Forexthai.in.th ย่อให้

  • Forex vs Futures: ทั้งคู่คือตลาดซื้อขายล่วงหน้า แต่ Forex เน้นอัตราแลกเปลี่ยน ส่วน Futures เน้นสัญญาซื้อขายสินค้า
  • ข้อได้เปรียบของ Forex: มีสภาพคล่องสูงกว่า, เทรดได้ 24 ชม., ค่าธรรมเนียมต่ำ, ได้ราคาที่แน่นอน และจำกัดความเสี่ยงอัตโนมัติ
  • Futures มีข้อจำกัดด้านเวลาเปิด-ปิด, ค่าธรรมเนียมสูงกว่า และความเสี่ยงจากการติดลบ
  • กลยุทธ์การเทรด: ใช้เทคนิคคล้าย ๆ กันในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค การเทรดตามเทรนด์
  • ความเสี่ยง: ทั้งสองตลาดมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เลือกตลาดให้เหมาะกับตัวคุณ ต้องศึกษาให้ดีและมีแผนบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม

ตลาด Forex กับตลาด Futures

ในการเทรดออนไลน์ ตลาด Forex และตลาด Futures ต่างก็เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน แต่หลายคนอาจจะงงว่ามันต่างกันยังไง แล้วทำไมตลาด Forex ถึงดูเป็นที่นิยมมากกว่า ในบทความนี้ ผมจะพามาหาคำตอบครับ

ตลาด Forex VS Futures ความเหมือนที่แตกต่าง

ตลาด Forex คือ ตลาดที่ทำการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่ราคาจะแปรผันตามความต้องการซื้อขายของแต่ละสกุลเงิน ในขณะที่ตลาด Futures จะเป็นการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยตกลงราคาและปริมาณกันไว้ก่อน แล้วค่อยส่งมอบกันในอนาคต โดยสินค้าหลักของ Future ได้แก่ ตราสารหุ้น ตราสารหนี้ ดัชนีอื่น ๆ เป็นต้น

แม้ว่าทั้งสองตลาดจะเป็นแหล่งซื้อขายทำเงินเหมือนกัน แต่ Forex มีข้อได้เปรียบที่ทำให้คนเลือกที่จะเทรดมากกว่าอยู่ครับ เมื่อเปรียบกับตลาด Futures มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

จุดเด่นของตลาด Forex เมื่อเทียบกับตลาด Futures

forex and futures

1. สภาพคล่องสูง

ในตลาด Forex นั้นมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ… ย้ำนะครับว่า “หมื่นล้าน” ซึ่งเป็นตลาดการซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งด้วยขนาดที่ใหญ่นี้สามารถรับรองปริมาณการซื้อขายอย่างมหาศาล รับรองว่าไม่มีวันขาดสภาพคล่องแน่นอน ต่างจากตลาด Futures ที่มีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่เพียง 30 เพียงพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวันเท่านั้น ซึ่งคนละเรื่องกับตลาด Forex เลย

ซึ่งการที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง มันจะทำให้คุณซื้อ-ขายได้ง่าย กดราคาไหนก็ได้ราคานั้น และมันยังช่วยลดโอกาสที่ราคาจะถูกปั่นด้วยครับ

2. เปิด 24 ชั่วโมง

Forex เปิดทำการตั้งแต่เช้าวันจันทร์ เวลาประมาณตี 3 ตามเวลาบ้านเรา เป็นช่วงที่ตลาดออสเตรเลียเปิดทำการ และไปปิดที่ราวตี 3 ของคืนวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดสหรัฐปิดทำการ และในระหว่างนั้นตลาด Forex เปิดทำการตลอด คุณจะเทรดตอนไหนก็ได้ตามสะดวก ซึ่งต่างตลาด Futures ที่มีเวลาเปิด-ปิดเป็นช่วงๆ

3. ค่าธรรมเนียมต่ำกว่าเยอะ

ในตลาด Forex ส่วนใหญ่เราจะต้องจ่ายแค่ส่วนต่างของราคา (spread) ซึ่งมักจะต่ำกว่า 0.1% ต่อการเทรดอยู่แล้ว ส่วน Futures อาจมีค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่สูงกว่า ถ้าเทียบกันแล้ว ค่าธรรมเนียมการซื้อขายใน Forex ถูกกว่า Futures แบบเห็นได้ชัดครับ ช่วยประหยัดต้นทุนการเทรดได้เยอะ และคนที่มึทุนน้อยก็เข้าถึงได้ง่ายกว่า

4. ราคาแน่นอน

ในตลาด Forex สามารถ Match order ราคาตรงตามที่เห็นทันที ไม่เหมือนกับตลาด Futures และตลาดหุ้น ที่บางทีราคาอาจจะวิ่งไปอีกระดับ ถ้าหาก Order ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเยอะเกินไป เป็นข้อดีมากครับ เพราะเราสามารถวางแผนการเทรดได้แม่นยำกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง

5. จำกัดความเสี่ยงให้อัตโนมัติ

โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่จะตั้งค่าจำกัดความเสี่ยงให้คุณเลย ถ้าเงินในพอร์ตไม่พอ ระบบจะปิดออเดอร์ให้ทันที และจะไม่เกิดการติดลบ ต่างจาก Futures ที่จะให้คุณเติมเงินเข้าพอร์ตเพิ่มเพิ่มถ้าขาดทุน

ระบบนี้ช่วยป้องกันไม่ให้คุณเสียเกินกว่าที่มีในพอร์ต ทำให้บริหารความเสี่ยงได้ง่ายขึ้นเยอะ

จุดเด่นของตลาด Forex เมื่อเทียบกับตลาด Futures

สรุปตารางเปรียบเทียบ ตลาด Forex กับตลาด Futures

Forex Futures
เปิด 24 ชั่วโมง ใช่ ไม่ใช่
ค่าธรรมเนียมต่ำ ใช่ ไม่ใช่
Leverage สูง ใช่ ไม่ใช่
ราคาแน่นอน ใช่ ไม่ใช่
การันตีการจำกัดความเสี่ยง ใช่ ไม่ใช่

จะเห็นได้ว่าการเทรดในตลาด Forex มีข้อดีเยอะกว่าตลาด Futures แทบจะทุกข้อ ทำให้ตลาด Forex เป็นสนามในการเทรดที่ดี

พื้นฐานการเทรด Forex

แต่เห็นว่า Forex มีข้อดีมากกว่า แล้วจู่ ๆ จะโดดลงสนามเลย แบบนี้ไม่ได้นะครับ ก่อนจะเริ่มเทรด Forex เราควรจะปูพื้นฐานมาให้ดีซะก่อน ไม่อย่างนั้นเราอาจจะสูญเสียเงินอันที่หวงแหนให้กับตลาด Forex เป็นแน่แท้ครับ ซึ่งการเรียนรู้พื้นฐาน Forex ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแต่เราต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการทำมันอย่างจริงจังครับ

ทางทีมงาน Forexthai ของเราได้ รวบรวมความรู้พื้นฐานการเทรด Forex ตั้งแต่ศูนย์ไว้ให้คุณแล้ว ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในวงการนี้ เราเชื่อว่าจะสามารถทำให้เทรดเดอร์ได้ความรู้ในการสร้างเงินจากตลาด Forex นี้ได้อย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อยครับ

เราได้แบ่งหัวข้อหรือ Step การเรียนพื้นฐาน Forex ออกเป็น 4 Step ได้แก่

  • STEP 1 : FOREX เริ่มต้นปูฟื้นฐาน
  • STEP 2 : โบรกเกอร์ FOREX
  • STEP 3 : เครื่องมือเทรด FOREX
  • STEP 4 : ซื้อขาย FOREX, วิเคราะห์ FOREX

นอกจากนี้ เรายังได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆ ที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องรู้และต้องใช้ในการเทรด Forex เอาไว้ให้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดที่เราได้กล่าวมานี้ “ฟรี” ทุกรายการ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งนั้นครับ

กลยุทธ์เทรดที่ใช้ได้ทั้งใน Forex และ Futures

แม้จะบอกว่า 2 ตลาดนี้มันมีความแตกต่างกันอยู่มาก แต่จริง ๆ การวิเคราะห์และการใช้กลยุทธ์บางอย่าง ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่ สามารถใช้ได้ทั้งในตลาด Forex และ Futures ครับ ยกตัวอย่างเช่น

  1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ใช้กราฟและอินดิเคเตอร์เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคา
  2. การเทรดตามแนวโน้ม: เทรดไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์หลัก
  3. การเทรดแบบสวนเทรนด์: เทรดสวนทางกับแนวโน้ม เป็นการทำกำไรในระยะสั้น ๆ
  4. การใช้ Fibonacci Retracement: หาจุดซื้อขายโดยใช้เส้น Fibonacci
  5. การบริหารความเสี่ยง: ใช้ Stop Loss และ Take Profit เพื่อจำกัดความเสี่ยงและล็อกกำไร

ความเสี่ยงในการเทรด Forex VS Futures

หากจะพูดถึงการลงทุน เราก็ไม่ควรที่จะพูดถึงแต่ด้านดี ๆ ของมันใช่ไหมล่ะครับ เพราะไม่ว่าจะ Forex หรือ Futures ก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น แต่ละตลาดมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ซึ่งเทรดเดอร์ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ

ความเสี่ยงในตลาด Forex

ความเสี่ยงในตลาด Forex

  1. ความผันผวนสูง
    • ตลาด Forex มีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็วและรุนแรง
    • ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองสามารถส่งผลกระทบต่อค่าเงินได้อย่างฉับพลัน ทำให้ต้องมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  2. Leverage สูง
    • ซึ่งมันเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียครับ เพราะมันเพิ่มทั้งโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงในการขาดทุน
    • การใช้ Leverage อย่างไม่ระมัดระวัง มันจะทำให้เราเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า “ล้างพอร์ต” ดังนั้น เราจำเป็นต้องมีวินัยในการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด
  3. ตลาดที่ขาดการควบคุมจากส่วนกลาง
    • Forex เป็นตลาดแบบกระจายศูนย์ ไม่มีองค์กรกลางควบคุม ส่งผลให้มีสภาพคล่องสูง
    • เพิ่มความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงจากโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    • สำคัญมากคือ ต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ โดยตรวจสอบประวัติและใบอนุญาตอย่างละเอียด

ความเสี่ยงในตลาด Futures

ความเสี่ยงในตลาด Futures

  1. สภาพคล่องที่ต่ำกว่า Forex
    • อาจส่งผลให้การเข้าและออกจากตำแหน่งการลงทุนทำได้ยากกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
    • ต้องรอเวลานานขึ้นเพื่อให้ได้ราคาที่ต้องการ หรืออาจต้องยอมรับราคาที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
  2. ต้นทุนการซื้อขายที่สูงกว่า
    • มีค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าตลาด Forex
    • ต้องวางเงินประกัน (Margin) ในปริมาณที่สูงกว่า ส่งผลให้ต้องใช้เงินทุนมากกว่าในการเข้าสู่ตลาด
  3. เงื่อนไขการซื้อขายที่เข้มงวด
    • จำเป็นต้องใช้บัญชีมาร์จิ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกเรียกเงินประกันเพิ่มหากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม
    • มีอัตรา Leverage ที่ต่ำกว่า Forex อย่างมาก (สูงสุดแค่ประมาณ 30:1 สำหรับคู่สกุลเงินหลัก)
  4. ความซับซ้อนของสัญญา
    • แต่ละสัญญามีรายละเอียดและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน จำเป็นต้องศึกษาอย่างละเอียดก่อนการลงทุน
    • อาจมีข้อจำกัดในการซื้อขาย เช่น ปริมาณขั้นต่ำที่ต้องทำการซื้อขาย

โดยสรุป ทั้งตลาด Forex และ Futures มีจุดเด่นและความเสี่ยงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การตัดสินใจเลือกตลาดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ขึ้นอยู่กับตัวเทรดเดอร์ เช่น

  • รูปแบบการลงทุนส่วนบุคคล
  • เป้าหมายทางการเงินระยะสั้นและระยะยาว
  • ระดับความสามารถในการรับความเสี่ยง
  • ปริมาณเงินทุนที่มี
  • เวลาที่สามารถทุ่มเทให้กับการลงทุน

และไม่ว่าจะเลือกลงทุนในตลาดไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษาและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งมีแผนบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว

สรุป

ตลาด Forex กับตลาด Futures คือ ตลาดสำหรับการเทรดหรือการซื้อขายล่วงหน้าในสินค้าประเภทต่าง ๆ แต่มีความแตกต่างกันเรื่องของ เวลาทำการ ค่าธรรมเนียม Leverage การจำกัดความเสี่ยงในรูปแบบต่าง ๆ ครับ ซึ่งหากใครสนใจอยากที่จะเทรด Forex แล้ว เราเชื่อว่าการเรียนพื้นฐานการเทรด Forex นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาและเราของหยิบยื่นสิ่งเหล่าให้ท่านผู้อ่านด้วยความเต็มใจครับ

เราขอเป็นกำลังใจให้คุณประสบความสำเร็จในเส้นทางเทรดเดอร์ครับ

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments

สารบัญบทความ