Forexthai.in.th ย่อให้
- PinBar คือ รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะคือ “หางยาว” ใช้ระบุจุดกลับตัวของราคาในตลาด Forex
- องค์ประกอบสำคัญคือ หางยาวอย่างน้อย 2/3 ของแท่ง, body ไม่เกิน 1/3 และต้องเกิดในจุดสำคัญของกราฟ
- ให้ผลตอบแทนสูงแต่เสี่ยงต่ำ นิยมเทรดในกรอบ H4 และ Daily โดยใช้ Risk:Reward 1:3 ถึง 1:6
- กลยุทธ์เข้าเทรดทำได้ 2 แบบ: เข้าที่บริเวณ Body หรือจุดกึ่งกลางแท่ง โดยต้องจัดการ Risk:Reward ให้เหมาะสมตามไทม์เฟรม
- เกิดไม่บ่อยแต่มีความน่าเชื่อถือสูง ควรใช้ร่วมกับ Price Action แนวรับแนวต้าน และ Trend หลัก เพื่อยืนยันสัญญาณ
ในโลกของ Forex การมองหาจุดกลับตัวที่แม่นยำถือเป็นศิลปะชั้นสูง วันนี้ผมจะพาทุกท่านมารู้จักกับ “PinBar” รูปแบบแท่งเทียนที่ทรงพลังที่สุดรูปแบบหนึ่งในการมองหาจุดกลับตัวของราคา
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
PinBar คืออะไร?
พินบาร์ (PinBar) มาจากคำว่า “Pinocchio” ใช่แล้วครับ ตัวละครหุ่นไม้จมูกยาวที่เราคุ้นเคยกันดี เหตุผลที่เรียกแบบนี้เพราะลักษณะเฉพาะของแท่งเทียนที่มี “หางยาว” คล้ายจมูกของ Pinocchio นิทานของหุ่นเชิดน้อยที่ชอบโกหก
แต่ที่น่าสนใจคือ หางยาวนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงการโกหก แต่กลับเป็นสัญญาณ “Reversal Pattern” ที่แสดงถึงระดับราคาหรือจุดราคาหนึ่งของตลาดที่เกิดการเปลี่ยนทิศทาง
ลักษณะเฉพาะของพินบาร์
การจะระบุ PinBar ที่มีคุณภาพ เราต้องดูองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วนหลักครับ โดยส่วนแรกที่โดดเด่นที่สุดคือ “หางยาว” ซึ่งต้องมีความยาวอย่างน้อย 2/3 ของความยาวทั้งแท่ง และที่สำคัญ ยิ่งหางยาวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงถึงการ Reject หรือ False Break (Fakey) ณ ระดับราคาสำคัญ ๆ
ส่วนที่สองที่ต้องพิจารณาคือ “Body ของแท่งเทียน” ซึ่งมีกฎสำคัญว่า:
- ต้องมีขนาดไม่เกิน 1/3 ของความยาวทั้งแท่ง
- สามารถมีขนาดเล็กมากจนเป็นเพียงเส้นขีดก็ได้ (หมายถึงราคาเปิดและปิดใกล้เคียงกันมาก)
- ที่สำคัญคือตำแหน่งของ Body ควรเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งของแท่ง ไม่ควรอยู่ตรงกลาง
ประการสุดท้ายที่จะมองข้ามไม่ได้เลยคือ “ตำแหน่งการเกิด PinBar” นั้นๆ ครับ หางยาวของ PinBar ควรยื่นแยกออกมาจากกลุ่มแท่งเทียนก่อนหน้าอย่างชัดเจน และมักจะเกิดในบริเวณที่สำคัญ เช่น แนวรับ แนวต้าน หรือจุด Pivot ต่างๆ การเกิดในจุดสำคัญเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสัญญาณของเรา
PinBar มักปรากฏในจุดสำคัญๆ ดังนี้:
- บริเวณแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่ง
- จุดที่เกิด Break Out สำคัญ
- ระดับ Pivot Point หลัก
- จุดตัดของเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญ
- บริเวณที่มี Gap ของราคา
ตัวอย่างการหาและเทรด PinBar ในกราฟ
ผมจะพาดูตัวอย่างการเทรดด้วย PinBar ในคู่เงินที่น่าสนใจสองคู่ครับ เริ่มจาก EUR/JPY ในกราฟ H1
ซึ่งเราจะเห็นในภาพบริเวณลูกศร เกิดพินบาร์ที่สมบูรณ์และการกลับตัวของราคาที่ชัดเจน
ตามด้วยคู่ GBP/AUD ในภาพด้านบนที่มีการแกว่งตัวแบบค่อนข้างรุนแรงเลย สามารถวิ่งได้ถึง 400-500 pips ต่อครั้งเลยทีเดียว
จุดเด่นที่ทำให้การเทรด PinBar เป็นที่นิยม
- เป็นรูปแบบการเทรดที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่ความเสี่ยงต่ำ
- เกิดขึ้นไม่บ่อยและมักปรากฏในช่วงเหตุการณ์สำคัญ ทำให้สัญญาณที่ได้มีความน่าเชื่อถือสูง
- มีความแม่นยำในการบ่งชี้จุดกลับตัวค่อนข้างสูง
กลยุทธ์การเข้าเทรดพินบาร์
จุดเข้าเทรดของ Pin Bar หลัก ๆ มีด้วยกัน 2 แบบดังนี้ครับ
- เข้าเทรดที่บริเวณ Body:
- สำหรับ Bullish PinBar ให้เข้า Buy ที่ส่วนบนของ Body
- สำหรับ Bearish PinBar ให้เข้า Sell ที่ส่วนล่างของ Body
- เข้าเทรดที่จุดกึ่งกลางแท่ง:
- วิธีนี้ใช้ได้กับทั้ง Bullish และ Bearish PinBar
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเสี่ยงปานกลาง
ตัวอย่างการเข้าเทรดใน Timeframe H4
การเทรดใน H4 จะให้สัญญาณที่มีคุณภาพและคุ้มค่ากับการรอ มาดูจังหวะการเปิดออเดอร์ และจุดทำกำไรกันเลยจ้า
- เปิด Buy ที่จุด A ถือรอจนเจอสัญญาณ PinBar กลับตัวที่จุด B: ได้กำไร 9 pips จากการถือ 5 แท่ง
- เปิด Buy ที่จุด C ถือรอจนถึงจุด D: ได้กำไรเร็ว 3 pips จากการถือเพียง 3 แท่ง
- เปิด Buy ที่จุด E ถือจนถึงจุด F: ได้กำไร 4 pips จากการถือ 8 แท่ง คุ้มค่ากับการรอ
พิเศษสุดคือช่วง Break Out ที่ลงแรงและเร็ว ใช้เวลาถือ 13 แท่ง (ประมาณ 52 ชั่วโมงหรือ 2 วัน 4 ชั่วโมง) ทำกำไรได้มากถึง 432.6 pips! คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม..
การจัดการ Risk:Reward ที่เหมาะสม
ย้ำอีกครั้งว่า Risk:Reward เป็นเรื่องที่คุณต้องทำการบ้านมาก่อน คิดมาก่อน ไม่ใช่มา “โลภ” เอาหน้างาน ผมแนะนำว่าการจัดการความเสี่ยงต่อผลตอบแทนควรปรับตามไทม์เฟรมที่เราเทรด เช่น
- H4 Timeframe: 1:3 ถึง 1:6
- Daily Timeframe: 1:2 ถึง 1:3
การใช้ PinBar กับ Price Action
รูปแบบ “Pin Bar” ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเทรด Forex โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ Price Action โดยมีหลักสำคัญคือ:
- ต้องวิเคราะห์ควบคู่กับระดับแนวรับ/แนวต้านเสมอ
- วิเคราะห์ Trend หลักเพื่อหา Bias สำหรับ Confirm สัญญาณที่มีคุณภาพ
- ยืนยันสัญญาณด้วยปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ
ถึงแม้ว่า PinBar จะใช้ได้ในทุก Timeframe แต่จะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดใน H4 และ Daily Chart ครับ หลายคนที่เริ่มใช้และเห็นประสิทธิภาพของมัน แล้วจะรู้ว่าไม่สามารถเทรดโดยไม่มีมันได้อีก
อันที่จริงยังมีวิธีเข้า order ด้วยพินบาร์อีกหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้พินบาร์ในแนวรับแนวต้าน, การใช้พินบาร์คู่ เช่นพินบาร์แท่งแดงคู่ เพื่อยืนยันแนวโน้มขาลง, การใช้ double pinbar คู่กับแนวรับแนวต้าน เป็นต้นครับ
Indicator ช่วยค้นหา PinBar อัตโนมัติ
สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความสะดวก เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเพ่งสายตามองหา Pinbar อีกต่อไป เพราะเรามีตัวช่วยที่แสนดีอย่าง Pin Bar Indicator ตัวนี้นี่เอง !!!
โดย Indicator ตัวนี้ สามารถระบุ Pin Bar ให้เราด้วยลูกศรสีแดงสำหรับแนวโม้นขาลง และสีเขียวสำหรับแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งมาพิจารณาดูแล้วก็แจ๋วพอตัวนะครับ… แต่จะดีกว่านี้หากเราใช้ Indicator ที่ระบุ Divergence อื่น ๆ มาช่วย เช่น RSI, MACD เป็นต้น
ให้ใครสนใจก็สามารถ Download indicator ตัวนี้ได้ฟรี ๆ ที่ >>> Click <<<
แม้จะมี Indicator ช่วย แต่ผมขอแนะนำให้ฝึกมองหา PinBar ด้วยตาเปล่าก่อน เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของการเกิดรูปแบบนี้อย่างแท้จริง Indicator ควรใช้เป็นตัวช่วยยืนยัน ไม่ใช่เครื่องมือหลักในการตัดสินใจ
บทความแนะนำสำหรับผู้เริ่มเทรด Forex
สรุป
สรุปได้ว่าหลักสำคัญในการใช้ Pin Bar Signal ก็คือ ต้องอยู่ถูกที่ และจะแม่นยำก็ต่อเมื่อนำปัจจัยแวดล้อมเข้ามาช่วยด้วยนั่นเอง สำหรับเทรดเดอร์หลายคนอาจเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอยู่เสมอ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาด Forex
ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจและนำไปใช้ประโยชน์ในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th