Forexthai.in.th ย่อให้
- EMA 9 WMA 30 Trading setup คือ เทคนิคการเทรดที่ใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้น คือ EMA 9 และ WMA 30
- คิดค้นโดย Mike Bruns ผู้ก่อตั้ง TradingNaked
- วิธีใช้ง่ายๆ คือ ดูจากเส้น EMA 9 กับ WMA 30 แล้วรอจังหวะราคาทะลุ เปิด Long/Short ตามเทรนด์หลัก
- ช่่วยในการบอกเทรนด์ของตลาด/เข้าเทรดตามเทรนด์, กรองสัญญาณหลอกได้ดี และใช้ได้หลายไทม์เฟรม
- สัญญาณเกิดช้า เพราะเป็น lagged indicator
วันนี้เป็นบทความเกี่ยวกับเทคนิคการเทรด รูปแบบเงื่อนไขสัญญาณเทรด ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคนิค โดยเทคนิคนี้มีชื่อว่า 9/30 trading setup ที่คิดค้นโดย Mike Bruns ผู้ก่อตั้ง TradingNaked ซึ่ง Set up นี้น่าสนใจมาก จึงอยากจะมานำเสนอให้เพื่อนๆเทรดเดอร์ทราบกัน เผื่อนำไปปรับใช้เป็นไอเดียเทรดของตัวเองครับ
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
Trading rules – 9/30 trading setups
Moving Average (MA) คือ Indicator ที่ใช้หาค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ของราคาจำนวน xx แท่งเทียน
- เช่น MA10 หมายความว่า ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ของราคาจำนวน 10 แท่งเทียนย้อนหลัง เป็นต้น
โดย MA ก็แบ่งออกได้หลากหลายวิธีคิด ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณแบบ Simple, Exponential, และ Weighted เป็นต้น
ในยุคเริ่มแรกของการทำ Indicator MA นิยมใช้วิธีคำนวณแบบ Simple เนื่องจากเป็นพื้นฐานที่ง่ายที่สุด ต่อมาได้มีการพัฒนาปรับปรุงสูตรการคำนวณเป็นแบบ Exponential แทน เพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่และกลับตัวของเส้นกราฟเมื่อข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลง พูดง่าย ๆ ว่ามันทำให้เส้น MA ที่ได้มานั้นวิ่งตามราคาตลาดได้มากขึ้นนั่นเองครับ
ต่อมาก็มีการพัฒนาสูตรการคำนวณเพิ่มเป็นแบบ Weighted MA (WMA) ขึ้นมาเพิ่ม โดยวิธีนี้จะมีความคล้ายคลึงกับ Simple MA (SMA) แต่ว่าจะมีการถ่วงน้ำหนักของข้อมูล ซึ่งจะทำให้ค่าที่คำนวณออกมาได้กลายเป็น “ค่าที่วิ่งเร็วกว่า SMA นิดหน่อย” ครับ ถึงแม้ WMA จะมีการวิ่งที่เร็วกว่า SMA แต่เมื่อกลับกราฟกลับตัวมันจะแสดงตัวได้ช้ากว่านั่นเองครับ..
ในบทความนี้ เราจะแนะนำการ Set up EMA9 WMA30 โดยการ set up นี้จะประกอบด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้น คือ
- เส้นค่าเฉลี่ย EMA 9 วันย้อนหลัง
- เส้นค่าเฉลี่ย WMA 30 วันย้อนหลัง
การใช้ 9/30 trading setups
Long (ฺBuy) setup
- EMA 9 อยู่เหนือ WMA 30
- ราคาปิด ต่ำกว่า EMA 9 (หรือถ้าเทรดเดอร์ Conservative หน่อย อาจใช้ทั้งแท่งเทียนต่ำกว่า EMA9)
- วาง Buy stop ที่ High ของแท่งเทียนที่ปิดต่ำกว่า EMA9 (คือจะเปิด Long เมื่อราคาดีดตัวเหนือ High ของแท่งเทียนที่ปิดต่ำกว่า EMA9)
Short (Sell) setup
- EMA 9 อยู่ต่ำกว่า WMA 30
- ราคาปิด สูงกว่า EMA 9 (หรือถ้าเทรดเดอร์ Conservative หน่อยอาจใช้ทั้งแท่งเทียนสูงกว่า EMA9)
- วาง Sell stop ที่ Low ของแท่งเทียนที่ปิดสูงกว่า EMA9 (คือจะเปิด Long เมื่อราคาดีดตัวเหนือ High ของแท่งเทียนที่ปิดต่ำกว่า EMA9)
ตัวอย่างการใช้งาน set up
Long: USD/AUD สังเกตช่วงที่เส้น EMA9 อยู่เหนือ WMA30 รอจังหวะที่ราคาลงมาปิดต่ำกว่าเส้น EMA9 และตั้ง Buy stop ที่ High ของแท่งดังกล่าว
Short: USD/AUD สังเกตช่วงที่เส้น EMA9 อยู่ต่ำกว่า WMA30 รอจังหวะที่ราคาลงมาปิดสูงกว่าเส้น EMA9 และตั้ง Sell stop ที่ Low ของแท่งดังกล่าว
ทำไมรูปแบบนี้ถึงเทรดได้ผล
การเทรดนั้นเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของปัจจัย การเทรดนั้นจะต้องมีเหตุและผลในการอธิบายความเชื่อมโยงในการตั้งค่า ซึ่งค่า EMA และค่า WMA ต่างก็เป็นค่า Moving Average ทั้งคู่ เพียงแต่ “ค่า WMA เป็นเส้นให้สัญญาณที่เคลื่อนไหวช้า” จึงใช้จ่ายเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ขณะที่ EMA นั้นเน้นให้ความสำคัญกับค่าแท่งเทียนในแท่งปัจจุบัน ดังนั้น “EMA จึงเป็นเส้นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่า”
การเคลื่อนไหวและค่าของ EMA กับ WMA
- EMA 9 คือค่า EMA ที่มีค่าใกล้เคียงกับ 2 อาทิตย์ (10 วัน)
- WMA 30 คือ ค่า 6 สัปดาห์
ซึ่ง 2 สัปดาห์ คิดเป็น 3 เท่า ของ 6 สัปดาห์ ซึ่งหมายถึง “เคลื่อนไหวเร็วกว่า 3 เท่า” ดังนั้นการใช้เส้นที่ช้ากว่า 3 เท่าจึงสามารถนำมาเป็นเส้นเปรียบเทียบได้
การใช้ 9/30 trading setups แบบเข้าเทรดตามเทรนด์ เครดิต By Power of Trading Focus นาทีที่ 2:03-8:23
ข้อดีของการใช้ Setup เส้นค่าเฉลี่ย 9/30
- การใช้ค่าเฉลี่ยแบบสองเส้น จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของแนวโน้มตลาดได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยที่ WMA 30 จะบอกถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในแนวโน้มหลัก ในขณะที่ EMA 9 จะมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น ๆ มากกว่า ทำให้เราสามารถจับจังหวะเข้า-ออก ออเดอร์ได้แม่นขึ้น
- การ Setup การเทรดแบบ 9/30 จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงจากการเทรดสวนเทรนด์ เพราะในเทคนิคนี้ เราจะเทรดตามทิศทางของ WMA 30 เท่านั้น ซึ่งเป็นการยืนยันเทรนด์หลักของตลาด
- กรองสัญญาณหลอกได้ดีกว่าการใช้เส้นเดียว ทำให้ลดโอกาสการเทรดผิดทิศทางได้มาก อีกทั้งยังสามารถปรับใช้ได้กับหลายไทม์เฟรม ไม่ว่าจะเป็น H1, H4 หรือแม้แต่ Daily ก็ตาม ทำให้เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้ได้ตามสไตล์การเทรดของตัวเอง
ข้อจำกัดของการเทรด
จุดอ่อนของเครื่องมือประเภท Moving average คือ ความล่าช้าของสัญญาณ เพราะว่ามันเป็น “สัญญาณประเภท Lagged indicator” การเปลี่ยนแปลงราคานั้นเกิดขึ้นก่อน Moving Average เคลื่อนไหว
ยิ่งการใช้ Moving Average ซ้อนกัน 2 ตัวทำให้การเคลื่อนไหวของราคากับ MA นั้นเคลื่อนไหวช้ากว่ากำหนด ทำให้การกำหนดจุดเข้านั้นอาจจะทำได้ลำบาก หลัก ๆ จึงนำมใช้บอกทิศทางเท่านั้น ซึ่งเทรดเดอร์ที่จะใช้งาน Moving Average นั้นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของ Indicator นี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม… ไม่มี Indicator ตัวไหนที่สมบูรณ์แบบ เทรดเดอร์จะต้องรู้จักประยุกต์ใช้งาน และฝึกให้ชำนาญเอง จึงจะช่วยเติมเต็มจุดอ่อนของ Indicator ได้ และสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว ลองนำไปเป็นไอเดียในการเทรดกันดูนะครับ
Nakrob Seareechon
บรรณาธิการ/Web master
ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเงิน พัฒนาระบบเทรดอัตโนมัติและพัฒนาเว็บไซต์ควบคู่การเทรดด้วยตนเอง
อ่านประวัติเพิ่มเติม
Krisorn Himmapan
Content Writer
ประสบการณ์เทรด Forex 12+ ปี จากพนักงานบริษัทสู่เทรดเดอร์อาชีพ เน้นกลยุทธ์ Long-term Trading
อ่านประวัติเพิ่มเติมทีมงาน: forexthai.in.th