Forexthai.in.th ย่อให้

  • Forex Charts คือ กราฟแสดงความเคลื่อนไหวของราคาคู่สกุลเงิน บอกเล่าเรื่องราวพฤติกรรมของตลาด ช่วยให้มองเห็นภาพรวมแนวโน้ม วิเคราะห์อดีตและคาดการณ์อนาคต
  • Forex Charts มี 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ Line Chart, Bar Chart, Candlestick Chart เทรดเดอร์นิยมมากที่สุดคือ Candlestick Chart
  • Line Chart มีจุดเด่นคือมองเห็นภาพรวมของ Trend ได้ชัดเจน แต่ข้อจำกัดคือแสดงข้อมูลน้อย ไม่สามารถวิเคราะห์แบบละเอียดได้
  • Bar Chart มีจุดเด่นคือแสดงราคาเปิด-สูงสุด-ต่ำสุด-ปิด ทำงานเหมือนกราฟแท่งเทียน ข้อจำกัดคือดูยาก ใช้เวลาวิเคราะห์นาน
  • Candlestick Chart เป็นที่นิยมมากที่สุด แสดงข้อมูลที่จำเป็นออกมาครบถ้วน ข้อจำกัดคืออาจเกิดสัญญาณหลอกและต้องอาศัยประสบการณ์ในการตีความ

กราฟ Forex (Forex Chart)

เรื่องพื้นฐาน Forex ที่หลายคนมักมองข้ามหรือให้ความสนใจน้อยมากเกี่ยวกับ “กราฟ Forex (Forex Chart)” แต่ว่าความเป็นจริงมันคือเครื่องมือชนิดหนึ่งที่เทรดเดอร์ Forex หลายคนใช้มันในการทำกำไรมามากต่อมากแล้ว ในบทความนี้เราเตรียมข้อมูลมาแล้วว่า Forex Chart คืออะไร? มีความสำคัญและมีกี่รูปแบบ


Forex Charts คืออะไร ?

  • Forex Charts หรือ กราฟ Forex คือ กราฟที่แสดงความเคลื่อนไหวของราคาคู่สกุลเงินที่เทรดเดอร์สนใจ เช่นคู่เงิน EURUSD กราฟมันจะบอกเล่าเรื่องราวของตลาดคู่เงินนี้ว่ามีพฤติกรรมอย่างไร
  • อธิบายเพิ่มเติมว่า Forex Charts บอกอะไรแก่เราบ้าง?
    • มองเห็นภาพรวมแนวโน้มราคา (Trend) ทั้งช่วงขาขึ้น-ขาลง-sideways
    • วิเคราะห์ราคาจากอดีตเพื่อหา Pattern ซ้ำๆ จนเกิดทฤษฎีการทำกำไรแบบต่างๆ
    • คาดการณ์ราคาในอนาคตโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค หาจุดเข้า-ออกออเดอร์
    • ใช้เป็นแนวรับ-แนวต้านสำคัญสำหรับวางแผน Stop-Loss, Take-Profit
กราฟ Forex บอกอะไรบ้าง
แม้จะเป็นเพียงกราฟแสดงความเคลื่อนไหวของราคาคู่สกุลเงินคู่หนึ่ง แต่กราฟ Forex สามารถใช้เป็นตัววิเคราะห์ในเชิงเทคนิคได้มากมาย เช่น หาแพทเทิร์นราคาซ้ำ หาแนวโน้มราคา เป็นต้น

ประเภทของกราฟที่นิยมใช้กันในการเทรด Forex

แม้ว่าเทรดเดอร์ Forex หลายคนจะนิยมใช้กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ในการเทรด แต่ยังมีกราฟอีกหลายประเภทที่แพลตฟอร์มเทรดรองรับและสามารถให้ดูราคาสกุลเงินเคลื่อนไหวได้เช่นกัน

1.กราฟเส้น (Line Chart)

  • กราฟเส้น (Line Chart) คือกราฟที่มีลักษณะเป็นเส้นยาวเชื่อมต่อกัน จุดที่เชื่อมกันนั้นคือราคาปิด (Closing Price) หรือราคาตอนจบของแต่ละช่วงเวลา
  • ส่วนมากแล้วกราฟเส้นนิยมใช้เพื่อ…..
    • ดูแนวโน้ม (Trend) เพราะมันง่ายต่อการมองเห็นภาพรวมว่าราคาเป็นขาขึ้น ขาลง หรือ Sideways
    • ใช้วิเคราะห์ราคาในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงเพราะเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาปิดในแต่ละช่วงเวลาได้ชัดเจนกว่า
    • บางครั้งกราฟเส้นใช้วิเคราะห์แพทเทิร์นบางรูปแบบได้เช่น Head and Shoulders ที่มีลักษณะจำเพราะที่ดูได้ง่าย
  • กราฟเส้นนั้นเหมาะกับการเทรดหรือใช้งานแบบไหนบ้าง?
    • เหมาะกับการดูภาพรวมของราคาในตลาดโดยเน้นดูแนวโน้มระยะยาว
    • ใช้ดูเพื่อเทรดตามแนวโน้มเช่น กลยุทธ์ Trend Following
    • เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่เพิ่งฝึกอ่านกราฟ เพราะเข้าใจง่ายตัดรายละเอียดปลีกย่อยออกไปเยอะ
ตัวอย่างกราฟเส้น (Line Chart)
ตัวอย่างกราฟเส้น (Line Chart) บนกระดานเทรด จุดสีน้ำเงินที่มีเส้นลากเชื่อมกันคือจุดที่ราคาปิดลงในช่วงเวลาตามที่ Timeframe กำหนด

2.กราฟแท่ง (Bar Chart)

  • กราฟแท่งจะมีลักษณะเป็นแท่งเส้นหลายเส้น ในหนึ่งแท่งนั้นจะประกอบไปด้วย
    • ราคาเปิด (Open) : ราคาตอนเริ่มต้นที่มีการซื้อขายในช่วงเวลานั้น
    • ราคาสูงสุด (High) : ราคาสูงสุดที่มีการซื้อขายในช่วงเวลานั้น
    • ราคาต่ำสุด (Low) : ราคาต่ำสุดที่มีการซื้อขายในช่วงเวลานั้น
    • ราคาปิด (Close) : ราคาสุดท้ายที่มีการซื้อขายในช่วงเวลานั้น
  • หากราคาเปิดอยู่สูงกว่าราคาปิดในตอนจบ กราฟแท่งมักจะใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์ (แสดงถึงมีแรงขาย) แต่หากราคาเปิดอยู่ต่ำกว่าราคาปิด กราฟมักจะใช้สีเขียว (แสดงว่าแรงซื้อมีเยอะกว่า)
  • วิธีการใช้งานกราฟแท่ง (Bar Chart) ในเบื้องต้น
    • ดูความสัมพันธ์ระหว่าง ราคาเปิด-ปิด, High-Low เพื่อดูแรงซื้อ-แรงขาย เหมือนที่กล่าวไปข้างต้น
    • ใช้ดูจุดสูงสุด-ต่ำสุดของแท่ง เพื่อหาแนวรับ-แนวต้านที่เป็นไปได้
  • อันที่จริงแล้วรูปแบบของกราฟแท่งนั้นมีการอ่านค่าเหมือนกันกับกราฟแท่งเทียนเลยแต่ที่เทรดเดอร์ไม่ค่อยนิยมใช้ ก็น่าจะเป็นเพราะรูปร่างของมันดูค่อนข้างยากและเล็กลีบจนเกินไป
ตัวอย่างกราฟแท่ง (Bar Chart)
ตัวอย่างกราฟแท่ง (Bar Chart) ที่แสดงความหมายคล้ายกราฟแท่งเทียน คือมี ราคาเปิด-ปิด, ราคาสูงสุด-ต่ำสุด ณ ช่วงเวลาตาม Timeframe แต่สังเกตุเห็นอะไรมั้ยครับ…ว่ามันดูยากจริงๆ

3.กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart)

  • กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ถือว่าเป็นกราฟยอดนิยมของเทรดเดอร์ทั้งหลาย กราฟจะแสดงข้อมูลราคาในรูปแบบของ “แท่งเทียน” ซึ่งแต่ละแท่งจะบ่งบอกถึง ราคาเปิด-ปิด, สูงสุด-ต่ำสุด ในช่วงเวลานั้นๆ
  • ขออธิบายเพิ่มเติมในส่วนขององค์ประกอบลักษณะของแท่งเทียนดังนี้ครับ
    • ตัวแท่ง (Body) : ส่วนสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้แสดงช่วงระหว่างราคาเปิด-ปิด
    • แท่งเทียนสีเขียว/ขาว หมายความว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ( bullish )
    • แท่งเทียนสีแดง/ดำ หมายความว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด ( bearish )
    • ไส้เทียน (Shadow/Wick) : เส้นบางๆ ด้านบน-ล่างของตัวแท่ง แสดงถึงราคาสูงสุด-ต่ำสุด ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
  • การใช้กราฟแท่งเทียนส่วนมากก็จะใช้เพื่อ…
    • วิเคราะห์ Price Action โดยการดูขนาด สีและรูปร่างของแท่งเทียน เพื่อประเมินแรงซื้อ-แรงขาย ในช่วงนั้น
    • ใช้หารูปแบบแท่งเทียน เช่น Hammer, Doji, Engulfing ซึ่งบ่งบอกถึงสัญญาณกลับตัวหรือแนวโน้มได้
    • ใช้หารูปแบบราคา เช่น Head and Shoulders, Double Top/Bottom เป็นแพทเทิร์นเพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตเช่นกัน
กราฟแบบแท่งเทียน (Candlestick Chart)
กราฟแบบแท่งเทียน (Candlestick Chart) นั้นเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบและการเทรดทุกสไตล์ไม่ว่าจะเป็น Scalping, Day Trade, Swing Trade, Long Term เป็นต้น

ข้อจำกัดของ Forex Chart แต่ละแบบ

แม้ว่ากราฟแต่ละแบบจะมีจุดเด่นและข้อดีในตัวมันสักแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมีข้อจำกัดบางอย่างเช่นกันในกราฟแต่ละชนิด

ข้อจำกัดของ Line Chart

  • กราฟแบบนี้แสดงข้อมูลออกมาน้อยเพราะแสดงแค่ราคาปิด เราไม่สามารถเห็นรายละเอียดการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละช่วงเวลา เช่น ราคาเปิด, สูงสุด, ต่ำสุด
  • ในช่วงที่ราคาผันผวนจะตีความและวิเคราะห์ได้ยากมาก เช่น ถ้าราคาแกว่งขึ้นลง Line Chart จะแสดงออกมาไม่ครบว่าเคยเกิดช่วงระดับไหนบ้าง
  • และเนื่องจากที่มันแสดงข้อมูลน้อย มันจึงยากต่อการหารูปแบบราคา (Price Pattern) เพื่อไปวิเคราะห์แนวโน้ม

ข้อจำกัดของ Bar Chart

  • ผมถือว่า Bar Chart เป็นกราฟที่ดูยากที่สุด หากไม่คุ้นเคยกับมันมองว่ายากกว่า Line Chart เสียอีก
  • ผลต่อเนื่องจากการดูและวิเคราะห์ยากก็ทำให้ใช้เวลานานเกินไปในการวิเคราะห์ เสียเวลาจนอาจจะตกรถได้เลย

ข้อจำกัดของ Candlestick Chart

  • ข้อจำกัดของกราฟแท่งเทียนดูเหมือนจะมีน้อยกว่ารูปแบบอื่นๆ แต่สิ่งที่ต้องระวังสำกราฟแบบนี้คือ สัญญาณหลอกจากตลาด (False Signal)
  • และเป็นเพราะกราฟแท่งเทียนค่อนข้างมีข้อมูลครบถ้วนและดูง่ายในตัวมันเอง จึงทำให้เทรดเดอร์ต้องมีความรู้และเข้าใจก่อนจึงจะวิเคราะห์เป็น
ข้อจำกัดของ Forex Chart แต่ละแบบ
Forex Chart แต่ละแบบล้วนมีข้อจำกัดและเงื่อนไขเฉพาะของตัวมันเอง เช่น Line Chart ดูง่ายแต่ใช้วิเคราะห์ได้ไม่ลึก, Bar Chart มีข้อมูลครบแต่ดูยากมาก, Candlestick Chart มีข้อมูลครบ ดูง่ายแต่ต้องเรียนรู้ก่อน

Forex Chart เพิ่มเติม

นอกจากกราฟหลักๆ 3 รูปแบบที่ได้กล่าวยังมี ประเภทของกราฟราคา ในรูปแบบอื่นๆ อีก แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกัน ส่วนใหญ่จะใช้แบบเฉพาะบุคคลมากกว่า

1.Heikin Ashi

  • คล้ายกราฟแท่งเทียน แต่คำนวณราคาโดยใช้ค่าเฉลี่ยทำให้กราฟดูเรียบเนียนกว่า กราฟแบบนี้จะมองเห็นแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น

2.Renko

  • กราฟนี้มีแนวคิดคือตัด “สัญญาณรบกวน” (Noise) โดยสนใจแค่ “การเปลี่ยนแปลงของราคา” ที่ระดับที่กำหนด โดยไม่สนใจเวลา

3.Point & Figure

  • กราฟนี้จะเน้นการมองเห็น “การกลับตัวของราคา” (Reversal)” อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่สนใจเวลาเช่นกัน

4.Kagi

  • ใช้เส้นหนา-บาง แสดงถึงการขึ้น-ลงของราคา กราฟนี้จะกรองสัญญาณรบกวน เน้น “โมเมนตัม” (Momentum) ของราคาเท่านั้น”
Point & Figure
ตัวอย่างกราฟ Point & Figure ซึ่งใช้สัญลักษณ์ X (สีเขียว) แทนราคาขึ้น และ O (สีแดง) แทนราคาลง โดยไม่สนใจเวลา ช่วยให้เห็นแนวโน้มและการกลับตัวของราคาได้ชัดเจนขึ้น

วิดีโอเกี่ยวกับ Forex Chart ของมือใหม่

วิธีการอ่านกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เครดิต By Wysetrade Focus นาทีที่ 1:45-12:47

วิดีโอจากช่อง Wysetrade สอนวิธีการอ่านกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะอย่างที่บอกไปว่ากราฟแท่งเทียนค่อนข้างจะตอบโจทย์และใช้งานได้หลากหลายการเรียนรูและทำความเข้าใจกันมันก่อนจึงสำคัญ และเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นทีมงานเราจึงอยากจะแชร์วิดีโอนี้กับผู้อ่านทุกท่าน

  • Focus นาทีที่ 1:45 สาธิตวิธีดู ราคาเปิด-ปิด, สูงสุด-ต่ำสุด, วันที่ และ Timeframe
  • Focus นาทีที่ 3:30 อธิบายวิธีการระบุ Uptrend, Downtrend, และ Sideways
  • Focus นาทีที่ 6:00 วิธีการระบุ Momentum จากแท่งเทียน
  • Focus นาทีที่ 7:15 ยกตัวอย่างการวิเคราะห์ Momentum โดยดูจาก Price Action และ Candlestick Patterns

สรุป

ก็รับข้อมูลของ Forex Chart ทั้ง 3 แบบอย่างจุใจกันไปแล้วนะครับ เชื่อว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ก็คงเลือกใช้กราฟแท่งเทียนอยู่ดีด้วยปัจจัยทั้งหมด ทั้งการอ่านค่า การวิเคราะห์และใช้ดูแพทเทิร์นเป็นต้น ก็ถือว่ากราฟอีก 2 แบบนั้นเป็นความรู้เพิ่มเติมเอาไว้ไม่เสียหายอะไรแน่นอนครับ

ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นพื้นฐานความรู้สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เพื่อต่อยอดความรู้ในตลาด Forex อีกหลายๆ เรื่อง รวมถึงเป็นแหล่งข้อมูลทบทวนของเหล่าเทรดเดอร์รุ่นเก๋าด้วยนะครับ

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments