Forexthai.in.th ย่อให้
- Exchange Rate หรืออัตราแลกเปลี่ยน เป็นตัวกำหนดทิศทางกราฟผ่านการอ่อน-แข็งค่าของสกุลเงิน
- การเทรด Forex คือ การเก็งกำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน ยิ่งเข้าใจปัจจัยพื้นฐาน ยิ่งเพิ่มโอกาสทำกำไร
- ค่าเงินแข็ง-อ่อนถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และข่าวสาร ซึ่งล้วนกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
- การเปรียบเทียบการอ่อน-แข็งค่าของคู่เงิน ช่วยคาดการณ์แนวโน้มได้ เช่น แข็ง/อ่อน = ขาขึ้น, อ่อน/แข็ง = ขาลง
- เทรดเดอร์ควรวิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค โดยดูแนวโน้มการอ่อน/แข็งของคู่เงินก่อน จึงหาจังหวะเข้าเทรด
การเทรดในตลาด Forex คือการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน แม้คำว่า Exchange Rate อาจดูไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปิดปิดออเดอร์ แต่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการซื้อขายสกุลเงิน หรืออัตราแลกเปลี่ยน ถ้าเทรดเดอร์เข้าใจการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก็จะง่ายขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ค่าเงิน ส่งผลต่อเนื่องต่อการซื้อขายหรือการเทรดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทำความเข้าใจเรื่องนี้ เทรดเดอร์จะเข้าใจโลกของการเงิน การซื้อหรือขาย คาดการณ์แนวโน้มที่เกิดขึ้นจากการอ่อนค่าหรือแข็งค่า ที่มาจากปัจจัยพื้นฐาน
Exchange Rate คืออะไร?
Exchange Rate หรือ อัตราแลกเปลี่ยน คือความสัมพันธ์ระหว่างมูลค่าของสกุลเงิน 2 สกุลที่นำมาเปรียบเทียบกัน ตัวอย่างเช่น คู่เงิน EUR/USD 1.101 หมายความว่า 1 ยูโรมีค่าเท่ากับ 1.101 ดอลลาร์สหรัฐ หรือพูดอีกแบบคือ 1 ดอลลาร์สหรัฐมีค่าเท่ากับ 0.911 ยูโร
การซื้อขายในตลาด Forex จึงมักแสดงเป็นคู่เงิน โดยสกุลเงินด้านหน้าคือสกุลเงินที่เราต้องการซื้อ และสกุลเงินด้านหลังคือสกุลเงินที่เราใช้ในการซื้อ เช่น:
- EUR/USD – ซื้อยูโรด้วยดอลลาร์สหรัฐ
- USD/JPY – ซื้อดอลลาร์สหรัฐด้วยเงินเยน
- GBP/USD – ซื้อปอนด์ด้วยดอลลาร์สหรัฐ
การซื้อขายตามเรทอัตราแลกเปลี่ยน
อัตราแลกเปลี่ยนทำงานอย่างไร? เข้าใจกลไกตลาด Forex
อัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นลอยๆ แต่เป็นผลมาจากกลไกตลาด โดยมีปัจจัยหลักคือ อุปสงค์และอุปทานของแต่ละสกุลเงิน เมื่อสกุลเงินใดเป็นที่ต้องการสูง (Demand สูง) ค่าเงินนั้นก็จะแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หากสกุลเงินใดไม่เป็นที่นิยม ค่าเงินนั้นก็จะอ่อนค่าลง
ทำไมบางสกุลเงินถึงมีค่ามากกว่าสกุลอื่น?
สาเหตุหลักมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของแต่ละประเทศ ปัจจุบันสกุลเงินที่นักลงทุนให้ความเชื่อถือมากที่สุดคือ USD (ดอลลาร์สหรัฐ) เพราะมีรัฐบาลสหรัฐเป็นผู้ค้ำประกัน และถือเป็นสกุลเงินสากลที่ใช้กันทั่วโลก
อัตราแลกเปลี่ยนส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร?
การลงทุนระหว่างประเทศกับอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลกระทบโดยตรงกับการลงทุน เช่น นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศ ในระหว่างที่ค่าเงินในประเทศนั้น ๆ อ่อนค่าสกุลเงินที่จะนำมาลงทุน ส่งผลให้สามารถแลกเปลี่ยนค่าเงินได้ปริมาณมากยิ่งขึ้น พูดง่าย ๆ คือ เงินที่จะนำมาลงทุนมีเท่าเดิม แต่มูลค่าการลงทุนมากขึ้น
นักลงทุนในประเทศไทย ทำการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ในขณะที่ค่าเงินไทยอ่อนค่า จำเป็นที่จะต้องใช้เงินปริมาณมากกว่าเดิมในการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลนั้น ๆ สิ่งนี้เกิดจาก…
1.ค่าเงินแข็ง
- เป็นโอกาสดีของการนำเข้าสินค้าหรือลงทุนในต่างประเทศ เพราะเงินของเรามีอำนาจซื้อสูงขึ้น เช่น ถ้าค่าเงินบาทแข็งจนแลกดอลลาร์สหรัฐได้ที่ 30 บาท เราจะมีอำนาจซื้อมากกว่าช่วงที่ค่าเงินอ่อน
2.ค่าเงินอ่อน
- นี่กลับเป็นจังหวะดีสำหรับธุรกิจส่งออกหรือนักลงทุนที่ต้องการนำเงินกลับประเทศ เพราะเมื่อแลกกลับมาเป็นเงินบาทจะได้จำนวนมากขึ้น เช่น ถ้าค่าเงินบาทอ่อนจนต้องใช้ 40 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ การมีเงินดอลลาร์ 100 จะแลกเป็นเงินบาทได้ถึง 4,000 บาท
ใช้ประโยชน์จากการอ่อนหรือแข็ง ของค่าเงิน
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินอ่อนค่าและค่าเงินแข็งค่า จะถูกกำหนดด้วยหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น
- ปัจจัยทางการเมือง: สถานการณ์ทางการเมือง สงคราม หรือความไม่สงบ ล้วนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และกระทบต่อค่าเงินโดยตรง
- สภาพเศรษฐกิจ: ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และการเก็งกำไรของนักลงทุน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินแข็งหรืออ่อน
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: ประเทศที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้า เช่น ญี่ปุ่น มักมีค่าเงินที่แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆ
- ข่าวสารและข่าวลือ: แม้จะเป็นปัจจัยระยะสั้น แต่ก็สามารถสร้างความผันผวนให้กับอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว
เป็นหน้าที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการที่จะดูแลให้สภาวะเศรษฐกิจ การเงินในประเทศ มีความเสถียรและมั่นคง เพื่อดึงดูดนักลงทุน เพิ่มรายได้เข้าประเทศ เพื่อความเติบโตของประเทศโดยรวม
การใช้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนในการเทรด Forex
ตลาด Forex เป็นตลาดหนึ่งที่เมื่อก่อนนักลงทุนใช้เพื่อกระจายความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยการซื้อสกุลเงินในประเทศนั้น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ในปัจจุบันเทรดเดอร์และนักลงทุนใช้ในการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
ความเข้าใจเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน เป็นประโยชน์อย่างมากในการเทรด Forex เช่น เทรดเดอร์เลือกเทรดคู่เงิน EUR/USD เมื่อเช็คดูสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว ค่าเงิน EUR เป็นในช่วงอ่อนค่า และค่าเงิน USD อยู่ในช่วงแข็งค่า ก็พอจะคาดการณ์แนวโน้มของ EUR/USD ได้ว่ากราฟกำลังเป็นแนวโน้มขาลง เพราะอัตราแลกเปลี่ยนของ USD มีมูลค่าสูงขึ้นหรือแข็งค่าขึ้นนั่นเอง
การเปรียบเทียบการอ่อนค่าและแข็งค่าของคู่เงิน:
- อ่อน/อ่อน = แนวโน้ม Sideway เพราะทั้งคู่อ่อนค่าพอๆ กัน
- อ่อน/แข็ง = แนวโน้มขาลง เพราะฝั่งซื้อ (Base) อ่อนกว่า
- แข็ง/แข็ง = แนวโน้ม Sideway เพราะทั้งคู่แข็งค่าพอๆ กัน
- แข็ง/อ่อน = แนวโน้มขาขึ้น เพราะฝั่งซื้อ (Base) แข็งกว่า
- นิ่ง/นิ่ง = แนวโน้ม Sideway ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก
การวิเคราะห์กราฟเพื่อการลงทุน กำหนดแนวโน้มไม่ใช่เพียงแค่ดูกราฟเสมอไป แต่ปัจจัยพื้นฐานคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของกราฟขึ้นหรือลง ถ้าเทรดเดอร์เข้าใจว่าสภาพเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินนั้น ๆ เป็นอย่างดี ก็จะสามารถจับทิศทางในการเทรดหรือลงทุนได้
ลดความเสี่ยงจากการเทรดที่ส่วนแนวโน้ม ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือการอ่อนค่าหรือแข็งค่าของค่าเงินก่อนเทรด จากนั้นจึงไปหาจังหวะในการเทรดด้วยปัจจัยทางเทคนิค
กราฟไม่ได้ขึ้นลงเพราะอยากขึ้นหรือลง แต่เป็นเพราะปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก
สรุป
การเทรด Forex เกี่ยวข้องโดยตรงกับ Exchange Rate เพราะคือการเก็งกำไรส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าสามารถจับทิศทางได้ ก็จะเป็นประโยชน์กับการเทรด เพราะเบื้องหลังของกราฟขึ้นหรือลง มาจากค่าเงินอ่อนหรือค่าเงินแข็ง ผลมาจากปัจจัยพื้นฐานเช่นเศรษกิจ นโยบาย การเมือง สงคราม
ก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นมาเป็นกราฟให้เทรดเดอร์ได้เทรดกันในปัจจุบัน พื้นฐานย่อมมาก่อน ถ้าเข้าใจสิ่งเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อการเทรดทำกำไรในตลาด Forex อย่างแน่นอน
ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยน คือตัวกำหนดว่ากราฟจะขึ้นหรือลง เพราะมาจากการอ่อนหรือแข็งของสกุลเงิน ที่มีผลเกี่ยวเนื่องมาจากปัจจัยพื้นฐาน จงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้
ทีมงาน: forexthai.in.th
