Forexthai.in.th ย่อให้
- Currency Pairs คือ การจับคู่สกุลเงินสองสกุลเพื่อเปรียบเทียบมูลค่า เช่น EUR/USD โดยตัวแรกเป็นสกุลเงินหลัก ตัวหลังเป็นสกุลเงินรอง
- ในการเทรด 1 ครั้งจะเป็นการซื้อสกุลเงินหนึ่งพร้อมกับขายอีกสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมกัน เช่น EUR/USD เมื่อ Buy คือซื้อ EUR ขาย USD
- สกุลเงินหลักในตลาด Forex มี 8 สกุล ได้แก่ USD EUR GBP JPY CAD CHF AUD และ NZD โดยแต่ละคู่เงินจะมีความผันผวนและพฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน
- คู่เงินแบ่งเป็น “คู่เงินหลัก” ที่มีสภาพคล่องสูง และ “คู่เงินรอง” ที่มีการเทรดน้อยกว่า โดยแต่ละคู่มีพฤติกรรมราคาแตกต่างกัน
หากคุณกำลังสนใจเริ่มต้นลงทุนในตลาด Forex สิ่งสำคัญนอกจากวิธีการเทรดแล้ว สิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจคือเรื่อง “คู่เงิน” (Currency Pairs) ครับ เพราะนี่คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณเทรด Forex ได้ ในบทความนี้ ผมจะพามาทำความรู้จักกับคู่เงินให้เข้าใจง่ายๆ กันครับ
Currency คืออะไร?

Currency หรือสกุลเงิน คือ เงินตราที่แต่ละประเทศใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ในแต่ละประเทศจะมีสกุลเงินที่แตกต่างกันไป อย่างประเทศไทยเราก็ใช้เงินบาท (THB) แต่ในตลาด Forex จะมีสกุลเงินหลักๆ ที่นักเทรดนิยมซื้อขายกัน 8 สกุลด้วยกัน ได้แก่
- ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD = US Dollars)
- ยูโร (EUR = Euro)
- ปอนด์ (GBP = Great Britian Pound)
- เยน (JPY = Japanese Yen)
- ดอลลาร์แคนาดา (CAD = Canadian Dollars)
- สวิสฟรังค์ (CHF = SwissFranc = Schweizer Franken )
- ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (AUD = Australian Dollars)
- ดอลล่าร์นิวซีแลนด์ (NZD = NewZealand Dollars)
โดยพื้นฐานสกุลเงิน จะทำให้เราทราบความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินที่จะแปรผันหรือแปรผกผันตามกัน
Currency pairs (คู่เงิน) คืออะไร ? เข้าใจใน 5 นาที
คู่เงินในตลาด Forex คือ การนำสกุลเงินสองสกุลมาจับคู่กันเพื่อเปรียบเทียบมูลค่า เมื่อมีการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของค่าเงินใดๆ จะทำให้ค่าของ อัตราส่วนคู่เงินนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเราจะเห็นในรูปแบบ XXX/YYY เช่น EUR/USD, GBP/JPY เป็นต้น
โดยการเทรด Forex จะเกี่ยวข้องกับการใช้คู่สกุลเงิน ซื้อและขายในเวลาเดียวกัน
ตัวอย่างการอ่านค่าคู่เงิน
ยกตัวอย่างคู่เงิน EUR/USD:
- EUR เป็นสกุลเงินหลัก (Base Currency)
- USD เป็นสกุลเงินรอง (Quote Currency)
- ตัวเลขจุดทศนิยมที่แสดงในกราฟ Forex นั้นมาจาก ค่าเงิน EUR หารด้วยค่าเงิน USD = 36.18 / 35.36 บาท = 1.2319 (ขึ้นกับราคาเสนอซื้อ-ขายในเวลานั้นๆ) หมายความว่า 1 ยูโร มีค่าเท่ากับ 1.2319 ดอลลาร์สหรัฐ
การเทรดคู่เงินทำได้อย่างไร?
- การเปิด BUY = ซื้อสกุลเงินหลัก / ขายสกุลเงินรอง
- การเปิด SELL = ขายสกุลเงินหลัก / ซื้อสกุลเงินรอง
หมายความว่า เมื่อคุณการสั่งซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD นั่นคือ คุณ “ซื้อ” ค่าเงิน EUR และ “ขาย” ค่าเงิน USD

เมื่อเรารู้ที่มาของคู่เงินจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า การวิ่งขึ้น-ลงของกราฟเกิดจากอะไร ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ในช่วงที่ EUR แข็งค่าขึ้น คู่เงิน EUR/USD ย่อมมีค่าสูงขึ้นเพราะตัวตั้งสูงขึ้น และตัวหารที่เท่าเดิม กราฟก็จะวิ่งในทิศทาง Uptrend
การเทรดคู่เงิน
การเทรดคู่เงิน หากใช้ใน Forex มีความหมาย คือ สิ่งที่ใช้ในการลงทุน เพราะการลงทุนกับ Forex เป็นการซื้อ-ขายเงินสกุลต่างๆ ซึ่งต้องทำเป็นคู่ ส่วนความหมายโดยทั่วไป คู่เงิน จะหมายถึงเงินสองสกุลเงิน ที่ใช้ในการลงทุน ซึ่งเป็นการเลือกเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายสกุลเงินตามที่ต้องการเพื่อเกร็งกำไรในอนาคต
ในตลาด Forex นั้น คู่สกุลเงินหนึ่งจะนับเป็นเพียงหน่วยเดียว แต่การกดเปิด Order 1 ครั้งคุณต้องเข้าใจว่ามัน คือ การซื้อค่าเงินหนึ่งและขายอีกค่าเงินหนึ่งไป การเปิด Order BUY 1 ครั้ง เป็นการซื้อสกุลเงินหลัก และขายสกุลรอง เมื่อสกุลเงินหลักราคาสูงขึ้นตามที่เราคาดการณ์จนเราพอใจและปิด Order นั่นหมายความว่าเราขายสกุลเงินหลักในราคาที่สูงกว่า

โดยราคาแต่ละคู่สกุลเงินขึ้นกับนายหน้าที่ขายและซื้อสกุลเงินให้กับเรา ก็คือ “โบรกเกอร์” ทำให้ spread แตกต่างกันในแต่ละโบรกเกอร์ เนื่องจากราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายของแต่ละโบรกเกอร์ไม่เท่ากัน
แตกต่างจากตลาดหุ้นตรงที่คุณต้องใช้เงินสดในการซื้อหุ้นจำนวนหนึ่ง รอราคาขึ้นแล้วค่อยขายออก เป็นสาเหตุให้ตลาด Forex มีการโอกาสในการทำกำไรได้ง่ายกว่าและใช้เงินทุนน้อยกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น
จุดเด่นของคู่เงิน
ทำไมนักลงทุนส่วนใหญ่ ถึงให้ความสนใจเกี่ยวกับคู่เงินกันมาก นั่นก็เพราะว่า จุดเด่นของคู่เงินอยู่ที่ การเป็นตัวกำหนดยอดเงินในอนาคตของเรานั่นเอง เพราะการ Trade คู่เงิน เป็นตัวกำหนดว่า หากเราลงทุนไปแล้ว จะได้กำไร หรือขาดทุน ทั้งนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์การเงินมาประกอบในการเลือกคู่เงิน
คู่เงินมีมากเท่ากับจำนวนสกุลเงินที่มีอยู่ในโลก แต่เราจะทำกำไรในตลาดได้ก็ต่อเมื่อมีความผันผวนในตลาด และความผันผวนเกิดจากการที่เงินไหลเข้าและออกจากประเทศนั้นๆ จึงเกิด “คู่เงินหลักและคู่เงินรอง” เป็นคู่เงินที่มีความนิยมในการเทรดมาก เนื่องจาก ลาดมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา
คู่เงินหลักและคู่เงินรอง

ในการลงทุนกับ Forex นั้น การเทรดคู่เงินจะมีอยู่ 2 แบบ คือ คู่เงินหลัก ซึ่งเป็นคู่สกุลเงินหลักๆ ที่ใช้กันในหมู่นักลงทุนของ Forex และ คู่เงินรอง คือคู่ของสกุลเงินที่มีใช้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้เป็นสกุลเงินที่นิยมกัน
ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะทำการเลือกเล่นคู่เงินหลัก และมีการซื้อคู่เงินรองไว้เกร็งกำไรบ้างเล็กน้อย เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอีกหนึ่งทาง
คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
EUR/USD
- คู่เงินที่มีปริมาณการเทรดสูงที่สุดในตลาด คิดเป็น 28-30% ของปริมาณการเทรดทั้งหมด
- Spread แคบที่สุด เหมาะกับทุกสไตล์การเทรด ทั้ง Scalping, Day Trade และ Position Trade
- ราคามักเคลื่อนไหวราบเรียบและคาดเดาได้ง่ายกว่าคู่อื่น เหมาะสำหรับมือใหม่
- การเคลื่อนไหวมักได้รับอิทธิพลจากนโยบายการเงินของ ECB และ FED
GBP/USD
- มีความผันผวนสูง สามารถเคลื่อนไหวได้ 100-200 pips ต่อวัน
- ช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูงสุดคือ 14:00-22:00 น. (ไทย) เนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิด
- ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของดอลลาร์มากที่สุด
- เหมาะกับเทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง และมีประสบการณ์
USD/JPY
- คู่เงินที่เป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ
- มักมีการเคลื่อนไหวแรงในช่วง 7:00-14:00 น. (ไทย)
- เยนมักแข็งค่าในช่วงตลาดผันผวน เช่น ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วง หรือ มีความกังวลเรื่องสงครามหรือการเมือง
- นิยมใช้ในการทำ Carry Trade เพราะเงินเยนมีดอกเบี้ยต่ำ

จะเห็นได้ว่า คู่เงิน ถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนในตลาด Forex ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคู่เงินหลัก หรือคู่เงินรองก็ตาม นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การลงทุนของเรานั้น มีกำไร และไม่มีปัญหาการขาดทุนในตลาด Forex ผมหวังว่าท่านผู้อ่านคงจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการประเมินความเสี่ยงได้ครับ
ความสัมพันธ์ของคู่เงิน (Correlation)
Trader หลาย ๆ ท่านอาจจะแค่ได้ยินเกี่ยวกับการเทรดแบบ Correlation กันใช่ไหมครับ การเทรดแบบนี้เป็นการเทรดแบบจับคู่ระหว่างคู่เงิน 2 คู่เงินขึ้นไป ซึ่งบางครั้งก็จะคาบเกี่ยวกับการเทรดแบบ Arbitrage ครับ แต่ในส่วนของ Correlation เองสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน
1. Positive Correlation (ความสัมพันธ์เชิงบวก)
- คู่เงินที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เช่น เมื่อ EUR/USD วิ่งขึ้น GBP/USD ก็มักจะวิ่งขึ้นตาม
- เหมาะสำหรับการยืนยันเทรนด์ เพราะเมื่อเห็นคู่เงินดังกล่าวจะมีทิศทางการวิ่งของราคาไปในทางเดียวกัน เช่น คู่เงินแรกมีแนวโน้มขาขึ้น คู่เงินที่สองก็จะมีแนวโน้มขาขึ้นครับ
- ตัวอย่างคู่เงินที่มี Positive Correlation สูง เช่น EUR/USD กับ GBP/USD และ AUD/USD กับ NZD/USD
2. Negative Correlation (ความสัมพันธ์เชิงลบ)
- คู่เงินที่เคลื่อนไหวสวนทางกันซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น คู่เงินแรกมีแนวโน้มขาขึ้น แต่คู่เงินที่สองกลับมาแนวโน้มขาลงครับ
- ใช้ในการกระจายความเสี่ยง เพราะหากขาดทุนในคู่หนึ่ง อีกคู่อาจจะได้กำไรมาชดเชย
- เหมาะสำหรับการเทรดแบบ Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยง
- ตัวอย่างคู่เงินที่มี Negative Correlation สูง เช่น EUR/USD กับ USD/CHF และ USD/CAD กับ AUD/USD
3. No Correlation (ไม่มีความสัมพันธ์)
- คู่เงินที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน หมายถึง การเคลื่อนไหวของคู่เงินหนึ่งไม่ส่งผลต่ออีกคู่เงินหนึ่ง
- การเคลื่อนไหวไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ทำให้ยากต่อการคาดการณ์ จับทางไม่ได้ ไม่มีรูปแบบของการวิ่งที่เหมือนกัน มันเหมือนกับการสุ่มจับฉลากครับ
- ต้องระมัดระวังในการเทรด เพราะไม่สามารถใช้คู่เงินอื่นในการยืนยันทิศทางได้
- มักพบในคู่เงินที่อยู่ในภูมิภาคที่แตกต่างกันมาก หรือมีปัจจัยพื้นฐานที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

การเทียบเทียบความสัมพันธ์ของคู่เงินดังกล่าวสามารถทำได้สองวิธีคือ หนึ่งการเปรียบเทียบทีละคู่เงินโดยใช้ Overlay indicator และสองการเทียบคู่เงินด้วยการคำนวณหาค่า Correlation coefficient ครับ โดยค่าดังกล่าวจะมีช่วงระหว่าง -100 ถึง 100 หรือ -1 ถึง 1 ครับ ซึ่งคู่ไหนมีเลขที่เข้าใกล้ 0 มากที่สุดจะบ่งบอกถึงความสัมพันธ์เชิง No Correlation นั่นเอง
สรุป
Forex Currency Pairs คือ ส่วนต่างของราคาระหว่างคู่เงิน 2 คู่เงิน แล้วจึงนำมา Plot เป็นกราฟแท่งเทียน โดยเราสามารถ Trade ค่าเงินเหล่านี้เพื่อเกร็งทำไรได้ ซึ่งแต่ในละคู่เงินจะมีความแตกที่ไม่เหมือนกันรวมไปถึงพฤติกรรมกราฟที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจการวิ่งราคาแต่ละคู่เงินจึงเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th