกรมสามัญประจำเทรดเดอร์ก็ว่าได้
มือใหม่ ควรเดินตามร่องรอย คนที่สำเร็จ
สรุป
โปรแกรม เทรด Forex อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ทุกอย่าง เรียนรู้ทุกอัน เพียงอันใดอันหนึ่งที่เป็นสากล ผู้คนใช้เยอะก็เพียงพอแล้ว เพราะนั่นจะสามารถเป็นโปรแกรมที่ไว้ใจได้ และอยู่คู่กับเทรดเดอร์ไปอีกนานเท่านั้น แม้เปลี่ยนโบรกเกอร์ ก็สามารถใช้งานได้ ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ให้เปลืองพลังงาน
เลือกโปรแกรมที่ใช่ แล้วไปให้สุด ใช้มันให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด…
โปรแกรมเทรด เสมือนรถ เลือกรถที่ใช่ ก็ถึงปลายทางได้เช่นกัน